True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1130 ทะเลเพลิง
ใคร!?
ทูตเทียนซูระวังตัวขึ้นมา เขาเห็นชัดแล้วว่าเด็กหนุ่มคนนั้นฉีกมิติออกมา หรือนั่นจะเป็นที่ตั้งจุดเชื่อมมิติของสำนักกระบี่สระใส?
“ฮ่าฮ่า! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะบอกที่ตั้งของจุดเชื่อมมิติให้ข้ารู้เอง นี่เท่ากับบอกวิธีทำลายค่ายกลให้ข้าชัดๆ!”
ทูตเทียนซูหัวเราะ คนผู้นี้ช่างโง่เขลายิ่งนัก คราวนี้จะได้ส่งสำนักกระบี่สระใสไปปรโลก
แต่ทูตเทียนซูเพิ่งหัวเราะได้สองคำก็หัวเราะไม่ค่อยออกอีก เขามองเด็กหนุ่มคนนี้ถือกระบี่เข้ามาใกล้ ไม่รู้เหตุใดพลังของอีกฝ่ายจึงทำให้รู้สึกขนลุกขึ้นมา
“เจ้าเป็นใคร?” ทูตเทียนซูขมวดคิ้วถาม เขาเดาว่าคนผู้นี้มาจากสำนักกระบี่สระใส คงเป็นคนระดับสูงในสำนัก แม้หน้าตาจะยังหนุ่มแต่ก็อาจเป็นปีศาจเฒ่า
“วังวิถีเจ็ดดาราของพวกเจ้าไล่สังหารข้า แต่ตัวเจ้าที่เป็นทูตของวังวิถีเจ็ดดารากลับไม่รู้จักข้า?”
อี้อวิ๋นพูดเย้ยหยัน เขาอยู่ห่างจากทูตเทียนซูแค่ยี่สิบจั้งแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของอี้อวิ๋นก็ตะลึงอึ้งไป
“เจ้าคือ…อี้อวิ๋น!?”
ทูตเทียนซูตกใจ เขาย่อมเคยได้ยินเรื่องลักษณะเฉพาะของหน้าตาอี้อวิ๋น แต่เพราะมั่นใจว่าอี้อวิ๋นจะตายอยู่ที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์จึงไม่สนใจนัก สิ่งที่เขาสนใจจริงๆ คือค่ายกลโบราณของสำนักกระบี่สระใส
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลังจากที่อี้อวิ๋นไปทะเลทรายกลบอาทิตย์ได้หนึ่งปีแล้วจะกลับมาอย่างปลอดภัย ที่แปลกไปกว่านั้นคือเหตุใดจู่ๆ เขาจึงมีกลิ่นอายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?
ในตอนนี้เอง…
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!
คนจากวังวิถีเจ็ดดาราพากันบินเข้ามาไม่หยุด พวกเขารู้สึกถึงสถานการณ์ที่นี่ รองประมุขทั้งสี่ของวังวิถีเจ็ดดาราต่างไปทะเลทรายกลบอาทิตย์กันหมด คนที่อยู่เฝ้าสำนักกระบี่สระใสในเวลานี้จึงเป็นทูตเจ็ดดารากับผู้อาวุโสวังวิถีกันหมด
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนออกมาหาที่ตาย ข้าคิดว่าสำนักกระบี่สระใสเป็นเต่าแก่กับเต่าเด็กเสียอีก สระใสอะไรกัน เป็นสระเลี้ยงเต่าหดหัวชัดๆ”
คนผู้หนึ่งบินเข้ามาพร้อมหัวเราะเสียงดัง ทว่าเขาเพิ่งมาถึงฟากตรงข้ามอี้อวิ๋นก็ต้องหยุดชะงักไป คนผู้นี้คือคนคุ้นเคยเก่าของอี้อวิ๋น…ทูตอวี้เหิง
“อี้อวิ๋น!? เจ้า…”
ทูตอวี้เหิงตกตะลึง ในฐานะทูตเจ็ดดาราที่คลุกคลีกับอี้อวิ๋นมากที่สุด เขาจึงเข้าใจสถานการณ์ของอี้อวิ๋นมากกว่าใคร เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากที่เวลาผ่านมาหนึ่งปี กลิ่นอายที่อี้อวิ๋นส่งออกมาก็ทำให้ตื่นตกใจ เพียงแค่ถูกดวงตาที่มีเปลวไฟสีเทาเต้นอยู่มองผ่านก็ประหนึ่งถูกแช่แข็งไปทั้งร่าง
หรือว่า…
ทูตอวี้เหิงตระหนักได้อย่างฉับพลันว่าที่พลังอี้อวิ๋นเพิ่มขึ้นเช่นนี้ได้ก็คงเพราะเจอโชคบางอย่าง เรื่องนี้ทำให้เขาอดคิดเชื่อมโยงกับทะเลทรายกลบอาทิตย์ไม่ได้ อี้อวิ๋นได้ผลเก็บเกี่ยวจำนวนมากจากทะเลทรายกลบอาทิตย์?
