True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1129 คิดบัญชี
ตอนที่ผู้อาวุโสจีถูกส่งออกมาก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งรายล้อมอยู่ที่นี่ และตัวจีสุ่ยเยียนที่อยู่กลางกลุ่มก็ตัวสั่น ดวงตามีม่านน้ำตาปกคลุม
“ทะ…ท่านปู่…”
จีสุ่ยเยียนตกตะลึง นี่นางกำลังฝันอยู่หรือเปล่า? เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ไร้ข่าวคราวของท่านปู่ ทั้งยังเป็นสถานที่อันตรายอย่างใจกลางทะเลทรายกลบอาทิตย์ คิดไม่ถึงว่าท่านปู่จะยังมีชีวิต
“เยียนเอ๋อร์?” ผู้อาวุโสจีตกตะลึงเช่นกัน
“คุณหนู!” พวกสาวน้อยอย่างซินเอ๋อร์และเยวี่ยเอ๋อร์ย่อมควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่าผู้อาวุโสเยียน น้ำตารินไหลทั่วหน้า ก่อนหน้านี้ร้านความลับเทพถูกทำลาย พวกนางถูกเหยียนเทียนชงจับตัวเพื่อที่จะมอบเป็นคู่นอนให้คนอื่น การได้พบกันอีกครั้งหลังจากที่ผ่านความเป็นความตายทำให้ยากจะควบคุมอารมณ์
“ซินเอ๋อร์ เยวี่ยเอ๋อร์ เหตุใดพวกเจ้าจึงอยู่ที่นี่ด้วย? ตอนนั้นข้าให้พวกเจ้าหนีไปทางทางลับแล้วไม่ใช่หรือ?”
“คุณหนู เรื่องนี้พูดแล้วก็ยาวเจ้าค่ะ ต้องขอบคุณคุนชายอี้…” ขณะที่ซินเอ๋อร์พูดก็พุ่งเข้าสู่อ้อมอกจีสุ่ยเยียนอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป แม้นางจะมีความสัมพันธ์เป็นนายบ่าวกับจีสุ่ยเยียน แต่ความจริงก็ใกล้ชิดกันเหมือนพี่น้อง
อี้อวิ๋นเก็บเจดีย์เทพจุติแล้วเดินไปด้านข้าง ไม่รบกวนการรวมตัวของพวกจีสุ่ยเยียน
แต่เจดีย์เทพจุติหลังเล็กๆ นี้กลับถูกเจี้ยนอู๋เฟิงสังเกตเห็น เขาอดที่จะตกใจไม่หรือ หรือเจดีย์นี้จะเป็น…
สำนักกระบี่สระใสมีเจดีย์เทพจุติฉบับลอกเลียนแบบของท่านบรรพชน เจี้ยนอู๋เฟิงไม่รู้ว่าเจดีย์ในมืออี้อวิ๋นเป็นของเลียนแบบหรือของจริง แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็มีมูลค่าที่เขาไม่อาจจินตนาการ ดูจากกลิ่นอายที่สัมผัสถึงก็รู้แล้ว
แม้ในใจจะตื่นตะลึงแต่เจี้ยนอู๋เฟิงก็ไม่ถามอะไร ไม่ว่านี่จะเป็นของจริงหรือไม่ ในเมื่ออี้อวิ๋นได้มาก็เป็นโอกาสของอี้อวิ๋น
“ท่านผู้อาวุโส” อี้อวิ๋นเดินมาตรงหน้าเจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนปู๋อี้ “สถานการณ์ช่วงนี้ของสำนักกระบี่สระใสเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
ความจริงตอนที่อี้อวิ๋นเพิ่งผ่านจุดเชื่อมมิติเข้ามาในสำนักกระบี่สระใสและเห็นปฏิกิริยาที่เหมือนพร้อมสู้ของทุกคนก็พอเดาได้
แววตาเจี้ยนปู๋อี้มีประกายความโกรธแล่นผ่าน เขาพูดว่า “คนจากวังวิถีเจ็ดดาราคอยหาตำแหน่งของพวกเราอยู่ตลอดและหาวิธีทำลายค่ายกล บังคับขู่เข็ญอย่างหนัก! พวกเขารู้ว่าเรากำลังมองอยู่จึงคอยตะโกนไม่หยุด คอยบอกให้พวกข้ารีบยอมจำนวนและบอกตำแหน่งของเจ้า พวกข้าจำเป็นต้องผนึกสำนัก ไม่ว่าศิษย์คนใดก็ไม่กล้าออกไปฝึกฝน”
