True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1125 หรูเอ๋อร์
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตัวเองอยู่ในทางตัน ไม่อาจออกจากที่นี่ หากไม่มีวัตถุดิบล้ำค่า สำนักหม้อชาดก็จะตกต่ำลง เจ้าสำนักหมดสติไม่ฟื้น แม้จะมีไม้เลี้ยงวิญญาณก็ไร้ความหมายใช่หรือไม่?”
อี้อวิ๋นมองไปที่หญิงชุดแดงคนหนึ่ง หญิงชุดแดงคนนี้ท่าทางอายุยี่สิบปี รูปร่างสมบูรณ์ สีหน้าซีดขาว อี้อวิ๋นจำได้ว่าหรูเอ๋อร์เรียกนางว่าศิษย์พี่ลัว
ศิษย์พี่ลัวคนนี้ถูกอี้อวิ๋นถามจนอกสั่นขวัญหาย นี่เป็นคำที่นางพูดกับหรูเอ๋อร์จริง แต่พูดตั้งแต่เมื่อครึ่งเค่อก่อนแล้ว
คิดไม่ถึงว่าในโลกใต้ดินที่มีพิษร้อนอยู่ทั่วและหินหลอมไหลบ่า เด็กหนุ่มคนนี้จะได้ยินสิ่งที่นางพูดจากระยะไกลๆ และยังพูดทวนได้ทุกคำอีกต่างหาก
การรับรู้นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
นี่ก็หมายความว่าคำคร่ำครวญก่อนหน้านี้ที่พวกเขาพูดถึงการตายอันน่าอนาถของเด็กหนุ่มก็ถูกอีกฝ่ายได้ยินทั้งหมดเช่นกัน
พวกชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มคนนี้แช่ในบ่อหินหลอมอย่างสบายใจเหมือนอาบน้ำ หินหลอมสีทองเข้มพวกนั้นไหลลงจากร่างเขาจนเผยให้เห็นผิวที่ละเอียดเหมือนหยก ไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้เด็กหนุ่มถามเรื่องไม้เลี้ยงวิญญาณ เขาคงสนใจไม้นี้เป็นแน่!
ไม้เลี้ยงวิญญาณนี้คือสมบัติสำคัญเพียงชิ้นเดียวของสำนักหม้อชาด เรื่องที่ชีวิตเจ้าสำนักแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็เป็นความลับของพวกเขาเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะมายังสถานที่ซ่อนเร้นแห่งนี้และความหวังที่จะออกไปมีน้อยลงเรื่อยๆ เช่นนั้นศิษย์พี่ลัวก็คงไม่พูดขึ้นมา
ตอนนี้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เดินออกมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง เขากันบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ไว้ด้านหลังแล้วฝืนใจทำความเคารพ “ผู้อาวุโสท่านนี้…”
คนที่แช่หินหลอมอยู่ที่นี่ได้ย่อมไม่มีทางอายุเท่าพวกหรูเอ๋อร์จริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ยิ่งใหญ่อายุมากหลายคนจะรักษาหน้าตาที่อ่อนเยาว์เอาไว้
“พวกข้ามาที่นี่โดยไม่ตั้งใจ ไม่มีเจตนารบกวนการฝึกของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านไม่ถือโทษ” ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนพูด
หญิงชุดกระโปรงดำผู้นั้นลังเลเล็กน้อยแล้วพูดอธิบายตามว่า “ความจริงพวกข้าถูกปรากฏการณ์ของทะเลทรายกลบอาทิตย์ดึงดูดเข้ามา เมื่อสามสี่วันก่อนมีเสียงฟ้าร้องดังมาจากใต้ดินอย่างฉับพลัน จากนั้นทะเลทรายก็ยุบตัวเป็นน้ำวนที่ดูดพวกข้าเข้ามา นับแต่นั้นพวกข้าก็ติดอยู่ใต้ดินนี้และพยามยามตามหาทางรอด ไม่ได้มีเจตนารบกวนท่านผู้อาวุโสจริงๆ”
อี้อวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เกิดความเข้าใจ ตอนที่การปิดด่านฝึกตนก่อนหน้านี้ของเขาจบลงก็ทำเสียงดังมากไปหน่อย ตรงกับตอนที่คนเหล่านี้ถูกปรากฏการณ์ดึงดูดเข้ามาพอดี
อี้อวิ๋นรู้ว่าคนเหล่านี้ติดอยู่ใต้ดินก็เพราะเขา พื้นที่แห่งนี้รวบรวมไว้ซึ่งพลังหยางบริสุทธิ์กลุ่มสุดท้ายของทะเลทรายกลบอาทิตย์ มันย่อมมีประโยชน์ต่อเขาและหลิงเสียเอ๋อร์ที่เกิดจากเชื้อเพลิงเทพมาร แต่สำหรับจอมยุทธ์เหล่านี้แล้วก็เป็นพิษร้อนที่ยากจะรับไหว
