True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1121
“มือของข้า!” ดวงตาหมัวเสวี่ยแดงก่ำ กรงเล็บปีศาจของเขาที่เป็นดังสมบัติถูกอี้อวิ๋นฟันขาดเช่นนี้! กระบี่เมื่อครู่เหมือนมีอานุภาพฟ้าดิน ปราณโลหิตของเขามิอาจต้านทานแม้แต่น้อย!
อี้อวิ๋นเพิ่งเข้าสู่ระดับวังวิถีไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
ตอนนี้อี้อวิ๋นถือกระบี่เดินมาทางหมัวเสวี่ยช้าๆ
“อี้อวิ๋น!” หมัวเสวี่ยมองอี้อวิ๋นอย่างโกรธแค้น ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวพร้อมกับร้องคำราม เลือดลมในร่างโหมซัดสาด รูขุมขนมีเลือดซึมไม่หยุด พลังโลหิตอันเข้มข้นวนเวียนรอบตัวประหนึ่งกลายเป็นเสื้อเกราะโลหิตชั้นหนึ่งบนร่างเขา
ความเจ็บปวดจากมือที่ขาดทำให้เขาอยากกินเนื้อดื่มเลือดอี้อวิ๋นเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้!
ตอนนี้หมัวเสวี่ยถูกบีบเข้าทางตัน เขากัดฟันแล้วเผ่าแก่นโลหิต! เขาต้องเอาชนะอี้อวิ๋นภายในเวลาที่สั้นที่สุด ให้อี้อวิ๋นจ่ายราคาแสนสาหัสให้กับการกระทำของตัวเอง
ผู้อาวุโสจีอยู่นอกมิติกักขังรู้สึกถึงพลังโลหิตอันน่ากลัวนี้เช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงการถูกหมัวเสวี่ยโจมตี แค่ยืนอยู่ข้างหมัวเสวี่ยสักพักก็จะค่อยๆ ถูกดูดเลือดลมจนแห้งเหือด
เขารีบเปิดใช้ปราณเกราะเพื่อปกป้องหลิงเสียเอ๋อร์
“ตายเสียเอะ!” หมัวเสวี่ยพุ่งเข้ามา เขาฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แม้อี้อวิ๋นจะแข็งแกร่ง แต่ตลอดชีวิตที่เขาฝึกยุทธ์มาก็เจออันตรายถึงชีวิตมาไม่รู้กี่ครั้งและรอดมาได้ เขาไม่เชื่อว่าครั้งนี้เขาจะไม่รอด
พลังโลหิตอันรุนแรงรวมตัวบนร่างหมัวเสวี่ยจนเขามีความเร็วดุจสายฟ้า อานุภาพรุนแรงดุจอุกกาบาต เสียงปราณอันแหลมคมเหมือนจะทะลุผ่านแก้วหู ทั่วทั้งมิติสั่นสะเทือน!
ตอนนี้อี้อวิ๋นที่กำลังถือกระบี่เดินมาทางหมัวเสวี่ยมีพลังเพิ่มขึ้นบนร่างไม่หยุด
กงล้อหมื่นมารเกิดดับหมุนอยู่ใต้เท้าเขาเรื่อยๆ กลิ่นอายของกฎมหาวิถีสูงสุดทำให้ทุกย่างก้าวของอี้อวิ๋นสอดคล้องกับการโคจรของฟ้าดินและอาทิตย์พระจันทร์ มันให้ความรู้สึกลึกล้ำอย่างหนึ่ง
อี้อวิ๋นเหมือนผสานเข้าสู่มิติเวลาแห่งนี้ แววตาเขาเย็นยะเยือก พลังปราณทั่วร่างและมิติที่เขากับหมัวเสวี่ยอยู่ลุกไหม้ขึ้นมาดั่งเปลวไฟ
เมื่อพลังเขาพุ่งถึงขีดสุด หมัวเสวี่ยก็พุ่งมาถึงตรงหน้าเช่นกัน ตอนนี้อี้อวิ๋นลงกระบี่แล้ว!
หนึ่งกระบี่แทงออกไป แสงสว่างรุ่งโรจน์!
เปลวไฟทั้งหมดพัดม้วนกลับมารวมบนปลายกระบี่ของอี้อวิ๋นในชั่ววินาทีนี้แล้วกลายเป็นลูกไฟลูกเล็กๆ
เปลวไฟนี้ไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีเทา กลางเปลวไฟคือกงล้อหมื่นมารเกิดดับที่รวมไว้ซึ่งกฎแห่งการทำลายล้างและโกลาหล!
