True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1108
มองคนอื่นประสบหายนะ
“ไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นมีเข็มทิศความลับสวรรค์อยู่ในมือแล้วจะคิดเพ้อฝันมาที่นี่หรือเปล่า แต่ด้วยระดับยุทธ์เขาแล้วต่อให้มาที่นี่ก็ไม่อาจไปไหน เสียของจริงๆ” อาจารย์เทียนเซียวไม่สบอารมณ์เมื่อพูดถึงอี้อวิ๋นกับเข็มทิศความลับสวรรค์ เขารู้ว่าการเดินทางในทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้ตัวเขาไร้วาสนากับสมบัติขั้นสุดยอด ได้รับแค่รางวังเล็กๆ น้อยจากวังวิถีเจ็ดดารา หากนำเข็มทิศความลับสวรรค์กลับคืนมาได้ก็เป็นผลตอบแทนที่ไม่เลวสำหรับเขา
“เหอะ หากเขาเข้ามาก็ให้ข้าหลอมเป็นโอสถได้พอดี” เด็กอีกคนพูดขึ้น เสียงเขาเหมือนเด็กอีกคนอย่างไม่ผิดเพี้ยน ฟังแล้วแปลกพิลึกมาก
“นำทางต่อได้แล้ว รีบหาวิญญาณหยางให้เจอ” หลิ่วหรูอี้พูดเสียงเย็น ครั้งนี้นางถูกสำนักกระบี่สระใสขัดขวาง เมื่อพูดถึงอี้อวิ๋นก็มีจิตสังหารแฝงในคำพูด
อาจารย์เทียนเซียวถือเข็มทิศเพื่ออนุมาน แต่ในตอนนี้เองที่เขาเหลือบตาอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็ต้องตกตะลึง
เขาเห็นจอมยุทธ์ท่าทางอิสระผู้หนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลออกไป ในมืออีกฝ่ายถือเข็มทิศโลหะสองชิ้น นั่นคือเข็มทิศความลับสวรรค์! ทั้งยังเป็นเข็มทิศแม่ลูกทั้งสองแผ่น!
“ขะ…เข็มทิศความลับสวรรค์!?”
อาจารย์เทียนเซียวคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะใครที่นี่ ทั้งอีกฝ่ายยังมีเข็มทิศความลับสวรรค์ครบทั้งสองแผ่น
หากไม่มีวิชาอนุมานก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาที่นี่เจอ คนผู้นี้มาจากไหนกัน? หรือเข็มทิศความลับสวรรค์หลุดจากมีอี้อวิ๋น หรือคนผู้นี้คือตัวอี้อวิ๋นเอง?
อาจารย์เทียนเซียวรู้ว่าวิชาแปลงโฉมหลายวิชาลึกล้ำมากจนยากจะมองออก
“ไม่ว่าเขาจะใช่อี้อวิ๋นหรือไม่ก็จับตัวเขาก่อน! แย่งเอาเข็มทิศความลับสวรรค์มา!” อาจารย์เทียนเซียวตะโกนอย่างตื่นเต้น
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย? บังเอิญจริงๆ” เด็กสองคนนั้นบินออกไปทันที พวกหลิ่วหรูอี้ก็พากันตามไปเช่นกัน
แต่พวกเขาก็ต้องรุ้สึกประหลาด เหตุใดคนผู้นี้อยู่ใกล้แต่กลิ่นอายกลับห่างไกลจนพวกเขาไม่สังเกตเห็นตั้งแต่แรก?