อี้อวิ๋นฟังแล้วก็ไม่แปลกใจ หลังจากที่พลังเขาพุ่งทะยาน คนเหล่านี้ก็ไม่อาจทำให้ใจเขาหวั่นไหวได้อีก
“ไม่พูดเรื่องพวกนี้ดีกว่า ตอนนี้เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย หนึ่งปีมานี้พวกเขาทำลายสำนักกระบี่สระใสของเราไม่สำเร็จ ต่อให้ผ่านไปอีกสองสามปีก็เป็นเช่นเดิม ไม่รู้ว่าตัวเจ้าที่อยู่ทะเลทรายกลบอาทิตย์มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?” เจี้ยนอู๋เฟิงรู้ว่าพวกหลิ่วหรูอี้ก็ไปที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์เช่นกัน ไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นเจอคนเหล่านั้นหรือไม่ แล้วเขากลับมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไร
“เรื่องนี้ค่อยคุยวันหลังเถอะ ในเมื่อข้ากลับมาแล้ว เช่นนั้นความแค้นระหว่างข้ากับวังวิถีเจ็ดดาราก็ควรคิดบัญชีเสียที” ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็มีประกายเย็นยะเยือกแล่นผ่านดวงตา
พวกเจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนปู๋อี้ตกตะลึง คิดบัญชีแค้น ตอนนี้หรือ?
พวกเขายังไม่ทันได้ถาม อี้อวิ๋นก็ก้าวไปยังจุดเชื่อมมิติที่เชื่อมโลกใบเล็กของสำนักกระบี่สระใสออกไปด้านนอก เขายื่นมือออกไปเปิดมิตินี้ออกและก้าวเท้าออกไป ในมือมีลำแสงสว่างวาบ กระบี่หักปรากฏขึ้นในมือ
เขาเดินไปในอากาศเช่นนี้ เพียงก้าวเดียวก็ข้ามผ่านระยะห่างร้อยจั้ง เงาร่างหายไปภายในชั่วพริบตา
“อี้อวิ๋น!?”
เจี้ยนอู๋เฟิงตกใจอย่างหนักเมื่อเห็นภาพนี้ เดิมทีเขาก็สังหรณ์ใจตั้งแต่ตอนที่อี้อวิ๋นพูดคำเมื่อครู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะไม่ปรึกษาเรื่องใหญ่เช่นนี้แม้แต่ประโยคเดียวก็ออกไปเลย!
ข้างนอกมีแต่คนจากวังวิถีเจ็ดดาราทั้งนั้นนะ!
“ศิษย์น้อง พวกเรารีบตามออกไป” เจี้ยนปู๋อี้ตกใจเช่นกัน แม้การกลับมาครั้งนี้ของอี้อวิ๋นจะมีกลิ่นอายแข็งแกร่งจนพวกเขารู้สึกกดดันเล็กน้อย ดวงตาก็ลึกล้ำยากจะคาดเดา
แต่ถึงกระนั้นคู่ต่อสู้ก็เป็นวังวิถีเจ็ดดาราที่แข็งแกร่งจนไม่อาจคาดคะเน!
เมื่อตำแหน่งของจุดเชื่อมมิติถูกเปิดเผย แม้มันจะไม่ถึงขั้นทำให้ค่ายกลของสำนักกระบี่สระใสถูกทำลายทันทีแต่ก็ช่วยเร่งกระบวนการ
เจี้ยนปู๋อี้กับเจี้ยนอู๋เฟิงได้แต่มิติอีกครั้งเพื่อตามอี้อวิ๋นออกไป
เจี้ยนเสี่ยวเฟิงกัดฟันแน่นแล้วกระพริบร่างตามออกไปในชั่วพริบตาที่มิติกำลังจะปิดลง
นางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ ตอนที่ถูกวังวิถีเจ็ดดาราปิดล้อม เจี้ยนเสี่ยวซวงคอยบอกตัวเองเสมอว่านางต้องกล้ำกลืนความแค้นเอาไว้ แม้สำนักกระบี่สระใสจะถูกชโลมด้วยโลหิตก็ต้องหนีไปให้ได้ ใช้ชีวิตต่อไปด้วยความอัปยศ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเมื่อในอนาคตนางแข็งแกร่งแล้วจะได้จัดการวังวิถีเจ็ดดาราด้วยตัวเอง!
