True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1074
“ท่านอาจารย์ เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?” สาวน้อยชุดฟ้าสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชายวัยกลางคน ขณะที่ถามก็มองตามสายตาชายวัยกลางคนไปด้วย
ทว่าสายตาของสาวน้อยชุดฟ้ากับคนถูกผู้หนึ่งบดบัง คนผู้นี้เดินเข้ามาพูดว่า “ทั้งสองท่านคือผู้อาวุโสเจี้ยนอู๋เฟิงกับเทพธิดาเจี้ยนเสี่ยวซวงจากสำนักกระบี่สระใสใช่ไหมขอรับ? ได้ยินชื่อเสียงของสำนักกระบี่สระใสและท่านทั้งสองมานาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบ”
เจี้ยนเสี่ยวซวงมีสีหน้าเย็นชา “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าน้อยมีนามว่าเหยียนเทียนชง มาจากร้านขยายฟ้าของเมืองแสงหยกขอรับ” เหยียนเทียนชงประสานมือพูดพร้อมทำความเคารพด้วยแววตาเคารพเลื่อมใส
เขาเงยหน้ามองศิษย์อาจารย์คู่นี้ด้วยรอยยิ้มบางๆ
แม้เมื่อครู่จะอับอายจากร้านความลับเทพ แต่เหยียนเทียนชงจะยอมให้ผลกระทบจากจีสุ่ยเยียนกับอี้อวิ๋นทำให้แผนการใหญ่ของเขาเสียหายได้อย่างไร
งานประชุมตามหาสมบัติครั้งนี้ดึงดูดกลุ่มอิทธิพลจำนวนมากเข้ามา เป็นโอกาสอันดีที่ร้านขยายฟ้าจะได้บุกเบิกเส้นสายและดึงกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้มาเป็นพวกพอดี หากสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มอิทธิพลใดสำเร็จ เช่นนั้นเรื่องที่ร้านขยายฟ้าจะขยายอำนาจก็นับวันรอได้เลย
จู่ๆ ร้านความลับเทพฟื้นฟูจากสภาพโอนเอนง่อนแง่นได้อย่างไร นั่นก็เพราะเจอที่พึ่งแบบอี้อวิ๋นไม่ใช่หรือ?
แต่อี้อวิ๋นก็นับเป็นอะไรไม่ได้เมื่อเทียบกับสำนักลึกลับอย่างสำนักกระบี่สระใส
อี้อวิ๋นคงเป็นจอมยุทธ์อิสระที่อาจเจอแดนลับอะไรเข้าจึงมีพลังแบบในตอนนี้ เทียบกับกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่มาร้านประมูลเจ็ดดาราในวันนี้ก็ไม่มีค่าให้พูดถึง
สำนักกระบี่สระใสมีชื่อเสียงโด่งดัง แม้ตัวสำนักจะไม่มีเขตอิทธิพลกว้างใหญ่นักแต่กลับเป็นสำนักที่พิเศษมาก สำนักนี้มีสมาชิกน้อยมาก ว่ากันว่ารวมศิษย์กับผู้อาวุโสเข้าด้วยกันแล้วก็มีแค่คน แต่มาตรฐานในการรับศิษย์ของพวกเขาเข้มงวดมาก คนธรรมดาไม่มีทางเข้าตาสำนักกระบี่สระใส
สำนักกระบี่สระใสมีมรดกไม่ธรรมดา ทั้งศิษย์ในสำนักก็พรสวรรค์โดดเด่น นี่จึงทำให้ทุกคนในสำนักเป็นมังกรหงส์ท่ามกลางหมู่คน
น้อยมากที่ศิษย์ของพวกเขาจะมีสิทธิออกนอกสำนัก แต่หากมีใครออกมาก็มักพุ่งทะยานอย่างฉับพลัน เพียงไม่นานก็มีชื่อเสียงเกรียงไกร
สำนักกระบี่สระใสยังสามัคคีกันมาก กฎของสำนักก็เข้มงวดชัดเจน เมื่อศิษย์ในสำนักถูกฆ่า หากศิษย์ผู้นั้นมีความผิดจริง เช่นนั้นทางสำนักก็ไม่เพียงแต่จะไม่แก้แค้นคืน แต่ยังจะไล่ศิษย์ที่ตายไปแล้วออกจากสำนักอีกด้วย
แต่หากศิษย์ถูกผู้อื่นสังหารอย่างไม่ถูกต้อง เช่นนั้นสำนักกระบี่สระใสก็ไม่ยอมนิ่งเฉยแน่นอน ต้องมีศิษย์จากสำนักบุกไปแก้แค้นเป็นแน่
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยมีกลุ่มอิทธิพลอยากมีเรื่องกับสำนักกระบี่สระใสนัก
ชายวัยกลางคนตรงหน้านี้ก็คือเจ้าสำนักของสำนักกระบี่สระใสมีนามว่า…เจี้ยนอู๋เฟิง เขามีชื่อเสียงมานาน กระบี่ลิ้มเลือดมานับไม่ถ้วนและน่าสะพรึงขวัญ
