True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1080
เจี้ยนเสี่ยวซวงตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของเจี้ยนอู๋เฟิง
นางเห็นชัดว่าแววตาเจี้ยนอู๋เฟิงมีประกายตื่นเต้นที่ยากจะปิดบัง
ท่านอาจารย์เป็นที่นิ่งสงบต่อทุกสิ่งมาโดยตลอดในสายตานาง น้อยครั้งมากที่จะเสียท่าทีเช่นนี้
แท้จริงแล้วตอนนี้ใจของเจี้ยนอู๋เฟิงตื่นเต้นกว่าภาพที่เขาแสดงออกมาเสียอีก
เขาเดาไว้ไม่ผิด อี้อวิ๋นกับราชาชิงหยางมีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ ด้วย!
วิชาที่อี้อวิ๋นใช้ไม่ใช่มรดกทั้งหมดของราชาชิงหยาง กระบวนท่ากระบี่ของเขามีเจตนากระบี่ของราชาชิงหยางอยู่ก็จริง แต่ภายในก็มีสิ่งอื่นมากกว่า
พลังกระบี่และเจตนากระบี่ของอี้อวิ๋นทำให้เจี้ยนอู๋เฟิงชื่นชมในความเลิศล้ำ!
เดิมทีเจี้ยนอู๋เฟิงก็เป็นคนที่หลงใหลในกระบี่ ตลอดชีวิตที่ฝึกยุทธ์มาก็มีเพียงกระบี่ในสายตา มรดกของราชาชิงหยางยิ่งใหญ่ลึกล้ำสำหรับเขาแล้วและน่าหลงใหล แต่กระบี่ที่เขาเห็นอี้อวิ๋นแสดงในวันนี้กลับมีพื้นฐานที่สูงขึ้นไปอีกขั้น จะไม่ให้เขาแปลกใจได้อย่างไร?
เส้นทางแห่งยุทธ์ไม่มีจุดสิ้นสุด เหนือยอดเขาสูงก็ยังมียอดเขาที่สูงขึ้นไปอีก!
เจี้ยนอู๋เฟิงเพิ่งสังเกตเห็นเจี้ยนเสี่ยวซวงหลังจากที่อีกฝ่ายมองเขาอยู่สักพัก เขาเห็นว่าแววตานางมีความไม่เข้าใจและความพ่ายแพ้
เจี้ยนเสี่ยวซวงมีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เคยมีคู่ต่อสู้วัยเดียวกัน วันนี้มาพ่ายแพ้ให้กระบี่ของอี้อวิ๋นแล้วจะรู้สึกดีได้อย่างไร
แต่ตอนนี้เจี้ยนอู๋เฟิงไม่อาจปลอบใจศิษย์ของตัวเอง เขากระแอมไอแห้งๆ และพูดว่า “เสี่ยวซวง ลองกระบวนท่ากระบี่อื่นดูอีกครั้ง นี่คือโอกาสที่เจ้าจะได้พัฒนา”
“ท่านอาจารย์…”
เจี้ยนเสี่ยวซวงเจ็บปวดเล็กน้อย นางหวังให้อาจารย์มอบคำอธิบายแก่นาง แต่นี่ท่านอาจารย์ไม่เพียงไม่อธิบาย เขายังให้นางประมือต่ออีก นางแพ้ตั้งแต่กระบวนท่าเมื่อครู่แล้ว อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่การต่อสู้ที่ตัดสินเป็นตาย แม้จะแพ้แค่ครึ่งกระบวนท่าก็ถือว่าแพ้
แพ้แล้วแต่ยังสู้ต่อ เรื่องนี้จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเจี้ยนเสี่ยวซวงเป็นคนที่แพ้ไม่เป็น
เจี้ยนเสี่ยวซวงกัดฟันแน่นเมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ นางพูดอย่างอารมณ์เสียว่า “เจ้าลองรับกระบี่นี้ดู!”
หนึ่งคือนางรู้สึกเจ็บใจ สองคือรู้สึกไม่จำยอม เจี้ยนเสี่ยวซวงไม่เชื่อว่าตัวเองจะห่างชั้นกับอี้อวิ๋นมากขนาดนั้น
กระบี่นี้เจี้ยนเสี่ยวซวงทุ่มสุดกำลัง!
เจตนากระบี่ทรงพลังดังอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศบูรพา มันพาไฟหยางบริสุทธิ์อันเลิศล้ำให้โถมมาที่อี้อวิ๋น
กระบี่มีไฟลุกโชน ดวงตาของเจี้ยนเสี่ยวซวงที่อยู่กลางไฟนี้มีแสงไฟส่องสะท้อน ร่างกายนางถูกห่อหุ้มไว้กลางเปลวไฟ
“รับกระบี่!”
เจี้ยนเสี่ยวซวงพร้อมด้วยกระบี่ในมือนางกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง ลำแสงนี้พุ่งไปตรงหน้าอี้อวิ๋นเหมือนพญาหงส์ที่บินออกจากเปลวเพลิง!