“เจ้าหนีรอดจากการไล่สังหารของพวกรองประมุขหลิ่ว?” ทูตอวี้เหิงหยั่งเชิงถาม ตามหลักแล้วอี้อวิ๋นที่เจอรองประมุขทั้งสี่ไม่ควรรอดชีวิตจึงจะถูก
“หนีรอดจากการไล่สังหารของพวกเขา?” อี้อวิ๋นยิ้มเยาะ เขาไม่อยากพูดกับคนพวกนี้ให้มากความ “เจ้าเก็บเรื่องนี้ไปถามพวกเขาในนรกเองก็แล้วกัน”
“อะไรนะ?” ทูตอวี้เหิงยังไม่ทันตอบสนองว่าอี้อวิ๋นหมายความอย่างไรก็เห็นลำแสงกระบี่หยางบริสุทธิ์พุ่งผ่านอากาศ เพียงพริบตาก็มาถึงตรงหน้าทูตอวี้เหิง
“เจ้าเด็กเหลือขอ คิดว่าจะสู้ข้าได้หรือ?”
ทูตอวี้เหิงมีสีหน้าดุร้าย พู่หางม้าพุ่งออกจากแขนเสื้อ ด้ายเงินหลายหมื่นเส้นพุ่งไปรับกระบี่ของอี้อวิ๋น
ฉัวะฉัวะฉัวะ!
ด้ายเงินพันรอบและห่อลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นไว้ภายใน
สีหน้าอี้อวิ๋นไม่เปลี่ยนแปลง เขาทำแค่โบกมือข้างขวา เขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างปรากฏออกมากลืนกินด้ายเงิน!
ฉึกฉึกฉึก!
ด้ายเงินของพู่หางม้าพากันฉีกขาด!
ทูตอวี้เหิงตกใจ เขาทั้งตกใจทั้งโมโห พลังของอี้อวิ๋นน่ากลัวกว่าที่เขาคิดมาก
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเจอโชคอะไร ต่อให้เจ้าได้ของดีทุกอย่างจากทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของข้า!”
ทูตอวี้เหิงคำราม ร่างกายกับพู่หางม้าผสานกันเป็นลำแสงสายหนึ่งแล้วพุ่งมาทางคออี้อวิ๋น
อี้อวิ๋นทำแค่ดีดนิ้วให้กับการโจมตีที่มีพลังโหมซัดสาดของทูตอวี้เหิง เปลวไฟสีเทาลูกหนึ่งลอยไปหาทูติอวี้เหิง
เปลวไฟลูกเล็กๆ นี้ดูไม่มีอะไรสะดุดตา ทว่าการปรากฏของมันกลับประหนึ่งทำให้ฟ้าดินสูญเสียอุณหภูมิ ประหนึ่งพลังหยางบริสุทธิ์ทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบถูกเปลวไฟลูกเล็กๆ นี้กลืนกิน
“แผดเผาเถอะ เชื้อเพลิงเทพมาร”
เสียงอี้อวิ๋นดังขึ้นเบาๆ เปลวไฟลูกนี้ระเบิดขึ้นทันที!
เปลวไฟพุ่งขึ้นฟ้า ดุจดั่งอุกกาบาตสีเทาตกสู่โลก!
“นี่คือ!”