เหยียนเทียนชงรู้ข่าวสารไว เขาย่อมรู้ข้อมูลของกลุ่มอิทธิพลเช่นนี้เป็นอย่างดี
ส่วนเจี้ยนเสี่ยวซวงก็เป็นผู้สืบทอดของสำนักกระบี่สระใสที่ปรากฏตัวในปัจจุบัน นางอายุไม่มากแต่กลับมีชื่อเสียงแผ่ไปไกลในทะเลทรายกลบอาทิตย์
เมื่อวันนี้ได้มาพบด้วยตัวเอง เจี้ยนเสี่ยวซวงก็ไม่เพียงแต่พรสวรรค์โดดเด่น หน้าตานางยังงดงาม ท่าทีเย็นชา ดูแล้วน่าหลงใหลมาก
“ร้านขยายฟ้า?” เจี้ยนเสี่ยวซวงมองเหยียนเทียนชงแวบหนึ่ง นางไม่เคยได้ยินทั้งชื่อร้านขยายฟ้ากับเหยียนเทียนชง
“ขอรับ ข้าน้อยกับร้านขยายฟ้าพอมีหน้ามีตาในเมืองแสงหยกอยู่บ้าง หากช่วงเวลาระหว่างนี้เทพธิดาเสี่ยวซวงกับผู้อาวุโสอู๋เฟิงต้องการอะไรในเมืองแสงหยก เช่นนั้นข้าน้อยก็จะพยายามสุดกำลังแน่นอน หวังว่าเทพธิดาเสี่ยวซวงกับผู้อาวุโสอู๋เฟิงจะให้เกียรติข้าน้อยแสดงมิตรภาพของเจ้าบ้าน” เหยียนเทียนชงพูดอย่างเร่งรีบ
“ไม่จำเป็น” เจี้ยนเสี่ยวซวงขี้เกียจแม้แต่จะบ่ายเบี่ยง นางไม่รู้จักคนผู้นี้ มิตรภาพของเจ้าบ้านอะไรกัน…เกี่ยวอะไรกับนางด้วย?
แววตาเหยียนเทียนชงมีประกายผิดหวังแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาเข้ามาทักทายก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว ได้ยินมานานว่าคนจากสำนักกระบี่สระใสเย็นชามากและยากที่จะสนิทสนม แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง เมื่อพวกเขาสร้างความสัมพันธ์สำเร็จจึงจะน่าสั่นสะพรึง
ยิ่งไปกว่านั้น การลองดูก็ไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับเหยียนเทียนชง ให้อีกฝ่ายเห็นหน้าคร่าตาบ้างก็ยังดี
“ในเมื่อเทพธิดาเสี่ยวซวงไม่ชอบถูกรบกวน เช่นนั้นข้าน้อยก็ขออภัยที่ล่วงเกิน แต่ร้านขยายฟ้าของข้าน้อยพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ในทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้อยู่บ้าง แบ่งบันให้ทั้งสองท่านได้” ไม่ว่าท่าทีของเจี้ยนเสี่ยวซวงจะเย็นชาเพียงใด ไม่ว่าเจี้ยนอู๋เฟิงจะไม่สนใจเขา แต่เหยียนเทียนชงก็ไม่กระอักกระอ่วนแม้แต่น้อย เขาใช้เรื่องปรากฏการณ์ในทะเลทรายกลบอาทิตย์มาพูดต่อ
แต่แม้จะพูดเรื่องเหล่านี้ก็เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเสี่ยวซวงไม่สนใจ ทำแค่ฟังอย่างไม่เข้าหู ตอนนี้นางค้นพบอย่างฉับพลันว่าเจี้ยนอู๋เฟิวมองไปยังทิศทางเมื่อครู่อีกครั้ง
“ท่านอาจารย์?” เจี้ยนเสี่ยวซวงถาม
เหยียนเทียนชงกำลังหาเรื่องคุย เมื่อได้ยินเจี้ยนเสี่ยวซวงพูดตัดบทอย่างฉับพลันก็ยิ้มบางๆ และเงียบปากลงทันที
หากเป็นคนอื่นเขาก็คงไม่สบอารมณ์ไปนานแล้ว แต่เมื่อเป็นคนจากสำนักกระบี่สระใสที่ทำเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ
พวกเขาปฏบัติต่อเขาเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อคนอื่น
“อาจารย์จะไปทักทายคนผู้นั้น” เจี้ยนอู๋เฟิงพูดขึ้นอย่างฉับพลัน
“ท่านอาจารย์มีสหายอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ?” เจี้ยนเสี่ยวซวงตกใจเล็กน้อย
พวกเขาเพิ่งมาเมืองแสงหยก จำไม่ได้ว่ามีคนรู้จัก
หากเป็นศัตรูก็ว่าไปอย่าง แต่หากเป็นศัตรูของท่านอาจารย์จริงๆ แล้วจะทักทายทำไม
เหยียนเทียยชงงุนงงเช่นกัน เจี้ยนอู๋เฟิงมีคนรู้จักที่นี่?
