True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1087
หลังจากที่เจดีย์ของเจี้ยนอู๋เฟิงบินมาไม่รู้กี่แสนลี้ก็เข้าสู่จุดเชื่อมมิติและทำการกระโดดผ่านมิติ จากนั้นวิสัยทัศน์ก็สว่างแจ้งขึ้นมา
ตรงหน้าทุกคนมีภูเขาหิมะที่ทอดตัวยาวไม่หยุดปรากฏ ภูเขาเหล่านี้สูงหลายหมื่นจั้งแตกต่างกันไปจนชั้นเมฆอยู่ใต้ตีนเขา ยอดเขาที่ใหญ่ที่สุดสองสามลูกรวมตัวกันล้อมรอบทะเลสาบขนาดใหญ่
แม้ทะเลสาบผืนนี้จะตั้งอยู่บนยอดเขาหิมะที่อากาศหนาวจัดแต่ก็ไม่ถูกแช่แข็ง กลางทะเลทรายมีบัวหิมะหลายดอกเบ่งบาน แต่ละดอกอยู่มาหลายพันปี มองจากไกลๆ ก็เหมือนเกล็ดหิมะที่ตกลงบนทะเลสาบ เป็นภาพที่งดงามมาก
“ทะเลสาบผืนนี้มีชื่อว่าภูเขาหิมะสระใส เป็นที่ตั้งของทางเข้าสู่สำนักกระบี่สระใส ที่สำนักกระบี่ของเรามีชื่อเช่นนี้ก็เพราะมัน”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดแล้วก็ควบคุมให้เจดีย์เดินทางผ่านมิติอีกครั้ง เหนือทะเลสาบมีทางเข้าสู่สำนักกระบี่สระใสปรากฎรางๆ นี่คือโลกที่เป็นอิสระขนาดเล็ก
วิสัยทัศน์เปลี่ยนไป ทะเลสาบยังคงอยู่ ทว่าทิวทัศน์รอบด้านกลับเปลี่ยนไปสิ้นเชิง กองหิมะที่มีอยู่ทั่วไปหมดได้หายไปแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คืออาคารหรูหราที่ทอดตัวยาวสุดสายตา ภายในมีต้นไม้ดอกไม้ประดับตกแต่ง ดูแล้วเหมือนแดนเซียนในโลกมนุษย์
อี้อวิ๋นเห็นว่าบนแผ่นป้ายเหนือประตูบานใหญ่ของอาคารเหล่านี้มีคำว่าสระใสเขียนไว้อย่างประณีตทรงพลัง เจตนากระบี่ที่แฝงในลายพู่กันทำให้มองแล้วตกใจ
เจดีย์ของเจี้ยนอู๋เฟิงบินผ่านประตูและร่อนลงบนสนามฝึกแห่งหนึ่ง
สนามฝึกแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณสิบลี้ ตรงกลางมีหม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ดูทรงพลังมาก
อี้อวิ๋นไม่รู้สึกอะไรที่ต้องมาสถานที่แปลกตาอย่างฉับพลัน แต่จีสุ่ยเยียนกลับสับสนเล็กน้อย
จากเมืองแสงหยกมาถึงที่นี่ก็มีระยะทางถึงสิบล้านลี้
“แม่นางสุ่ยเยียน ในเมื่อมาที่นี่แล้วก็อยู่อย่างมีความสุขเถอะ การมาสำนักกระบี่สระใสเป็นเพียงแผนชั่วคราว วันหนึ่งข้าจะพาเจ้ากลับไปที่เมืองแสงหยกแน่นอน” อี้อวิ๋นเข้าใจความคิดของจีสุ่ยเยียนจึงพูดอย่างจริงจัง
จีสุ่ยเยียนย่อมไม่สงสัยในคำสัญญาของอี้อวิ๋น
“ส่วนเรื่องร้านความลับเทพ…ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแล้วจะทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนไปด้วย” อี้อวิ๋นรู้ว่าการจากมาอย่างฉุกละหุกของเขากับจีสุ่ยเยียนครั้งนี้ไม่อาจพาคนของร้านความลับเทพมาด้วย คนที่อยู่ในร้านความลับเทพย่อมตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
จีสุ่ยเยียนส่ายหน้า “คุณชายอี้โปรดอย่าได้พูดเช่นนี้ หากไม่มีคุณชาย ร้านความลับเทพก็คงไม่ได้แค่ไม่เหลือ จุดจบของข้าเองก็คงน่าอนาถมาก”