ทั้งอีกฝ่ายก็มีสีหน้านิ่งสงบ
“คนผู้นี้น่าจะเป็นอี้อวิ๋น นับว่าใจกล้าไม่น้อย แต่ดูซิว่าเมื่อข้าหลอมเขาเป็นโอสถแล้วจะรักษาความกล้าได้นานแค่ไหน” เด็กคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
เด็กทั้งสองพุ่งเข้าหาอี้อวิ๋นพร้อมกันเมื่อพูดจบ
ทว่าเมื่อพวกเขาพุ่งตัวเข้าไปก็กลับพบว่าทั้งๆ ที่ตัวเองพุ่งมาแล้วระยะหนึ่ง แต่เมื่อมองไปที่อี้อวิ๋นอีกครั้งก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ข้างก้อนหินและห่างจากพวกเขาด้วยระยะทางเช่นเดิม
“หืม?” เด็กน้อยขมวดคิ้วแล้วสร้างตราคาถาขึ้น ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึม “มิติอันโกลาหล? ไอ้หนู มิน่าเล่าเจ้าถึงได้ไม่เกรงกลัว แต่ในเมื่อเจ้ามาที่โลกใต้ดินนี้แล้วก็อย่าหวังว่าจะได้รอดออกไป”
“ใช่ ตอนนั้นมีสำนักกระบี่สระใสคุ้มครองเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ตัวคนเดียว มาที่นี่ก็เท่ากับรนหาที่ตาย!” ดวงตาเรียวยาวของหลิ่วหรูอี้หรี่ลงเบาๆ คำพูดเต็มไปด้วยปราณสังหารอันน่ากลัว
แต่ตอนนี้กลับหัวเราะขึ้นมา เพราะมีมิติขวางกั้นอยู่ ความจริงแล้วเสียงเขาจึงส่งไปไม่ถึงอีกฝั่ง เขาทำแค่ขยับรูปปากเพื่อส่งสารของตัวเอง “พวกเจ้าเป็นห่วงตัวเองเถอะ ขอให้พวกเจ้าโชคดี”
อี้อวิ๋นเพิ่งพูดจบ คนจากวังวิถีเจ็ดดาราที่อยู่ด้านหลังก็ร้องโหยหวนขึ้นมาอย่างฉับพลัน
พวกหลิ่วหรูอี้รีบหันไปมองก็เห็นสิ่งมีชีวิตร่างคนที่ไม่มีหน้าตนหนึ่งฟันศิษย์วังวิถีเจ็ดดาราผู้นั้นแยกเป็นสองส่วน ตอนนี้มันกำลังพุ่งมาทางพวกเขา
“ตัวอะไรน่ะ?”
สิ่งมีชีวิตน่ากลัวสูงสามหมี่ ใบหน้าเหมือนถูกเผาเกรียม ทั้งร่างมีกลิ่นอายอันน่ากลัวแผ่ออกมา
ในเงามืดด้านหลังสิ่งมีชีวิตร่างคนมีศีรษะหลายศีรษะโผล่ออกมา นับรวมแล้วมีทั้งหมดสิบสองศีรษะ เป็นสิ่งมีชีวิตร่างคนทั้งหมด
ซ่า!
พวกมันกระโดดขึ้นจากเหล็กหลอม ตรงกลางยังมีสิ่งมีชีวิตตัวหัวหน้าที่สูงสี่หมี่ หน้าตาชัดเจนและมีกลิ่นอายชัดเจนว่าน่ากลัวยิ่งขึ้น มันทำให้ทุกคนขนลุกไปหมด
‘โฮก!’
สิ่งมีชีวิตร่างคนพากันร้องคำรามเสียงต่ำแล้วพุ่งตัวเข้ามา
“น่าตายชะมัด!” เด็กน้อยสองคนสบตากันแล้วพุ่งตัวออกไป คนจากวังวิถีเจ็ดดาราคนอื่นๆ พุ่งเข้าไปปะทะกับสิ่งมีชีวิตนี้เช่นกัน
แต่พวกเขาก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าแม้สิ่งมีชีวิตร่างคนเหล่านี้จะไม่เข้าใจกฎแต่กลับทรงพลังมาก ความเร็วก็เร็วถึงขีดสุดเช่นกัน
“อ้า!”
คนจากวังวิถีเจ็ดดาราร้องโหยหวนไม่หยุด มีคนบาดเจ็บล้มตายอย่างรวดเร็ว
อาจารย์เทียนเซียวตกใจกับภาพตรงหน้าจนตัวเย็น ด้วยระดับยุทธ์ของเขาแล้วไม่มีทางสู้สิ่งมีชีวิตนี้ได้แน่นอน
“โฮก!”
วังวิถีเจ็ดดาราสูญเสียศิษย์ไปอีกสองสามคนภายในเวลาสั้นๆ
คนที่เหลือรับมืออย่างจนมุม สิ่งมีชีวิตประหลาดพวกนี้ฟันแทงไม่เข้า การโจมตีของพวกเขายากที่จะสร้างบาดแผล!