กระบี่นี้มีอานุภาพรุนแรงกว่ากระบี่เมื่อครู่
ทุกคนตกตะลึงมากเมื่อเห็นกระบี่นี้ พวกเขาไม่ได้ตกใจในความแข็งแกร่งของกระบวนท่า แต่ตกใจที่เจี้ยนเสี่ยวซวงฝึกทั้งสายฟ้าทั้งเพลิง!
กระบี่เมื่อครู่เป็นสายฟ้า กระบี่นี้เป็นเปลวเพลิง เด็กรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ฝึกกฎแค่ประเภทเดียวก็ไม่ง่ายแล้ว แต่นี่เจี้ยนเสี่ยวซวงกลับฝึกกฎถึงสองประเภทไปพร้อมๆ กัน นี่หมายความว่านางมีผลวิถีคุณภาพสูงเกือบสองใบ
‘ราชาชิงหยาง กระบี่หยางบริสุทธิ์…’
อี้อวิ๋นสังเกตกระบวนท่าของเจี้ยนเสี่ยวซวง วิชาของราชาชิงหยางมีจากคัมภีร์เทพหยาง เป็นวิชาหยางบริสุทธิ์
วิชาหยางบริสุทธิ์ของเจี้ยนเสี่ยวซวงมีส่วนที่เหมือนราชาชิงหยาง
อี้อวิ๋นไม่ได้ฝึกคัมภีร์เทพหยางแต่เคยฝึกคัมภีร์หทัยจักรพรรดินี ส่วนที่เป็นหยางบริสุทธิ์ในคัมภีร์หทัยจักรพรรดินีเกิดจาการที่จักรพรรดินีศึกษาคัมภีร์เทพหยางแล้วจัดระเบียบออกมา
แต่อย่างไรจักรพรรดินีโบราณก็เจอข้อจำกัดของโลกเทียนหยวนและจบชีวิตเร็วเกินไป ระดับยุทธ์ของนางจึงไม่สูง คัมภีร์หทัยจักรพรรดินีที่นางคิดค้นจึงค่อยๆ ไม่อาจสนับสนุนการฝึกของอี้อวิ๋น
เมื่ออี้อวิ๋นรวมผลวิถีหยางบริสุทธิ์ในเวลาต่อมาจนมีวิถีหยางบริสุทธิ์เป็นของตัวเอง เมื่อเขากลับไปทำความเข้าใจคัมภีร์หทัยจักรพรรดินีอีกครั้งก็เข้าใจลึกล้ำและทะลุปรุโปร่งมากขึ้น
ทั้งวิชาทั้งกระบวนท่าของเจี้ยนเสี่ยวซวงชัดเจนในดวงตาอี้อวิ๋นขึ้นมา
เมื่อเห็นอี้อวิ๋นไม่ขยับตัวและมีสีหน้าครุ่นคิดอีกครั้ง ในหัวบางคนก็มีความคิดนี้แล่นผ่าน
“อี้อวิ๋นคงไม่ได้จะใช้กระบวนท่าแบบเดียวกับเทพธิดากระบี่อีกกระมัง?”
แต่คนผู้นี้ก็ส่ายหัวพร้อมหัวเราะให้ความคิดตัวเองเมื่อพูดจบ
ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องบังเอิญ เรื่องบังเอิญเช่นนี้ไม่มีทางเกิดเป็นครั้งที่สอง
เจี้ยนเสี่ยวซวงไม่เชื่อเช่นกันว่าวิชามรดกของราชาชิงหยางจะถูกอี้อวิ๋นทำลายด้วยวิธีที่แข็งแกร่งกว่า!
เปลวไฟอันร้อนระอุห่อหุ้มอี้อวิ๋นในชั่วพริบตา
ในที่สุดอี้อวิ๋นที่อยู่กลางเปลวไฟก็ยกกระบี่ขึ้น
“กระบี่ของเจ้ามีการปนเปมากเกินไป กระบี่หยางบริสุทธิ์คือไฟหยางบริสุทธิ์ที่เผามอดทุกอย่าง หากต้องการเพิ่มเสริมก็ต้องเสริมด้วยหยินบริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหยางอย่างเดียวไม่โต หยินอย่างเดียวไม่เกิด…”
อี้อวิ๋นพูดแล้วก็ตวัดกระบี่
กระบี่นี้เรียบง่ายธรรมดาและไม่มีคลื่นพลังแต่อย่างใด เป็นดังกระบี่ที่ตวัดอย่างไม่ใส่ใจ
ทว่าเจี้ยนเสี่ยวซวงกลับรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าวิชาหยางบริสุทธิ์ของตัวเองเหมือนเข้าสู่เมล็ดพันธุ์เมื่อกระบี่นี้ตวัดออกมา
เมล็ดพันธุ์นี้เข้าสู่ปราณกระบี่หยางบริสุทธิ์ มันแตกหน่อและเติบโตอย่างรวดเร็ว!