“แม้การจากมาครั้งนี้ของพวกเราจะล่วงเกินวังวิถีเจ็ดดารา แต่ทางวังวิถีเจ็ดดาราคงไม่สนใจกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ อย่างร้านความลับเทพ ถึงกระนั้นก็เกรงว่าร้านประมูลเจ็ดดารากับเหยียนเทียนชงคงไม่ปล่อยร้านความลับเทพเอาไว้ ก่อนที่ข้าจะเข้าสู่ที่พำนักพกพาก็ได้บีบแผ่นหยกส่งเสียงให้คนใกล้ชิดที่ไว้วางใจหนีออกจากเมืองแสงหยกผ่านทางลับ ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้พวกเขาสวามิภักดิ์ต่อร้านขยายฟ้าให้หมด ขอเพียงมีชีวิตรอดเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นสังเกตเห็นว่าจีสุ่ยเยียนบีบแผ่นหยกส่งเสียงจริงๆ นางทั้งเตรียมทางลับไว้ล่วงหน้า ทั้งออกคำสั่งเช่นนี้ในช่วงเวลาสำคัญ นับว่าพิจารณาได้รอบคอบมาก ขอเพียงแค่รักษาชีวิตไว้ได้ก็จะดีเอง ต่อให้เสียทรัพย์สมบัติก็หากลับคืนมาได้
……
“ท่านเจ้าสำนักกลับมาแล้ว”
เจี้ยนอู๋เฟิงเพิ่งก้าวลงพื้นก็มีคนในสำนักกระบี่สระใสจำนวนมากออกมาต้อนรับ
“ท่านเจ้าสำนักอาจารย์อา!”
ชายชุดแดงผู้หนึ่งเดินเข้าด้วยรอยยิ้ม ชายผู้นี้ดูพิเศษกว่าคนอื่น เพราะเขาสะพายกระบี่สองเล่มไว้ที่ด้านหลัง
เขาใช้กระบี่คู่ เรื่องนี้ทำให้อี้อวิ๋นค่อนข้างแปลกใจ
ราชาชิงหยางใช้กระบี่มือเดียว กระบี่คู่ก็มีความยากกว่ากระบี่มือเดียวมาก สำนักกระบี่สระใสไม่มีมรดกที่ครบสมบูรณ์ของราชาชิงหยาง แต่ชายชุดแดงผู้นี้กลับยังคงเลือกกระบี่คู่ที่มีความยากมากขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก
“ศิษย์น้องเสี่ยวซวง ลำบากเจ้าแล้ว”
ชายหนุ่มชุดแดงทำความเคารพให้เจี้ยนอู๋เฟิงเสร็จก็หันมาพูดกับเจี้ยนเสี่ยวซวงเสียงอ่อน เขาเพิ่งพูดจบก็เห็นอี้อวิ๋นที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเสี่ยวซวง
เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย “ผู้นี้คือ?”
สำนักกระบี่สระใสเป็นสำนักซ่อนเร้นครึ่งหนึ่ง ที่ตั้งของสำนักเป็นความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายออกไป
ศิษย์ในสำนักเองก็ไม่อาจพาคนนอกเข้ามา
ชายหนุ่มชุดแดงไม่เข้าใจเมื่อจู่ๆ ตอนนี้มาเห็นว่าเจี้ยนอู๋เฟิงพาคนนอกกลับมา เขาคงไม่ใช่ศิษย์ที่เจี้ยนอู๋เฟิงรับหรอกกระมัง? สำนักกระบี่สระใสของพวกเขามีคนไม่มาก มาตรฐานในการรับศิษย์เข้มงวดมาก
ก่อนหน้านี้เจี้ยนอู๋เฟิงรับเจี้ยนเสี่ยวซวงเป็นศิษย์แค่คนเดียว ส่วนตัวชายหนุ่มชุดแดงเป็นศิษย์ประจำตัวของผู้อาวุโสสูงสุดคนปัจจุบัน
ชายหนุ่มชุดแดงกับเจี้ยนเสี่ยวซวงจึงนับได้ว่าเป็นคู่อัจฉริยะของสำนักกระบี่สระใส
ทว่าเจี้ยนอู๋เฟิงกลับไม่สนใจคำถามของชายหนุ่มชุดแดง เขาพูดขึ้นว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ผนึกประตูทางเข้า เปิดค่ายกลอำพราง หากไม่มีการอนุญาตจากข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามออกจากสำนัก! อีกเรื่องคือให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือข้าศึก เข้าสู่สภาวะเตรียมรบระดับหนึ่ง!”