แต่ในวันนี้เมื่อเห็นอี้อวิ๋นฉีกมิติออกแล้วพุ่งตัวออกไป นางก็รู้สึกว่าในใจเกิดความห้าวหาญขึ้นอย่างฉับพลัน ดังนั้นนางจึงพุ่งตามออกมาอย่างอดไม่ได้
บางทีนี่อาจเป็นความนับถือและเชื่อมั่นในอี้อวิ๋น บางทีอาจติดเชื้อความมั่นใจที่แข็งแกร่งจากอี้อวิ๋น ตอนนี้นางแค่อยากไปเผชิญร่วมกันกับเขา ไปเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง
“ศิษย์น้องเสี่ยวซวง!”
เจี้ยนเฟิงหงตกใจ อี้อวิ๋นกับพวกท่านอาจารย์ออกไปก็มากพอแล้ว นี่เจี้ยนเสี่ยวซวงยังไปด้วยอีก!
เจี้ยนเฟิงหงทำอะไรไม่ถูก เขารู้ว่าตัวเองออกไปก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ ไม่สู้อยู่ที่นี่เพื่อรักษาขวัญกำลังของคนที่เหลือดีกว่า เขายกมือขึ้น ภาพเหตุการณ์ภายนอกสะท้อนลงบนอากาศผ่านค่ายกลสะท้อนภาพ
ตอนนี้ทั้งสำนักกระบี่สระใสเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ทุกคนรู้สึกตึงเครียดอย่างประหลาด แม้อี้อวิ๋นจะแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้เขาจะสู้กับวังวิถีเจ็ดดาราหรือ? วังวิถีเจ็ดดารามีรองประมุขสี่คน มีประมุขที่ลึกลับและทูตระดับสูงถึงเจ็ดคน!
“พวกเต่าหดหัวสำนักกระบี่สระใส ข้ารู้ว่าพวกเจ้าได้ยิน! ก่อนหน้านี้ข้าแนะนำให้พวกเจ้ารีบเปิดประตูและเข้าพวกกับวังวิถีเจ็ดดาราก็จะรักษาความปลอดภัยไว้ได้ น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่รับฟังเสียที ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าทำลายค่ายกลได้เมื่อไรก็จะเป็นวันล้างบางของสำนักพวกเจ้า!”
ที่นอกภูเขาสระใสมีชายวัยกลางคนผมยาวที่สวมชุดคลุมเจ็ดดาราผู้หนึ่งพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง เขาเป็นหนึ่งในทูตเจ็ดดาราของวังวิถีเจ็ดดารา…ทูตเทียนซู
ทูตเทียนซูศึกษาวิถีค่ายกลมาหลายหมื่นปี มีความรู้ด้านค่ายกลเป็นอันดับหนึ่งของวังวิถีเจ็ดดารา เมื่อได้ยินว่าสำนักกระบี่สระใสมีค่ายกลโบราณป้องกันก็คันไม้คันมืออยากลองจึงมาเพื่อทำลายค่ายกลโดยเฉพาะ
เขารู้ว่าค่ายกลโบราณนี้ลึกล้ำมาก แต่ไม่ว่าค่ายกลจะลึกล้ำอย่างไรก็อานุภาพเสื่อมโทรมลงเมื่อผ่านเวลาอันยาวนาน การทำลายค่ายกลของเขาจึงเป็นปัญหาแค่เรื่องเวลา เขาชอบความรู้สึกที่ได้ผลักให้สำนักกระบี่สระใสเข้าหาความตายช้าๆ ให้ความสิ้นหวังของคนในสำนักค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ารู้ว่าพวกเจ้าอยากวางเดิมพันไว้กับอี้อวิ๋น แต่เจ้าเด็กเหลือขอนี่ไม่ประมาณตน ไปทะเลทรายกลบอาทิตย์หาที่ตายเอง รองประมุขทั้งสี่ของวังวิถีเจ็ดดาราต่างไปทะเลทรายกลบอาทิตย์ พวกเขาจะจัดการเรื่องนี้สำเร็จแน่นอน เด็กระดับรวมวิถีแบบอี้อวิ๋นก็เป็นของเล่นเหมือนมดตัวหนึ่ง เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ทูตเทียนซูหัวเราะ เขาคาดการณ์ว่าเขาจะทำลายค่ายกลได้ภายในเวลาหนึ่งปี ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือด้านวิถีค่ายกลก็สนุกกับการถอดรหัสทำลายค่ายกลมาก
ในตอนนี้เองที่ทูตเทียนซูใจเต้นแรงขึ้นมา ธงค่ายกลในมือหยุดชะงักลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคนผู้หนึ่งฉีกมิติออกและปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปร้อยจั้ง
……………………………………………………………………………………………………….