“เช่นนั้นข้าจะไปด้วย” เจี้ยนเสี่ยวซวงสงสัยจริงๆ แม้นางจะถูกคนภายนอกเรียกว่าเทพธิดา เย็นชาต่อคนไม่รู้จัก แต่แท้จริงแล้วก็มีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมามาก
ขณะที่พูด เจี้ยนอู๋เฟิงก็ก้าวเท้าออกจากศาลาไปแล้ว
เจี้ยนเสี่ยวซวงเดินตามออกไปก็แต่นึกอะไรได้ฉับพลัน นางมองเหยียนเทียนชงและพูดเรียบๆ ว่า “ท่านอาจารย์เจอคนรู้จัก ไม่อาจพูดคุยกับเจ้าได้ กลับไปเสียเถอะ”
“ในเมื่อเป็นคนรู้จักของผู้อาวุโสอู๋เฟิง เช่นนั้นก็คงเป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ข้าน้อยไม่กล้ารบกวน อีกเดี๋ยวค่อยมาแนะนำอาหารรสเลิศของเมืองแสงหยกให้เทพธิดาเสี่ยวซวงฟัง” เหยียนเทียนชงพูดอย่างนอบน้อม
เขาหลบตัวไปด้านข้าง มองเจี้ยนเสี่ยวซวงเดินผ่านข้างกายแล้วมองแผ่นหลังของพวกเขา
เหยียนเทียนชงอยากรู้ว่าคนที่ทำให้เจี้ยนอู๋เฟิงเข้าไปทักทายด้วยตัวเองได้เป็นใคร เขาต้องผูกมิตรกับคนระดับนี้ให้ดี
ตอนนี้เขาเห็นว่าเจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนเสี่ยวซวงสองคนเดินผ่านสระบัวไปยังศาลาฟากตรงข้าม
จากนั้น…ก็เดินเข้าสู่ศาลาของร้านความลับเทพ
เหยียนเทียนชงตะลึงงัน
คนรู้จักของเจี้ยนอู๋เฟิงมาจากร้านความลับเทพ?
ใจของเหยียนเทียนชงเย็นยะเยือกขึ้นมาทันทีเหมือนจมลงสู่เหวลึก เขาจ้องศาลาหลังนั้นอย่างไม่กระพริบตา อยากให้ตัวเองอยู่ที่นั่นในเวลานี้
ตอนนี้เจี้ยนเสี่ยวซวงสงสัยเล็กน้อย นางตามท่านอาจารย์มาถึงศาลาหลังนี้ ชายหญิงในศาลาดูธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น ระดับยุทธ์ของฝ่ายหญิงอ่อนแอ ท่านอาจารย์น่าจะไม่รู้จัก ส่วนอีกคน…เจี้ยนเสี่ยวซวงมองไปที่อี้อวิ๋น นางมองระดับยุทธ์ของชายผู้นี้ไม่ออกแต่ก็ดูไม่เหมือนว่าแข็งแกร่ง เรื่องนี้ทำให้นางแปลกใจเล็กน้อย
แต่ชายผู้นี้อายุไม่มาก คงใช้วิชาซ่อนระดับยุทธ์อะไร ท่านอาจารย์รู้จักจอมยุทธ์หนุ่มเช่นนี้ด้วยหรือ?