แม้แต่รองประมุขทั้งสี่ของวังวิถีเจ็ดดาราก็ยังรับมือได้ไม่ง่ายนัก!
“น่าตายชะมัด!” เด็กน้อยทั้งสองมีสีหน้าเย็นยะเยือก พวกเขาเห็นว่าอี้อวิ๋นยังยืนดูเรื่องสนุกอยู่ที่เดิม!
ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ใกล้แค่ตาและกลับจับตัวไม่ได้ ได้แต่มองเด็กที่ไม่มีค่าให้พูดถึงสำหรับพวกเขาดูเรื่องสนุกไปด้วย มีสีหน้าเย้ยหยันไปด้วย
นี่เป็นความอัปยศสำหรับพวกเขาที่เป็นรองประมุขของวังวิถีเจ็ดดารา!
“พวกเจ้าค่อยๆ สู้ไป ข้าไปก่อนล่ะ” อี้อวิ๋นพูดพร้อมรอยยิ้ม
“โถ่เว้ย! คนผู้นี้คืออี้อวิ๋นแน่นอน! ไอ้เด็กสกุลอี้ วังวิถีเจ็ดดาราของข้าจะหาเจ้าให้เจอแล้วหั่นร่างเป็นชิ้นๆ แน่นอน!” หลิ่วหรูอี้กัดฟันพูดอย่างชั่วร้าย
นางอยากพุ่งไปจับอี้อวิ๋นเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แต่ตอนนี้วังวิถีเจ็ดดาราแค่จะเอาตัวรอดยังยาก พวกนางมากันสามสิบกว่าคนแต่กลับตายไปแล้วครึ่งหนึ่งภายในชั่วพริบตา!
ไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นมีชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมอันแสนจะอันตรายนี้ได้อย่างไร!
“ท่านรองประมุข อี้อวิ๋นมีเข็มทิศความลับสวรรค์ ทั้งยังมีเข็มทิศตัวแม่อยู่ในมือด้วย เกรงว่าเขาคงเจอคนทรยศของสำนักความลับสวรรค์แล้ว บนร่างเขาใส่เสื้อหยกด้ายทองไว้อยู่! เสื้อหยกนี้ใช้บดบังกลิ่นอายได้ เขานำหน้าพวกเราไปก่อน อาจเจอสมบัติก่อนพวกเรา!” อาจารย์เทียนเซียวพูดอย่างรีบเร่ง
เด็กน้อยสองคนมองอาจารย์เทียนเซียวอย่างเย็นยะเยือก อาจารย์เทียนเซียวนี่พูดอะไรไม่พูดดันมาพูดเรื่องนี้ พวกเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
“เขาจะได้ก็ต่อเมื่อมีชีวิตรอด!” ชายวัยกลางคนสะพายดาบเล่มใหญ่สีดำที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดพูดขึ้นด้วยเสียงอันแหบแห้งอย่างฉับพลัน
ตอนนี้อี้อวิ๋นมองอาจารย์เทียนเซียวแวบหนึ่ง แววตามีประกายยิ้มเยาะ “นอกจากสิ่งมีชีวิตร่างคนแล้วในโลกใต้ดินนี้ยังมีอย่างอื่นอีก พวกมันน่าจะหิวโหยมาหลายล้านปี ขอให้พวกเจ้าโชคดี”
อาจารย์เทียนเซียวฟังคำพูดอี้อวิ๋นแล้วก็เสียวสันหลัง มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีก? เขาอันตรายแล้วจริงๆ ลำพังแค่คนจากวังวิถีเจ็ดดารายังยากจะเอาตัวรอด จะมาสนใจเขาได้อย่างไร?
ตอนนี้อี้อวิ๋นค่อยๆ หมุนตัวเดินเข้าสู่ส่วนลึกภายใต้สายตาของคนจากวังวิถีเจ็ดดารา
แผ่นหลังอันเอ้อระเหยของเขาทำให้คนจากวังวิถีเจ็ดดาราที่อยู่กลางการต่อสู้โมโหจนแทบกระอักเลือด
…………………………………………………………………………………………………