ปราณกระบี่หยางบริสุทธิ์ทั้งหมดเหมือนกลายเป็นอาหารของเมล็ดพันธุ์นี้
ปราณกระบี่เหล่านี้ถูกดูดซึมเป็นเปลวไฟสีฟ้าก้อนเล็กๆ
เปลวไฟสีฟ้าที่อี้อวิ๋นรวบรวมพวกนี้มีพลังที่เกิดขึ้นไม่หยุดและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
เจี้ยนเสี่ยวซวงรู้สึกว่าปราณกระบี่ของนางถูกอี้อวิ๋นดูดซึมมากจนกลายเป็นปราณกระบี่ของอี้อวิ๋น!
ไม่ว่าจะความเข้าใจด้านวิถีกระบี่หรือการควบคุมวิถีหยางบริสุทธิ์อี้อวิ๋นก็เหนือชั้นกว่านางไปไกล!
เจี้ยนเสี่ยวซวงไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุใดปราณกระบี่หยางบริสุทธ์ของนางจึงถูกอี้อวิ๋นดึงไปใช้ส่วนหนึ่ง ห่างชั้นขนาดนี้เชียวหรือ?
อี้อวิ๋นเหมือนรู้ว่าเจี้ยนเสี่ยวซวงคิดอะไร เขาพูดว่า “วิถีใหญ่ไม่อยู่อย่างโดดเดี่ยว หยินหยางบริสุทธิ์ เวลาและมิติ ทำลายล้างและความโกลาหล… หากควบคุมกฎที่ตรงกันข้ามสองอย่างได้พร้อมกัน เช่นนั้นพลังของเจ้าก็จะพัฒนาไปอีกขั้น ที่พลังหยางบริสุทธิ์ของเจ้าถูกข้าดึงมาใช้ก็เพราะในหยางบริสุทธิ์ของข้ามีหยินบริสุทธิ์ หยินหยางเสริมบำรุงซึ่งกันและกันจึงกำเนิดไม่หยุด”
อี้อวิ๋นพูดจบก็ฟันกระบี่ลง เปลวไฟกลุ่มนี้กลายเป็นเพลิงพระอาทิตย์อันร้อนระอุทันที!
เจี้ยนเสี่ยวรีบเหวี่ยงกระบี่เพื่อป้องกันอีกครั้ง!
เปลวเพลิงสีฟ้ากับเปลวเพลิงที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินของเจี้ยนเสี่ยวซวงปะทะเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ถูกเพลิงสีฟ้ากลืนกิน!
ไฟหยางบริสุทธิ์อันสมบูรณ์แบบของอี้อวิ๋นทำลายเปลวเพลิงทั้งหมดจนราบ!
เจี้ยนเสี่ยวซวงยอมแล้วจริงๆ เมื่อเห็นภาพนี้ นางรู้ดีว่าที่วิถีหยางบริสุทธิ์ของอี้อวิ๋นเหนือกว่านางมากขนาดนี้ก็ไม่ใช่แค่เพราะวิถีหยางของอี้อวิ๋นมีการผสานระหว่างหยินหยาง แต่ที่เข้าใจง่ายกว่านั้นคือเพราะผลวิถีหยางบริสุทธิ์ที่อี้อวิ๋นรวมต้องมีคุณภาพสูงกว่านาง!
นางมีผลวิถีแปดใบ เช่นนั้นอี้อวิ๋น…
ใจของเจี้ยนเสี่ยวซวงสั่นเบาๆ เมื่อคิดถึงผลวิถีเก้าใบ สำนักกระบี่สระใสก่อตั้งมานานขนาดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครรวมผลวิถีเก้าใบสำเร็จ สำหรับสำนักที่ทรงพลังแล้วก็ยังไม่มีในรอบล้านปี
ฟู่! ฟู่!
ปราณกระบี่หยางบริสุทธิ์หลบออกไปทางด้านข้างทั้งสองฝั่งของเจี้ยนเสี่ยวซวง!
เปลวเพลิงสีฟ้าเผาไหม้ไม่หยุดจนพื้นละลาย
ค่ายกลของแท่นประตูมังกรผันผวนไม่หยุดและยากที่ฟื้นฟูในเวลาอันสั้น นี่จึงทำให้พื้นที่ที่ละลายมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสเฟิงสิงหมุนแหวนบนนิ้วหัวแม่มือของตัวเองด้วยสีหน้าปวดใจ เปลวไฟนี้ขยายไปเรื่อยๆ จนแท่นประลองกลายเป็นสีแดง หากจะฟื้นฟูก็ต้องใช้ธาตุกระดูกจำนวนมหาศาล
เขาเห็นด้วยกับข้อเสนอเหยียนเทียนชง คิดจะใช้แท่นประตูมังกรมาเผยธาตุแท้ของอี้อวิ๋น แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าแท่นประตูมังกรที่เขาคุยโวก่อนหน้านี้ไว้ดิบดีไม่เพียงแต่พิสูจน์ว่าอี้อวิ๋นฝึกมาแค่หกสิบปี แต่ตอนนี้ยังถูกอี้อวิ๋นทำลายด้วย!
ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสเฟิงสิงจึงโทษเหยียนเทียนชงไปด้วย วันนี้เขาอับอายขายหน้ามากจริงๆ