True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1128 การกลับมา
หนึ่งปีมานี้สำนักกระบี่สระใสถูกวังวิถีเจ็ดดาราล้อมอยู่ตลอดเวลา แต่ตัวสำนักกระบี่สระใสมีค่ายกลป้องกัน ในสำนักมียอดฝีมือสองคนดูแล วังวิถีเจ็ดดาราไม่ได้มีการโจมตีขนาดใหญ่
พงกเขาคอยเพิ่มกำลังคนมาที่นี่ ทุกๆ วันจะมียอดฝีมือด้านวิถีค่ายกลของวังวิถีเจ็ดดาราคอยตระเวนสังเกตการณ์หน้าทางเข้าสำนักกระบี่สระใสเพื่อหาวิธีทำลายค่ายกล
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้สำนักกระบี่สระใสย่อมตกอยู่ในอันตราย ต่อให้มีค่ายกลป้องกัน แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ต้องมีสักวันที่จุดเชื่อมมิติของสำนักกระบี่สระใสถูกวังวิถีเจ็ดดาราเจอเข้าเป็นแน่
สำนักกระบี่สระใสปิดประตูไม่ให้ใครเข้าออก ปล่อยให้ทรัพยากรที่สะสมมาถูกใช้ไปเรื่อยๆ
ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางออก อี้อวิ๋นไปจากสำนักกระบี่สระใสเมื่อหนึ่งปีก่อนเพื่อมุ่งไปยังทะเลทรายกลบอาทิตย์ เรื่องนี้ทำให้เจี้ยนอู๋เฟิงผู้เป็นเจ้าสำนักและเจี้ยนปู๋อี้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดกังวลใจ
พวกเขาวางเดิมพันทั้งหมดไว้ที่อี้อวิ๋น หากอี้อวิ๋นเป็นไปอะไรไปพวกเขาก็จะพ่ายแพ้ทั้งกระดาน เมื่อเหล่ายอดฝีมือของวังวิถีเจ็ดดาราที่ไปตามหาสมบัติที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์กลับมา เช่นนั้นสำนักกระบี่สระใสของพวกเขาก็ได้แต่นั่งรอการล่มสลายแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนในสำนักกระบี่สระใสไม่อาจผ่อนคลาย
เจี้ยนเสี่ยวซวงฝึกฝนอย่างหนักทุกคน นางทั้งศึกษา ต่อสู้และฝึกฝนมรดกของสำนักกระบี่สระใส รวมไปถึงวิชาและวิถีกระบี่ที่อี้อวิ๋นทิ้งไว้ด้วย
ทุกอย่างที่อี้อวิ๋นทิ้งไว้ช่วยเปิดบานใหม่ให้แก่เจี้ยนเสี่ยวซวง มันทำให้นางเห็นวิถียุทธ์ที่สูงขึ้นไปอีก
แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันรุนแรง
พี่ชายบุญธรรมของนางคนนี้จากไปหนึ่งปีแล้ว เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ วังวิถีเจ็ดดาราก็คอยจับตามองอยู่ตลอด สำนักกระบี่สระใสตกอยู่ในอันตราย
เจี้ยนเสี่ยวซวงต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง แม้จะเล็กน้อยมากก็ยังดี
ทุกอย่างล้วนต้องมีความแข็งแกร่ง
นางถึงขั้นวางแผนที่เลวร้ายที่สุดด้วยซ้ำ หากอี้อวิ๋นตายในทะเลทรายกลบอาทิตย์ ท้ายที่สุดสำนักกระบี่สระใสถูกวังวิถีเจ็ดดาราตีแตก เช่นนั้นนางก็คงได้แต่ฝืนใจหนีไปก่อนที่สำนักกระบี่สระใสจะถูกล้างด้วยโลหิต นางจะแบกความแค้นนี้และฝึกฝนวิชากระบี่อย่างหนัก จากนั้นก็บุกไปคิดบัญชีที่วังวิถีเจ็ดดาราในอนาคตทีละคน
วังวิถีเจ็ดดาราแข็งแกร่งมาก นางอาจต้องใช้เวลาเป็นพันเป็นหมื่นปีจึงจะสำเร็จ ที่เป็นไปได้มากกว่านั้นคือนางอาจต้องตายในขณะที่ล้างแค้น ต้องตายไปพร้อมกับความคับแค้นในใจ ทุกครั้งที่เจี้ยนเสี่ยวซวงนึกถึงตรงนี้ก็จะหายใจไม่ออก
“คนจากวังวิถีเจ็ดดารากำลังทำลายค่ายกลอีกแล้ว”
ขณะที่เจี้ยนเสี่ยวซวงกำลังฝึกกระบี่อย่างหนัก เจี้ยนเฟิงหงที่จับคู่สู้กับนางก็ขมวดคิ้วพูด ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นแบบนี้ทุกวัน ไม่รู้วันไหนพวกเขาจะเจอวิธีทำลายค่ายกล
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา สู้ต่อ!”