คำสั่งของเจี้ยนอู๋เฟิงทำให้หลายคนที่มาต้อนรับเขางงงัน
สภาวะเตรียมรบระดับหนึ่ง? การเตรียมรบระดับหนึ่งจะทำให้ไม่มีศิษย์คนใดได้ปิดด่านฝึกตน จำเป็นต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและเปิดค่ายกลป้องกันทั้งหมด ทุกๆ วันจะใช้ศิลาพิภพจำนวนมหาศาล
เกรงว่าสำนักกระบี่สระใสคงไม่ได้เข้าสู่สภาวะเตรียมรบระดับหนึ่งมาหลายหมื่นปีแล้ว สภาวะเตรียมรบนี้ต้องปิดผนึกสำนักไม่ให้เข้าออก นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือจะมีศัตรูบุกมาสังหาร?
“เฟิงหง เจ้ามัวงงอะไรอยู่ รีบไปถ่ายทอดคำสั่งเดี๋ยวนี้!”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดกับชายหนุ่มชุดแดง เจี้ยนเฟิงหงมีโอกาสถามเรื่องอี้อวิ๋นที่ไหน เขารีบบอกลาและไปถ่ายทอดคำสั่ง
ไม่นาน ทั่วทั้งสำนักกระบี่สระใสก็เต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด ทุกคนออกจากที่ฝึก พวกเขาต่างเดาว่าคงมีศัตรูที่แข็งแกร่งบุกมาโจมตี
“ท่านเจ้าสำนักอาจารย์อา เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ มีคนจะโจมตีสำนักเรางั้นหรือ? อีกฝ่ายเป็นใคร?”
เจี้ยนเฟิงหงถามอย่างอดไม่ได้หลังจากที่ถ่ายทอดคำสั่งลงไปแล้ว
“จะโจมตีหรือไม่ข้าไม่รู้ อีกฝ่าคือวังวิถีเจ็ดดารา” เจี้ยนอู๋เฟิงพูดเรียบๆ แต่เจี้ยนเฟิงหงฟังแล้วกลับตะลึงงัน
อะไรนะ!? วังวิถีเจ็ดดารา!
วังวิถีเจ็ดาราเป็นกลุ่มอิทธิพลชั้นยอดของแคว้นจงแห่งดินแดนสวรรค์ ลำพังแค่ทูตทั้งเจ็ดในวังวิถีเจ็ดดาราก็สู้เจี้ยนอู๋เฟิงได้ทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประมุขวังที่แข็งแกร่งจนไม่อาจคาดเดา!
หากสำนักกระบี่สระใสสู้กับวังวิถีเจ็ดดาราก็ไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
“ศิษย์น้องอู๋เฟิง เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าไปมีเรื่องกับวังวิถีเจ็ดดาราหรือ?”
ในตอนนี้เองที่มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ชายวัยกลางคนร่างอ้วนผู้หนึ่งเดินมากับสายลม
ชายผู้นี้สวมชุดสีแดงเช่นกัน รูปร่างเขาอวบอ้วนแต่กลับเคลื่อนตัวพลิ้วไหวดุจนกนางแอ่น เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ข้ามผ่านระยะห่างหลายร้อยจั้งมาถึงตรงหน้าเจี้ยนอู๋เฟิง
ชายผู้นี้คืออาจารย์ของเจี้ยนเฟิงหง หรือก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักกระบี่สระใส
สำนักกระบี่สระใสมีผู้กุมอำนาจสองคนมาโดยตลอด ทั้งสองจะหารือซึ่งกันและกันเมื่อเจอปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ขณะเดียวก็ไม่อาจเลี่ยงเรื่องที่พวกเขาจะแย่งชิงอำนาจกันระดับหนึ่ง
“ทุกเรื่องย่อมมีสาเหตุ ข้าไม่มีทางเลือกอื่น” เจี้ยนอู๋เฟิงส่ายหน้า การมีเรื่องกับวังวิถีเจ็ดดาราถือเป็นปัญหาที่รับมือยากโดยแท้