กระบี่นี้ทะลุผ่านมิติเวลามาแทงเข้าใส่หมัวเสวี่ยภายในชั่วพริบตา!
“อี้อวิ๋น ถ้ายังขืนบังคับข้าอีก ข้าก็จะให้เราทั้งสองพินาศด้วยกัน!” หมัวเสวี่ยคำราม ทั่วร่างมีกลิ่นอายอันน่ากลัวปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน พลังเลือดลมรวมตัวเป็นใบหน้าขนาดยักษ์กลางอากาศที่อ้าปากกลืนมาทางอี้อวิ๋น ขณะเดียวกันเสื้อเกราะบนร่างหมัวเสวี่ยก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เสื้อเกราะโลหิตมารนี้สร้างขึ้นจากพลังเลือดลมของเหล่าจอมยุทธ์ที่หมัวเสวี่ยเคยฆ่ามา มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว
ฉึก!
สีหน้าอี้อวิ๋นนิ่งสงบ เปลวไฟสีเทาพร้อมด้วยกระบี่หักหยางบริสุทธิ์แทงเข้าสู่ใบหน้าโลหิต
ตูม ตูม ตูม!
มีเสียงร้องแหลมนับไม่ถ้วนดังออกมาจากใบหน้าโลหิต ใบหน้าโลหิตขนาดยักษ์ถูกพลังความร้อนอันน่ากลัวเผาจนระเหยเป็นไอ
ไม่ว่าใบหน้าโลหิตนี้จะร้ายกาจเพียงใด แต่มันจะต้านเชื้อเพลิงเทพมารและกฎแห่งการทำลายล้างได้หรือ?
หนึ่งกระบี่ทำลายใบหน้าโลหิต คมกระบี่ของอี้อวิ๋นแทงต่อไปที่หมัวเสวี่ย กระบี่นี้มีอานุภาพที่ไม่อาจต้านทาน สีหน้าหมัวเสวี่ยเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่หลบเลี่ยงได้แล้ว
ฉึก!
ปราณมารคุ้มครองร่างฉีกขาด กระบี่หยางบริสุทธิ์แทงตรงเข้าไปที่กายเนื้อของหมัวเสวี่ย โลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วร่างแตกกระจายแล้วร่วงตกสู่พื้นอย่างแรง เขาเบิกตามองหน้าอกตัวเองอย่างไม่เชื่อ
“เกราะ…เกราะโลหิตมารของข้า…”
ชุดเกราะของเขาไม่มีแรงต้านทานแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่ของอี้อวิ๋น
อี้อวิ๋นมาถึงตรงหน้าหมัวเสวี่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบแล้วตวัดกระบี่ออกไป
ฉัวะ!
โลหิตสายหนึ่งสาดกระเซ็น
ใบหน้าอี้อวิ๋นซีดเซียวเล็กน้อย เขาเองก็ใช้กระบี่เมื่อครู่ได้ไม่ง่ายนัก!
แต่ในที่สุดเขาก็สังหารหมัวเสวี่ยสำเร็จ!
ทั่วทั้งตำหนักศิลาตกอยู่ในความเงียบทันที!
“คุณชายอี้สังหารบุคคลสำคัญของวังวิถีเจ็ดดาราได้จริงๆ…” หัวใจผู้อาวุโสจีเต้นอย่างรุนแรง เขามองเงาร่างที่ยืนที่กระบี่ ปลายกระบี่เขามีเลือดหยดลง กงล้อหมื่นมารเกิดดับยังคงหมุนตัว แม้เขาจะทำแค่ยืนอยู่ที่นั่นเฉยๆ แต่ปราณสังหารบนร่างก็ทำให้ผู้อาวุโสจีกับสาวใช้สองนางที่อยู่ห่างหลายสิบจั้งต้องหายใจไม่ออก
หลิ่วหรูอี้กับหมัวซายิ่งรู้สึกยากที่จะเชื่อ
หมัวเสวี่ยถูกฆ่าตาย!
ตอนนี้อี้อวิ๋นหันมามองหมัวซาอย่างเย็นชา
“คนต่อไปคือเจ้า”
เสียงเขาเป็นดังยันต์เร่งชีวิต เป็นดังคำสั่งของเทพมาร!