อี้อวิ๋นลุกขึ้นเดินออกจากบ่อหินหลอม เขาเปลือยร่างท่อนบน ลายกล้ามเนื้ออันแข็งแรงเต็มไปด้วยความรู้สึกสมบูรณ์แบบของพลัง ภายในร่างยังมีพลังปราณอันยิ่งใหญ่ ดูแล้วให้ความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรงจนไม่กล้ามองตรงๆ
เขาเดินขึ้นมาอย่างสบายๆ แต่ที่ใต้เท้าเขากลับมีกฎแห่งหยางบริสุทธิ์รวมตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ พลังปราณเหล่านี้รวมตัวเป็นอีกาทองนกทองตัวเล็กๆ ที่ประหนึ่งทำความเคารพขั้นสูงสุดให้อี้อวิ๋น
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ศิษย์สำนักหม้อชาดตื่นตะลึงจนพูดไม่ออก นี่ต้องเป็นคนระดับไหนกันแน่ ทั้งกฎที่เขาบรรลุและวิถีที่เขาฝึกล้วนแต่ก็อยู่เหนือจินตนาการพวกเขาไปไกล
“พวกเจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้า ไม้เลี้ยงวิญญาณที่พวกเจ้าพูดถึงสิ่งใดกัน?”
ตอนนี้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ทำตัวไม่ถูก ไม้เลี้ยงวิญญาณย่อมสำคัญต่อพวกเขา แต่หากตอนนี้ไม่ตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์ เช่นนั้นก็เกรงว่าศิษย์เหล่านี้คงจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
คิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้วชายวัยกลางคนก็กัดฟันตอบว่า “ความจริงสำนักหม้อชาดของข้ายากจนมาก แต่ทางสำนักก็เคยโชคดีได้ไม้เทพท่อนหนึ่งมาจากสถานที่วิเศษ ไม้นี้เป็นสีดำสนิททั้งท่อน สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณ คนที่วิญญาณบาดเจ็บหนักก็ใช้ไม้นี้มารักษาได้ แต่ในแง่ของการฝึกฝนแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
ขณะที่ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดก็คอยสังเกตปฏิกิริยาของอี้อวิ๋นไปด้วย เขาหวังว่าคำพูดของเขาจะทำลายความคิดที่อี้อวิ๋นมีต่อไม้เลี้ยงวิญญาณ
‘หล่อเลี้ยงวิญญาณ…เป็นสีดำสนิท ใช่จริงๆ ด้วย นี่ก็คือสมุนไพรวิเศษที่มีบันทึกถึงบันทึกของเทพโอสถ…รากคืนวิญญาณ! สำนักหม้อชาดคงไม่รู้จักรากคืนวิญญาณ เรียกมันว่าไม้เลี้ยงวิญญาณก็นับว่าเหมาะสมดี’
อี้อวิ๋นมองหลิงเสียเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนก้อนหิน หนึ่งปีมานี้เขาคอยส่งพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปเป็นสารอาหารให้ร่างนางไม่หยุด ร่างกายของหลิงเสียเอ๋อร์หนาแน่นขึ้นมาก แต่นางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น
ลำพังแค่พลังหยางบริสุทธิ์อย่างเดียวไม่อาจรักษาความเสียหายทางวิญญาณ แต่รากคืนวิญญาณนี้กลับทำให้อี้อวิ๋นมองเห็นความหวัง
“สำนักพวกเจ้าอยู่ที่ไหน?” อี้อวิ๋นถาม
หัวใจของชายวัยกลางคนจมลง เขากัดฟันแล้วตอบอย่างซื่อตรงว่า “อยู่ที่แคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ขอรับ พวกข้าเป็นแค่สำนักเล็กๆ…”
ชายวัยกลางคนรู้สึกขมขื่นในใจ เพียงแค่รู้ชื่อสำนักหม้อชาดก็จะหาเจอได้อย่างง่ายดาย เขาไม่อาจปิดบังเรื่องนี้ ได้แต่คอยพูดเน้นย้ำว่าสำนักหม้อชาดยากจนมาก หวังว่าจะทำให้ผู้อาวุโสท่านนี้ปล่อยพวกเขาไป
แต่เรื่องนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกของจอมยุทธ์ ขอเพียงแค่มีความแข็งแกร่ง เช่นนั้นการไปแย่งชิงสมบัติหรือฆ่าคนปล้นทรัพย์ก็ไม่นับเป็นอะไรได้ ชายวัยกลางคนรู้มูลค่าของไม้เลี้ยงวิญญาณดี ด้วยพลังของสำนักหม้อชาดแล้วก็ปกป้องไว้ไม่ได้แน่นอน
หากมีคนรู้เรื่องนี้เข้า เช่นนั้นหากจะมีคนบุกมาชิงไม้เลี้ยงวิญญาณแล้วฆ่าคนทั้งสำนักหม้อชาดเพื่อปิดข่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!
“แคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์…”
อี้อวิ๋นรู้จักสถานที่แห่งนี้ ในบันทึกที่เทพโอสถทิ้งไว้มีม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เจ๋อเทียนจี้’ ภายในบันทึกถึงสถานที่ที่เทพโอสถไปเยือนและพักอยู่เป็นเวลานาน สถานที่ส่วนใหญ่อยู่ในร่องสมุทรและโลกสวรรค์เทพหยาง ภายในรวมถึงแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ด้วย
เทพโอสถไปที่แคว้นนี้หลายครั้งเพราะสาเหตุต่างๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อยู่ที่นั่นนานหลายสิบปี
ขณะที่อี้อวิ๋นกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ จู่ๆ เด็กหญิงท่าทางอายุแค่สิบห้าสิบหกปีคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ของสำนักหม้อชาดก็เดินออกจากกลุ่มอย่างรวดเร็ว นางคุกเข่าลงตรงหน้าอี้อวิ๋นดังตุบ
ร่างกายขนาดเล็กของนางหมอบลงบนหินที่ร้อนระอุ แต่แม้จะเจ็บปวดจากความร้อนนางก็ไม่ขยับตัว
“หรูเอ๋อร์ เจ้าทำอะไรน่ะ” หญิงชุดกระโปรงดำมีสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ
“หรูเอ๋อร์! เจ้าอย่าล่วงเกินท่านผู้อาวุโส”
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รีบไปดึงตัวหรูเอ๋อร์ แต่ไม่ว่าอย่างไรหรูเอ๋อร์ก็ไม่ยอมลุกขึ้น นางพูดขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโส ไม้เลี้ยงวิญญาณเป็นความหวังของสำนักหม้อชาด หากท่านผู้อาวุโสเอามันไป เช่นนั้นท่านพ่อของข้าก็จะวิญญาณแตกซ่านภายในเวลาสามวัน! ตอนนั้นท่านพ่อสู้กับโจรโลหิตมรกตเพื่อปกป้องข้ากับท่านแม่จึงทำให้วิญญาณเสียหายและหลับใหลไม่ได้สติ”
หรูเอ๋อร์กัดริมฝีปากแน่นเมื่อพูดถึงตรงนี้ หางตามีน้ำตาซึม เพราะนางพุ่งออกจากขอบเขตปราณเกราะของชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ แขนสีขาวทั้งสองข้างจึงถูกพิษร้อนทำให้บาดเจ็บหนัก
“ท่านพ่อเป็นเจ้าสำนักหม้อชาด ท่านหลับใหลมานานสิบปีเพราะช่วยข้า สำนักหม้อชาดมีท่านพ่อเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด หากท่านพ่อไม่อาจฟื้นคืนและถูกศัตรูรู้เรื่องนี้เข้า เช่นนั้นแม้แต่ที่ตั้งของสำนักหม้อชาดก็คงไม่อาจรักษาไว้ได้ ครั้งนี้พวกข้ามาทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็เพื่อหาโอสถให้ท่านพ่อ แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่ไม่เจออะไร พวกข้ายังเข้ามายังที่ฝึกของท่านผู้อาวุโสโดยไม่ตั้งใจ ติดอยู่ในนี้มาสามวัน หาทางออกไม่เจอและหมดหนทาง!”
“หรูเอ๋อร์รู้ว่าท่านผู้อาวุโสมีระดับยุทธ์สูงส่ง สำนักหม้อชาดของข้ามีแค่ไม้เลี้ยงวิญญาณท่อนเล็กๆ เป็นแค่ตัวช่วยประดับบารมีสำหรับท่านผู้อาวุโส แต่สำหรับสำนักหม้อชาดของข้าแล้วมันกลับเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตคนทั้งสำนัก ผู้อาวุโสโปรดเมตตาด้วย! หากผู้อาวุโสยินดีปล่อยพวกข้าไปจากที่นี่ เช่นนั้นหรูเอ๋อร์ก็ยินดีเป็นบ่าวเป็นทาสเพื่อตอบแทนความเมตตา”
หรูเอ๋อร์พูดคำเหล่านี้หมดในคราเดียว น้ำตานางหยดเป็นสายฝน ดูแล้วน่าสงสารมาก
ประหนึ่งว่านางจงใจลงโทษตัวเอง ปล่อยให้แผลที่ถูกลวกบนแขนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมลุกขึ้น
…………………………………………………………………………………………………….