True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1155 วันเปิดหม้อ
อี้อวิ๋นตะลึงงันอย่างสมบูรณ์ จู่ๆ ในจุดตันเถียนของสาวน้อยนางหนึ่งก็มีภาพเช่นนี้ปรากฏ ไม่ว่าใครมาเห็นก็ขนลุกทั้งนั้น
นี่คือวิญญาณหรือสิ่งชั่วร้าย?
อี้อวิ๋นไม่อาจตัดสินใจในทันที เขารู้สึกได้รางๆ ว่าใบหน้าคนอันดุร้ายนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
แม้สำนักคลื่นหยกจะเล็กและอ่อนแอ แต่ต่งเส่าชิงก็พอรู้จักผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะตอนที่พาต่งเสี่ยวหรั่นไปหาหมอทั่วทิศก่อนหน้านี้หรือตอนที่ป่วยหนักอย่างตอนนี้ คนมากมายที่เคยดูอาการนางก็ไม่เจอที่มาของปัญหา
หากไม่เพราะอี้อวิ๋นมีการมองเห็นพลังของผลึกม่วง เขาก็คงยากที่จะรู้สึกถึงสิ่งชั่วร้ายอันแปลกประหลาดนี้
“สองสามวันนี้มีปรมาจารย์โอสถคนใดพบต่งเสี่ยวหรั่นหรือเปล่า?”
อี้อวิ๋นถาม ต่งเส่าชิงพยักหน้า “มีขอรับ หลายปีมานี้ฮูเหยียนชางมีสหายในเมืองสรรพสิ่งอยู่ไม่น้อย คุณชายอี้ก็รู้ ความจริงปรมาจารย์โอสถอาวุโสหลายคนต่างมองเรื่องที่ท่านเปิดห้องหออวิ๋นซินใกล้กับโรงโอสถฟ้าประทานเป็น…เป็น…เรื่องตลก”
ต่งเส่าชิงลังเลใจแต่ก็พูดความจริง การกระทำทั้งหมดก่อนหน้านี้ของอี้อวิ๋นเป็นการไม่ประมาณตนในสายตาคนอื่น พวกปรมาจารย์โอสถที่มีชื่อเสียงมานานแล้วจะเห็นเขาอยู่ในสายตาได้อย่างไร?
“ดังนั้น…หลังจากที่เสี่ยวหวั่นเกิดเรื่องก็มีปรมาจารย์โอสถสองสามคนมาดูโดยบอกว่าจะช่วยดูอาการ ตอนนั้นข้าน้อยร้อนรนทำอะไรไม่ถูก หวังว่าจะมีปรมาจารย์โอสถยอมช่วยเหลือจึงยอมให้พวกเขาดู ทว่าพวกเขาส่วนใหญ่กลับมาเพื่อดูเรื่องตลก มีคนผู้หนึ่งบอกให้ข้าส่งเสี่ยวหวั่นให้ฮูเหยียนชางสองสามวันก็จะ…”
ต่งเส่าชิงพูดไม่ออกอีกเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขามีลูกสาวแค่คนเดียว
จอมยุทธ์ส่วนใหญ่มีภรรยาหลายคน แต่ต่งเส่าชิงเป็นคนรักเดียวใจเดียว เขามีคู่ฝึกแค่คนเดียวมาทั้งชีวิต หลังจากที่ตายไปก็ทิ้งลูกสาวไว้ให้คนเดียวและมีพรสวรรค์โดดเด่น นางเป็นความหวังทั้งหมดของต่งเส่าชิง
อี้อวิ๋นพยักหน้า ไม่มีปรมาจารย์โอสถคนใดเห็นถึงความผิดปกติจริงๆ ด้วย “ตอนนั้นลูกสาวเจ้าเข้าไปยังที่ใด เหตุใดจึงเกิดเหตุเภทภัยเช่นนี้?”