อี้อวิ๋นเพิ่งเข้าสู่ระดับวังวิถี ฝึกยุทธ์มาแค่หกสิบปี เดิมทีหมัวซาไม่มีทางกลัวเด็กรุ่นเยาว์เช่นนี้ แต่ตอนนี้เขากลับกลัวอย่างควบคุมไม่ได้!
เขากลับหมัวเสวี่ยมีระดับยุทธ์เท่ากัน วิชาที่เรียนรู้ฝึกฝนก็เหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน!
เห็นกระบวนการที่หมัวเสวี่ยถูกกระบี่สังหารก็เหมือนเห็นวิธีตายของตัวเองล่วงหน้า!
หากไม่ใช่เพราะค่ายกลบ้านี่ก็คงไม่เป็นเช่นนี้ หากเขากับหมัวเสวี่ยร่วมมือกันก็สังหารอี้อวิ๋นได้แน่นอน!
“ศิษย์น้องหลิ่ว เจ้ารีบทำลายมิติกักขังนี่แล้วร่วมกันสังหารอี้อวิ๋นด้วยกันกับข้า!” หมัวซารีบตะโกน
ไม่ต้องให้หมัวซาพูดหลิ่วหรูอี้ก็กำลังฟาดแส้เพื่อทำลายกำแพงมิตินี้อยู่แล้ว หมัวเสวี่ยถูกสังหาร พลังของอี้อวิ๋นทำให้หลิ่วหรูอี้ตัวสั่น นางไม่อาจนั่งมองหมัวซาถูกฆ่าอยู่เฉยๆ
แต่ไม่ว่าหลิ่วหรูอี้จะฟาดแส้เพื่อโจมตีกำแพงมิตินี้อย่างไรก็ทำลายไม่ได้!
หลิ่วหรูอี้เห็นแล้วว่าค่ายกลนี้อยู่บนเส้นขอบของการล่มสลาย ทว่าพลังที่เหลือของมันกลับเพียงพอที่จะต้านทานนางได้ระยะหนึ่งแล้ว
“พังลงสิ!”
หลิ่วหรูอี้ร้อนใจ ศีรษะนางเต็มไปด้วยเหงื่อ ถ้าพวกเขาสามคนร่วมมือกันก็ย่อมไม่กลัวอี้อวิ๋น แต่เมื่อถูกแยกจัดการทีละคนก็อนาถแน่นอน
วิธีของอี้อวิ๋นเด็ดขาดและเหี้ยมโหด! หากเป็นก่อนหน้านี้นางก็คงไม่มีทางคิดว่าตัวเองจะกลัวเด็กที่เพิ่งขึ้นระดับวังวิถี แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกับเป็นดั่งเทพสังหาร
เพียงแค่เห็นเขาสังหารหมัวเสวี่ยก็ทำให้ตระหนักถึงปราณสังหารที่เข้มข้นดุจนรกโลกันตร์ แค่เห็นก็สั่นไปทั้งร่าง!
ตอนนี้อี้อวิ๋นเดินมาถึงในมิติกักขังของหมัวซา เขาไม่หยุดพักแม้แต่อึดใจเดียว ลงกระบี่ทันที!
หมัวซาเผาแก่นโลหิตทันทีอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาทุ่มพลังทั้งหมดตั้งแต่เริ่ม!
แต่ตอนนี้ลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นกลับเกิดความเปลี่ยนแปลง
กระบี่แทงออกไป เวลาของกระบี่เหมือนจะถูกบิดเบือน ขณะเดียวกลางเปลวไฟสีเทาก็มีไอเย็นปรากฏ
วิถีมิติเวลากับหยินหยางปรากฏขึ้นในกระบวนท่ากระบี่ของอี้อวิ๋นพร้อมกัน
“แสงฟ้าทะลุอาทิตย์ทำลายจันทร์โลหิต วิญญาณน้ำแข็งโดดเดี่ยวผนึกเหวเทพ! ตาย!”
ลำแสงกระบี่มาถึงเบื้องหน้าหมัวซาภายในชั่วพริบตา จุดที่ลำแสงกระบี่มาถึงเหมือนดั่งมีนรกน้ำแข็งมาเยือน!
กระบี่นี้ยังไม่ทันมาถึงอี้อวิ๋นก็ฟันกระบี่อีกครั้ง
จิตสังหารอันเย็นยะเยือกปกคลุมหมัวซาทันที
ฉัวะๆๆ!