“สหายน้อยทั้งสองที่ว่างหรือไม่? ข้ากับศิษย์มาเพื่อดื่มชา” เจี้ยนเสี่ยวซวงมีสีหน้าประหลาดมากทันทีเมื่อได้ยินคำของเจี้ยนอู๋เฟิง
ฟังจากคำทักทายของท่านอาจารย์แล้วก็เหมือนไม่รู้จักสองคนนี้? ด้วยนิสัยของท่านอาจารย์ เหตุใดเขาจึงเป็นฝ่ายเข้ามาผูกมิตรกับคนที่ไม่รู้จักทั้งสอง?
จีสุ่ยเยียนมองคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง นางรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของสาวน้อยผู้นี้ทรงพลังมาก ส่วนชายวัยกลางคนตรงหน้าก็มองระดับยุทธ์ไม่ออกแม้แต่น้อย รู้สึกแค่ว่าคำพูดและการกระทำของเขาผสานเป็นหนึ่งเดียวกับทุกอย่างรอบด้าน ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา
ดูท่าทางแล้วอีกฝ่ายก็ไม่มีเจตนาไม่ดี จีสุ่ยเยียนไม่พูดอะไร ปล่อยให้อี้อวิ๋นเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด
อี้อวิ๋นลุกขึ้นประสานมือพูดว่า “เชิญทั้งสองท่านนั่ง”
เจี้ยนอู๋เฟิงนั่งลงข้างโต๊ะ เขามองอี้อวิ๋นแวบหนึ่งและพูดว่า “ยังไม่ได้แนะนำตัว ข้ามีนามว่าเจี้ยนอู๋เฟิง มาจากสำนักกระบี่สระใส”
เจี้ยนเสี่ยวซวงมีสีหน้าประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ นางพูดเช่นกันว่า “ข้ามีนามว่าเจี้ยนเสี่ยวซวง มาจากสำนักกระบี่สระใส”
“อี้อวิ๋น” อี้อวิ๋นพูด
อี้อวิ๋นมีท่าทีนิ่งสงบ ทว่าใจของจีสุ่ยเยียนกลับมีคลื่นโหมซัดอย่างบ้าคลั่ง
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสำนักกระบี่สระใส! สำนักนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง นางเองก็เคยได้ยินชื่อเช่นกัน ร้านความลับเทพมีอิทธิพลน้อยนิด เจ้าสำนักกับศิษย์จากสำนักกระบี่สระใสจะเข้ามาดื่มชาพูดคุยกับพวกเขาได้อย่างไร?
เหยียนเทียนชงที่อยู่อีกฟากของสระบัวจ้องเขม็งจนปวดตา เขาเพิ่งพยายามผูกมิตรอย่างต่ำต้อย ยังไม่ทันได้ผลลัพธ์อะไรก็เห็นเจี้ยนอู๋เฟิงเดินไปที่ศาลาของร้านความลับเทพและนั่งลง
แววตาเจี้ยนอู๋เฟิงมีประกายแล่นผ่านเบาๆ อี้อวิ๋น…เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“สหายน้อยอี้อวิ๋นมาจากสำนักใด?” เจี้ยนอู๋เฟิงถามต่อ
“ไม่มีสำนัก มีเพียงอาจารย์” อี้อวิ๋นตอบ
แม้ราชาสายฝนจะอยู่ที่โลกสวรรค์หมื่นปีศาจอันห่างไกลแต่ก็ยังคงเป็นอาจารย์ของอี้อวิ๋น ทั้งตัวราชาสายฝนก็ไม่ได้ก่อตั้งสำนัก
เจี้ยนเสี่ยวซวงมองอี้อวิ๋นสลับกับมองอาจารย์ตัวเองเมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา
นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือท่านอาจารย์จะเห็นว่าจอมยุทธ์คนนี้น่าประทับจึงอยากรับเป็นศิษย์? ไม่น่าใช่กระมัง หลายหมื่นปีมานี้เขารับนางเป็นศิษย์แค่คนเดียว…
เจี้ยนอู๋เฟิงครุ่นคิดชั่วครู่ เขานั่งอยู่ตรงข้ามอี้อวิ๋น รู้สึกถึงกลิ่นอายบนร่างอี้อวิ๋นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ไฟหยางบริสุทธิ์เหมือนลุกโชนอยู่ในร่างอี้อวิ๋น ยิ่งเขารู้สึกถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยนี้ก็ยิ่งสงสัย…
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดว่า “ไม่ทราบว่าอาจารย์ของสหายน้อยเป็นใคร บอกได้หรือไม่?”