ต่งเส่าชิงพูดว่า “นางเข้าไปในที่ขุดเจาะศิลาพิภพของสำนักคลื่นหยกขอรับ ขณะที่ขุดเจาะก็พบซากวัตถุโบราณใต้ดินที่ไม่รู้ถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหน เสี่ยวหวั่นเกิดความสงสัยจึงเข้าไปข้างใน คนในสำนักจำนวนไม่น้อยก็เดินทางเข้าไปด้วย… เสี่ยวหวั่นเป็นที่นิยมของคนในสำนักมาก ศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายคนพากันแย่งที่จะได้เข้าไปกับนาง”
“เช่นนั้นคนพวกนั้น? พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยกันหมดหรือ?” อี้อวิ๋นถามแทรก
“ขอรับ…กระมัง…” เดิมทีต่งเส่าชิงก็มั่นใจ แต่เมื่อถูกอี้อวิ๋นถามก็กลับเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมา
“ตกลงใช่หรือไม่ใช่?”
“เรื่องนี้…อย่างน้อยที่สุดข้าน้อยก็มองไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไรขอรับ” ต่งเส่าชิงตอบอย่างจริงจัง แม้เดิมทีต่งเสี่ยวหวั่นจะไม่อาจฝึกวรยุทธ์แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะอันตรายถึงชีวิต หากไม่ใช่เพราะกินโอสถชำระร่าง เขาก็คงไม่รู้ว่านางเจอหายนะที่น่ากลัวขนาดนี้
อี้อวิ๋นขมวดคิ้วพูดว่า “ข้าจะพยายามช่วยชีวิตลูกสาวเจ้าสุดความสามารถ ขั้นตอนมีความยุ่งยากเล็กน้อยแต่ก็พอมีเบาะแส เจ้าไม่ต้องกังวล ตอนนี้ชีวิตนางยังไม่ตกอยู่ในอันตราย”
แม้สภาพของต่งเสี่ยวหวั่นในตอนนี้จะดูเหมือนพลังชีวิตใกล้ดับมอดและอยู่ได้อีกไม่กี่วัน แต่อี้อวิ๋นกลับแน่ใจว่าหากต่งเสี่ยวหวั่นตายลง สิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในร่างก็จะไร้ที่ซ่อน หากมันมีสติปัญญาอยู่บ้างก็ไม่มีทางทำให้ต่งเสี่ยวหวั่นตายจริงๆ
“ขอบพระคุณคุณชายอี้ขอรับ!”
ต่งเส่าชิงโค้งตัวคำนับ เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่อี้อวิ๋นแล้ว
และในตอนนี้เองที่มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างฉับพลัน…
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ต่งเส่าชิง ลูกสาวเจ้าโอสถปลอมและใกล้ตายแล้ว แต่นี่เจ้ากลับทำความเคารพให้คนที่ทำร้ายนาง ชีวิตนี้ข้าก็เคยเจอคนโง่มาก่อน แต่ไม่เคยเจอใครโง่เท่าเจ้า!”
เสียงของคนผู้นี้ดังก้อง สีหน้าต่งเส่าชิงจมลง เขาหันไปมองก็เห็นรถม้าสีดำคันหนึ่งลากเข้ามาโดยม้าปีศาจมังกรสี่ตัว
ชายที่ดูหนุ่มมากคนหนึ่งเดินลงจากรถม้า เขาคือฮูเหยียนชาง!
ต่อจากฮูเหยียนชางก็มีคนมากมายตามเข้ามา
จั่วชิวเฮ่าอวี้ยอมมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีคนที่สวมชุดหลอมโอสถหลายคน ในคนเหล่านี้มีศิษย์ของฮูเหยียนชางอยู่สองสามคน ทั้งยังมีปรมาจารย์โอสถของเมืองสรรพสิ่งที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ
หลายปีมานี้ฮูเหยียนชางมีสหายในแวดวงหลอมโอสถจำนวนไม่น้อย วันนี้พวกเขาย่อมมาสนับสนุนฮูเหยียนชาง
เมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมากทันที ทุกคนย่อมจำได้ว่าวันนี้คือวันที่อี้อวิ๋นจะเปิดหม้อหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย!
ในตอนนี้เองที่บนท้องถนนมีแสงสีเขียวอันอ่อนโยนสายหนึ่งแล่นผ่าน ทุกคนพากันหลบตัวก็เห็นเรือรบวิญญาณที่ทำจากหยกลำหนึ่งบินเข้ามาในฝูงชน
เมืองสรรพสิ่งไม่อนุญาตให้เหาะเหิน แต่ถึงกระนั้นก็มีคนจำนวนน้อยมากที่มีสิทธิพิเศษให้บินระดับต่ำได้ ระยะห่างที่เหนือจากพื้นดินก็เป็นตัวแสดงให้เห็นว่าสิทธิพิเศษสูงแค่ไหนเช่นกัน
เรือรบวิญญาณร่อนตัวลง ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีแดงสดผู้หนึ่งเดินลงมา
“ปรมาจารย์จั่วชิวปั๋วจากหอเซียนโอสถ!”