เจี้ยนเสี่ยวซวงฟันกระบี่เข้าใส่เจี้ยนเฟิงหง เจี้ยนเฟิงหงมีสีหน้าจริงจังขึ้นและรับกระบี่อย่างระมัดระวัง
เขารู้สึกถึงความก้าวหน้าด้านวิถีกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวง เรียกได้ว่าพุ่งทะยานวันละพันลี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานวิถีกระบี่ของเขาก็อาจไม่สามารถชี้แนะเจี้ยนเสี่ยวซวงอีก
กระบี่ทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน ขณะที่เจี้ยนเฟิงหงกำลังจะใช้เจตนากระบี่แข็งอ่อนของตัวเอง ทันใดนั้นพลังมิติในสำนักกระบี่สระใสก็สั่นอย่างรุนแรงประหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง
“หืม? หรือวังวิถีเจ็ดดาราจะเจอวิธีทำลายค่ายกลแล้ว?”
สีหน้าเจี้ยนเฟิงหงเปลี่ยนไปทันที เขาเลิกสนใจสู้กับเจี้ยนเสี่ยวซวงแล้วถือกระบี่บินไปที่ทางเข้าสำนัก ตอนนี้เจี้ยนปู๋อี้กับเจี้ยนอู๋เฟิงก็บินมาจากวังกระบี่เช่นกัน
“การสั่นสะเทือนของจุดเชื่อมมิติ มีคนผ่านจุดเชื่อมมิติเข้ามา!”
เจี้ยนอู๋เฟิงขมวดคิ้วแน่น พลังทั่วร่างหมุนโคจร กลิ่นอายที่เข้าสู่จุดเชื่อมมิตินี้ทำให้เขารู้สึกตกใจ!
คนผู้นี้แข็งแกร่งมากแน่นอน
“หรือจะเป็นวังวิถีเจ็ดดารา?”
เจี้ยนปู๋อี้พูดขึ้น เขาย่อมหวังว่าคนที่ผ่านจุดเชื่อมมิติเข้ามาคืออี้อวิ๋น แต่กลิ่นอายของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจนเขาเกิดความคิดเชื่อมโยงที่ไม่ดี หากวังวิถีเจ็ดดาราบุกสังหารเข้ามาจริงๆ สำนักกระบี่สระใสของพวกเขาก็จะประสบหายนะ พวกเขาอาจถึงขั้นส่งทายาทของสำนักออกไปไม่ทันด้วยซ้ำ
ครืน!
มิติสั่นสะเทือน วินาทีต่อมาก็มีรอยแยกมิติสายหนึ่งปรากฏ มือคู่หนึ่งยื่นออกมาฉีกรอยแยกนี้ออก
จากนั้นเด็กหนุ่มชุดฟ้าผู้หนึ่งก็ก้าวเท้าออกจากรอยแยก แม้คลื่นพลังจะรุนแรง แต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับฉีกมิติออกได้อย่างสบายๆ เหมือนเลิกม่านประตูออก
เจี้ยนปู๋อี้กับเจี้ยนอู๋เฟิงต่างตะลึงงันเมื่อเห็นหน้าตาของเด็กหนุ่มคนนี้ เดิมทีพวกเขาสะสมพลังพร้อมสู้ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่ผ่านจุดเชื่อมมิติเข้ามาจะเป็น…อี้อวิ๋น!?
กลิ่นอายของอี้อวิ๋นแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
“พี่อี้!” เจี้ยนเสี่ยวซวงตะลึงงันเช่นกัน ตอนแรกนางเตรียมใจที่จะสู้เพื่อฝ่าวงล้อมออกไปเรียบร้อยแล้ว เวลาผ่านมาแค่หนึ่งปี กลิ่นอายอี้อวิ๋นเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
“ท่านผู้อาวุโสอู๋เฟิง ท่านผู้อาวุโสปู๋อี้” อี้อวิ๋นทำความเคารพให้ทั้งสองแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำให้ท่านสองต้องกังวลใจแล้ว การเดินทางไปทะเลทรายกลบอาทิตย์ของอี้อวิ๋นนับว่ามีผลลัพธ์ ล่าช้าไปหน่อยเท่านั้น”
“อี้อวิ๋น เจ้า…” เจี้ยนอู๋เฟิงมองอี้อวิ๋นขึ้นๆ ลงๆ “เจ้าเข้าสู่ระดับวังวิถีแล้ว!?”
ตอนที่อี้อวิ๋นออกไปก็อยู่แค่ระดับรวมวิถีช่วงกลาง แต่เมื่อตอนนี้กลับมาก็กลับอยู่ระดับวังวิถี
ข้ามผ่านระดับมากขนาดนี้ภายในเวลาหนึ่งปี นี่จะเป็นได้อย่างไร?