ตอนนี้ทูตอวี้เหิงกับทูตเทียนซูถูกเปลวไฟสีเทานี้ปกคลุม พวกเขาพยายามใช้ปราณเกราะมาต้านสิ่งเหล่านี้แต่ก็ไร้ประโยชน์ ปราณคุ้มครองร่างของพวกเขาพากันถูกเผา
จากนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นติดต่อกัน ศิษย์จากวังวิถีเจ็ดดาราที่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นพากันถูกเผาเป็นจุณ!
อ้าอ้าอ้า!
ทูตอวี้เหิงร้องเสียงแหบแห้ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอี้อวิ๋นแม้แต่น้อย เมื่อนึกถึงเรื่องที่อี้อวิ๋นบอกให้ไปถามพวกเขาในนรกก่อนหน้านี้ก็ตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง…
รองประมุขวังวิถีเจ็ดดาราทั้งสี่คงถูกอี้อวิ๋นฆ่าไปแล้ว!
รองประมุขสี่คนถูกอี้อวิ๋นที่มีเพียงคนเดียวฆ่าตาย นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้เปลวไฟอันน่ากลัวที่อี้อวิ๋นปล่อยออกมาฆ่าคนง่ายเหมือนฆ่าสุนัขฆ่าไก่ก็ทำให้เขาจำเป็นต้องเชื่อ!
เขากัดฟันบีบยันต์ส่งเสียงแผ่นหนึ่งเพื่อส่งข่าวทั้งหมดออกไปและขอความช่วยเหลือ ทว่าในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นมาถึงด้านหลังทูตอวี้เหิง
ฉึก!
อี้อวิ๋นแทงกระบี่ออก กระบี่นี้รวมขึ้นจากเชื้อเพลิงเทพมาร เพลิงแห่งเทพมารอันน่ากลัวทะลุผ่านหน้าอกทูตอวี้เหิงพร้อมแผดเผาอวัยวะภายในเขาจนหมดสิ้น!
ทูตอวี้เหิงกระอักเปลวไฟสีดำเทาออกมา ดวงตาค่อยๆ ไร้ซึ่งประกาย นี่มันพลังไฟอะไรกันแน่…
ปัง!
ทูตอวี้เหิงกลายเป็นอขี้เถ้า!
ส่วนทูตเทียนซูที่อ่อนแอกว่าทูตอวี้เหิงก็ถูกเชื้อเพลิงเทพมารห่อหุ้ม ปราณเกราะถูกเผาทะลุ เนื้อหนังแยกออก ทรมานเป็นที่สุด
“ช้าก่อน! ข้ามีวิชาค่ายกลสามสิบหกม้วนที่ได้จากซากวัตถุโบราณ ข้าจะมอบให้เจ้าทั้งหมด ขอเพียงแค่เจ้า…”
เสียงของทูตเทียนซูขาดห้วยหายไปอย่างฉับพลัน กระบี่หักหยางบริสุทธิ์แล่นผ่านพร้อมกับศีรษะที่หลุดออกของเขา
ทูตทั้งสองของวังวิถีเจ็ดดาราตายแล้ว!
ตอนนี้เจี้ยนอู๋เฟิง เจี้ยนปู๋อี้และเจี้ยนเสี่ยวซวงก็ผ่านจุดเชื่อมมิติมาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน เพราะความรู้ด้านกฎแห่งมิติของเจี้ยนอู๋เฟิงสู้อี้อวิ๋นไม่ได้ ความเร็วในการผ่านจุดเชื่อมมิติของเขาจึงค่อนข้างช้า เมื่อมาถึงที่นี่ก็ทันเห็นภาพเหตุการณ์นี้พอดี
ภาพที่ศิษย์วังวิถีเจ็ดดาราที่ปิดล้อมสำนักกระบี่สระใสมานานพากันถูกเผาเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก มันทำให้เจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนปู๋อี้ตะลึงอึ้งไป เปลวไฟสีเทานี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
หรือนี่จะเป็น…วิญญาณหยางที่อี้อวิ๋นได้จากทะเลทรายกลบอาทิตย์?
แต่จากประสบการณ์ของเจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนปู๋อี้ ยิ่งเป็นวิญญาณฟ้าดินที่มีอานุภาพมากก็ยิ่งยากที่จะกำราบ วิญญาณหยางที่น่ากลัวเช่นนี้จะถูกอี้อวิ๋นที่เป็นเด็กรุ่นเยาว์สกัดได้อย่างไร?
………………………………………………………………………………………………………..