ลำแสงกระบี่นับไม่ถ้วนร่วงลงมาจนพื้นดินเกิดร่องลึกที่แทบจะแยกถ้ำแห่งนี้ออกจากกัน
กลางร่องลึกนี้มีหมัวซาที่ยืนหน้าซีดอยู่กับที่ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
เขามองอี้อวิ๋นอย่างเหลือเชื่อ อี้อวิ๋นผู้นี้ผ่านการต่อสู้กับหมัวเสวี่ยมา เมื่อมาสู้กับเขาก็ยังจะมีปราณกระบี่ที่รุนแรงกว่าเดิม!
“ศะ…ศิษย์น้องหลิ่ว…” หมัวซาฝากฝังความหวังสุดท้ายไว้กับหลิ่วหรูอี้ที่กำลังทำลายค่ายกล
“เลิกเปลืองแรงเถอะ” สีหน้าอี้อวิ๋นเย็นยะเยือก “อย่างไรพวกเจ้าสองคนก็ต้องตาย”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็นำกระบี่หักหยางบริสุทธิ์มาเฉือนลงบนข้อมือตัวเอง โลหิตสายหนึ่งติดอยู่ที่คมกระบี่
เผาแก่นโลหิตเพื่อสังหารรองประมุขสองคน พลังปราณในร่างอี้อวิ๋นก็ถูกใช้ไปอย่างหนัก เขาไม่อาจให้การต่อสู้นี้ยืดเยื้อได้อีก
เมื่อค่ายกลฟ้าดินอันทรุดโทรมนี้พังลงจริงๆ จนหลิ่วหรูอี้กับหมัวซาได้ร่วมมือกัน เช่นนั้นคนที่จะตกอยู่ในอันตรายก็คือเขาเอง
เขาใช้แก่นโลหิตตัวเองมาสังเวยแด่กระบี่ กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ส่งเสียงร้อง!
ฟึ่บ!
เขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างพุ่งพรวดขึ้น ลำแสงกระบี่กลืนกินฟ้าดิน อี้อวิ๋นไม่ออมแรงกับกระบี่นี้แม้แต่น้อย!
หมัวซาระเบิดเสียงคำราม เขาโจมตีครั้งสุดท้าย แต่เงากรงเล็บทั่วฟ้าที่เขาส่งออกมาถูกกระบี่ของอี้อวิ๋นทำลายลงหมด!
ลำแสงกระบี่บินวน พวกมันฉีกปราณคุ้มครองร่างของหมัวซาออก แม้แต่กำแพงมิติของค่ายกลฟ้าดินนี้ก็สั่นอย่างรุนแรงไปด้วย
“ตาย!”
อี้อวิ๋นแทงกระบี่เข้าใส่หัวใจหมัวซา ทั่วตัวหมัวซามีแต่เลือด ร่างเขาร่วงตกสู่พื้นเหมือนถุงโลหิตที่รั่ว ดวงตามองอากาศอย่างหมดแรงและไม่ยอม จากนั้นลมหายใจก็หยุดลง
อี้อวิ๋นร่อนลงบนพื้น ใบหน้าเขาแดงอย่างผิดปกติ
แปะ แปะ!
โลหิตหยดลงพื้นไปตามแนวกระบี่ที่ทำมุมเอียงกับพื้นแล้วค่อยๆ ขยายออก โลหิตสีแดงสดเสียดแทงสายตา…
“คนสุดท้าย…เจ้า!”
อี้อวิ๋นสงบพลังปราณอันวุ่นวายในร่างแล้วหันหน้าไปชี้กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ใส่หลิ่วหรูอี้
ตอนนี้ทั่วร่างอี้อวิ๋นเต็มไปด้วยเลือด ปราณสังหารพุ่งขึ้นฟ้าเหมือนเทพมารจากนรก!
หลิ่วหรูอี้มองศพที่ไม่สมบูรณ์ของหมัวซาหมัวเสวี่ยแล้วมองอี้อวิ๋นอย่างหน้าซีด
ชีวิตนี้นางไม่เคยเจออะไรน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน พวกเขาที่เป็นรองประมุขของวังวิถีเจ็ดดารามาถูกขังในมิติและสังหารทีละคน!
ความรู้สึกที่นั่งรอความตายนี้ช่างไม่ดีเอาเสียเลย
……………………………………………………………………………………………………..