นับแต่โบราณมาเจี้ยนอู๋เฟิงก็ไม่เคยได้ยินว่าใครฝึกเร็วขนาดนี้
“ที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์มีโอกาสชั้นยอดที่ก่อตัวมาหลายร้อยล้านปี ข้าน้อยข้ามผ่านระดับได้ก็เพราะสิ่งนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องจ่ายราคาไม่น้อย…”
อี้อวิ๋นพูดถึงตรงนี้แล้วก็ปวดใจเบาๆ ตอนนี้วิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์บาดเจ็บหนักจนไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าเขาจะปลุกนางได้อย่างราบรื่นหรือเปล่า
หางตาเจี้ยนปู๋อี้กระตุกอย่างอดไม่ได้เชื่อได้ยินคำของอี้อวิ๋น นี่ต้องเป็นโอกาสระดับไหนกัน ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้เชียวหรือ? เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆ
“ระดับยุทธ์เจ้าพุ่งทะยานขนาดนี้ภายในปีเดียว รากฐานล่ะ? มั่นคงหรือ?” เจี้ยนอู๋เฟิงเป็นกังวลมาก อัจฉริยะผู้เป็นเอกหลายคนต่างก็จงใจระงับระดับยุทธ์สะสมพลังเอาไว้เพราะกลัวว่าจะข้ามผ่านระดับเร็วเกินไปจนรากฐานไม่มั่นคงและกฎไม่เฉียบแหลม
“มีปัญหาอยู่เล็กน้อย” อี้อวิ๋นพยักหน้า “แต่ตอนนั้นสถานการณ์กระชั้นชิด ข้าน้อยเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ข้ามผ่านระดับอย่างไม่สนใจอะไร แต่…บรรดาผลวิถีที่ข้าน้อยรวมตอนที่เข้าระดับรวมวิถีก็มีเก้าใบกันทั้งนั้น ความเข้าใจด้านกฎจึงไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องรากฐานของระดับยุทธ์ก็ต้องใช้เวลาจำนวนมากมาตีให้แน่น”
“จะ…เจ้าว่า…อะไรนะ?”
เจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนปู๋อี้ต่างก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่งเมื่อฟังคำพูดครึ่งแรกของอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นข้ามผ่านระดับยุทธ์เร็วเกินไป รากฐานไม่มั่นคง แต่เมื่อพวกเขาฟังมาถึงด้านหลังก็ต้องอ้าปากค้างจนหุบไม่ได้อยู่นาน
บรรดาผลวิถี…ที่รวมตอนเข้าสู่ระดับรวมวิถี…มีเก้าใบทั้งนั้น?
เก้าใบ! ทั้งยังมีหลายผล!
อี้อวิ๋นพูดเรื่องเหล่านี้อย่างสบายๆ ไม่ใช่แค่เจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนปู๋อี้ เจี้ยนเฟิงหงกับเจี้ยนเสี่ยวเฟิงที่ฟังอยู่ด้านข้างก็มีปฏิกิริยาเดียวกัน
จอมยุทธ์ระดับรวมวิถีมีผลวิถีแปดใบหนึ่งผลก็นับว่าอัจฉริยะแล้ว ผลวิถีเก้าใบคือตำนาน ส่วนผลวิถีเก้าใบสองสามผลยิ่งไม่เคยได้ยินเข้าไปใหญ่
หากเป็นคนปกติที่พูดเช่นนี้พวกเขาก็คงคิดว่าอีกฝ่ายสติไม่ดี แต่เมื่ออี้อวิ๋นเป็นคนพูดพวกเขาก็ไม่อาจไม่เชื่อ มีเพียงผลวิถีเก้าใบสองสามผลที่จะอธิบายได้ว่าเหตุใดอี้อวิ๋นจึงพิสดารขนาดนี้
ความห่างระหว่างคนกับคนนี้จะมากเกินไปแล้ว…
ขณะที่เจี้ยนเฟิงหงทอดถอนใจ ในตอนนี้เองที่จู่ๆ อี้อวิ๋นก็เห็นจีสุ่ยเยียนที่กำลังวิ่งมาจากฝูงชน
“หืม? แม่นางสุ่ยเยียน!”
อี้อวิ๋นรู้สึกขอบคุณในจีสุ่ยเยียนมาก หากไม่มีเข็มทิศความลับสวรรค์ของนาง การเดินทางไปทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้ก็อาจไม่มีชีวิตกลับมา ทั้งเขายังได้ช่วยร้านความลับเทพและหาตัวท่านปู่ของจีสุ่ยเยียนเจอในขณะที่ตามหาเชื้อเพลิงเทพมาร ทั้งหมดนี้ทำให้อี้อวิ๋นโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง
ในที่สุดเขาก็ตอบแทนบุญคุณของสกุลจีได้แล้ว
จีสุ่ยเยียนยิ้มเขินๆ นางเห็นอี้อวิ๋นอยู่นานแล้ว แต่เพราะมีนิสัยเก็บตัวและรู้สึกว่าฐานะตัวเองต่ำต้อย ดังนั้นจึงไม่เข้ามาทักทาย
อี้อวิ๋นเดินไปตรงหน้าจีสุ่ยเยียนแล้วโบกมือ เจดีย์ขนาดเล็กหลังหนึ่งบินออกมา มันหมุนกลางอากาศแล้วขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีลำแสงกระพริบผ่าน ชายชราชุดฟ้าผู้หนึ่งและกลุ่มสาวน้อยถูกส่งออกมาจากเจดีย์เทพจุติ…
……………………………………………………………………………………………