มีคนรู้จักชายผู้นี้ หอเซียนโอสถเป็นหนึ่งในโรงโอสถใหญ่ทั้งสามของเมืองสรรพสิ่ง โรงโอสถฟ้าประทานก่อตั้งโดยความร่วมมือของหลายกลุ่มอิทธิพล แต่หอเซียนโอสถนี้เป็นธุรกิจส่วนตัวของหอเซียนสรรพสิ่ง
แม้จั่วชิวปั๋วจะมีชื่ออยู่ในหอเซียนโอสถ แต่ความจริงแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้เขาเป็นผู้ลงมือหลอมโอสถ คนระดับเขาไม่เคยปรากฏตัวในหอเซียนโอสถ ยิ่งลงมือน้อยมากไปกันใหญ่ ไม่เหมือนฮูเหยียนชางที่อยู่ถาวรที่โรงฟ้าประทาน ขอเพียงให้เงินมากพอก็เชิญตัวได้
ในโลกของเมืองสรรพสิ่ง ตำแหน่งของจั่วชิงปั๋วย่อมสูงกว่าฮูเหยียนชาง
“ท่านอาปู่หก ท่านเองก็มาด้วยหรือขอรับ”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ดีใจเมื่อเห็นจั่วชิวปั๋ว แม้เขาจะเป็นคุณชายของหอเซียนสรรพสิ่งแต่ก็เป็นแค่เด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ความขัดแย้งที่มีกับอี้อวิ๋นก็เป็นความขัดแย้งระหว่างเด็กๆ ไม่มีทางถึงระดับของหอเซียนสรรพสิ่ง
ความจริงแล้วบุคคลสำคัญที่แท้จริงของหอเซียนสรรพสิ่งไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยนี้ จั่วชิวเฮ่าอวี้คิดไม่ถึงว่าจั่วชิวปั๋วจะปรากฏตัว เรื่องนี้ทำให้เขาดีใจมากจริง เขาหวังให้จั่วชิวปั๋วจะให้การสนับสนุนเขาในหอเซียนสรรพสิ่ง
“เฮ่าอวี้ วันนี้ข้าแค่เดินผ่านที่นี่ เนื่องจากได้ยินว่าเจ้าเมืองฉินจะมาจึงหยุดเพื่อทักทายเขาก็เท่านั้น”
จั่วชิวปั๋วพูดเรียบๆ ความจริงเขาไม่สนใจเรื่องที่อี้อวิ๋นหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยแม้แต่น้อย เขามาที่นี่เพราะเจ้าเมืองฉินต่างหาก
จั่วชิวปั๋วเพิ่งพูดจบก็เห็นอสูรโบราณสีทองเข้มเก้าตัวลากรถม้าศึกที่เรียบง่ายธรรมดาคันหนึ่งเข้ามาด้วยเสียงดังสนั่น!
บนรถม้าศึกคันนี้มีชายวัยกลางคนชุดฟ้าผู้หนึ่งยืนอยู่ กลิ่นอายของชายผู้นี้ซ่อนเร้น บนร่างมีแสงจางๆ สาดกระพริบ…นี่คือผลจากการที่ฝึกถึงระดับหนึ่งจนกฎรวมตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ
คนผู้นี้คือเจ้าเมืองฉิน!
ข้างเจ้าเมืองฉินมีสาวงามคนหนึ่ง ใบหน้านางสวมผ้าคลุม อ้อมแขนกอดกู่ฉินเอาไว้ แน่นอนว่าคือองค์หญิงจิ้งจอกขาว
“ท่านเจ้าเมืองฉิน ท่านเจ้าเมืองฉินมาจริงๆ ด้วย!”
ทุกคนพากันตื่นตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ของเด็กรุ่นเยาว์ระหว่างอี้อวิ๋นกับจั่วชิวเฮ่าอวี้จะทำให้เจ้าเมืองฉินสนใจได้!
……………………………………………