True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1073
ชายวัยกลางคนผู้นั้นหันไปพูดกับชายชราและชายหนุ่ม จากนั้นชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าหรูหราผู้นั้นก็ลุกขึ้นเดินมาทางศาลาของร้านความลับเทพ
“เขาคือเหยียนเทียนชง พี่ชายต่างมารดาของเหยียนหยางผิง เขาเป็นนายน้อยของร้านขยายฟ้า” จีสุ่ยเยียนขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นว่าเหยียนเทียนชงเดินเข้ามา แววตามีประกายรังเกียจ
เหยียนเทียนชงถือถ้วยชาถ้วยหนึ่งเข้ามาในศาลา เขาพูดด้วยท่าทีสุภาพและน้ำเสียงถ่อมตนว่า “คุณหนูสุ่ยเยียน ท่านสบายดีหรือ”
“นายน้อยเหยียนมาทำอะไรหรือ?” จีสุ่ยเยียนถามอย่างเย็นชา เหยียนเทียนชงผู้นี้เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกดูสุภาพภูมิฐานแต่กลับทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่เลือกวิธี หากตกอยู่ในมือเขาก็จะถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูก
“คุณหนูสุ่ยเยียนไม่เห็นต้องปฏิเสธกันขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ร้านขยายของฟ้าของข้ากับร้านความลับเทพของคุณหนูสุ่ยเยียนเกิดเรื่องเข้าใจผิดอันน่าไม่ภิรมย์ต่อกัน เทียนชงจึงตั้งใจมาขอโทษโดยเฉพาะ” เหยียนเทียนชงพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เข้าใจผิด?” จีสุ่ยเยียนส่งเสียงเย็นๆ
เหยียนเทียนชงเพิกเฉยต่อท่าทีของจีสุ่ยเยียน เขายกถ้วยชาพร้อมพูดว่า “เทียนชงขอใช้ชาแทนเหล้าเพื่อแสดงความเคารพและขอโทษ หวังว่าคุณหนูสุ่ยเยียนจะให้อภัย”
จีสุ่ยเยียนมองเหยียนเทียนชงดื่มน้ำชาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
หลังจากที่เหยียนเทียนชงวางถ้วยชาลง อี้อวิ๋นก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขา
“ท่านผู้นี้ดูแปลกตา ร้านขยายฟ้ากับร้านความลับเทพสนิทสนมกันมานาน ข้ารู้จักคนในร้านความลับเทพทั้งหมด โปรดอภัยที่เทียนชงละลาบละล้วง ท่านผู้นี้คือท่านผู้สูงศักดิ์ที่กลับมาจากทะเลทรายกลบอาทิตย์ด้วยกันกับคุณหนูสุ่ยเยียนใช่หรือไม่? ไม่ทราบว่ารู้จักกับคุณหนูสุ่ยเยียนได้อย่างไรหรือ?” เหยียนเทียนชงพูด
แววตาจีสุ่ยเยียนเย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่าเหยียนเทียนชงมาสืบข่าว
แต่ในเมื่อวันนี้อี้อวิ๋นตัดสินใจที่จะมาร่วมงานประชุมตามหาสมบัติก็ไม่คิดที่จะปิดบังตัวตนอยู่แล้ว คนจากร้านขยายฟ้าย่อมเดาได้ว่าเขาก็คือบุคคลปริศนา
เหยียนเทียนชงถามเรื่องการรู้จักของพวกเขาตั้งแต่เริ่ม ย่อมไม่มีเจตนาดีแน่นอน หากเขาแน่ใจว่าอี้อวิ๋นเป็นแค่แขกต่างแดนที่จีสุ่ยเยียนเชิญมา เช่นนั้นเขาก็ใช้ผลประโยชน์ที่มากกว่ามาดึงตัวได้
เพียงแค่ร้านขยายฟ้าเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า…
“เหยียนเทียนชง ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า” จีสุ่ยเยียนพูด
เหยียนเทียนชงพูดอย่างไม่หยี่ระว่า “ดูท่าคุณหนูสุ่ยเยียนจะไม่ต้องการรับการขอโทษอย่างจริงใจของเทียนชง ตอนนี้ข้าแค่อยากทำความรู้จักท่านผู้สูงศักดิ์ท่านนี้เท่านั้น เจ้าไม่ควรขัดขวางกระมัง?”
จีสุ่ยเยียนมองสีหน้าเหยียนเทียนชงแล้วก็รู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างหนัก แต่นางยังไม่ทันพูดอะไร อี้อวิ๋นก็เหลือบมองเหยียนเทียนชงนิ่งๆ พร้อมพูดว่า “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่?”
เหยียนเทียนชงพูดด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “ข้าน้อยเหยียนเทียนชงมาจากร้านขยายฟ้า แม้ก่อนหน้านี้ร้านขยายฟ้าจะมีความขัดแย้งกับท่าน แต่มีสุภาษิตที่ว่าไม่ทะเลาะก็ไม่รู้จัก ร้านขยายฟ้าจะไม่ถือสากับเรื่องก่อนหน้านี้ ร้านเรามีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ในเมืองแสงหยก หากท่านต้องการสิ่งใดก็บอกพวกข้าได้ พวกข้าหวังเพียงว่าท่านจะเป็นสหายกับร้านขยายฟ้า ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าท่านผู้สูงศักดิ์มีนามว่าอะไรหรือขอรับ?”
ขณะที่เหยียนเทียนชงพูดก็ขุดกำแพงอย่างโจ่งแจ้ง จะไม่ให้จีสุ่ยเยียนโมโหได้อย่างไร
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติ ไสหัวไปเสียเถอะ” อี้อวิ๋นโบกมือเหมือนไล่แมลงวันที่น่ารำคาญ
รอยยิ้มบนหน้าเหยียนเทียนชงแข็งชะงักทันที อี้อวิ๋นพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังไม่เบา แม้แต่คนในศาลารอบๆ ก็ได้ยินไปด้วย
ในฐานะที่เขาเป็นนายน้อยของร้านขยายฟ้า เขาตั้งใจเข้ามาทักทาย เรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสผู้สูงศักดิ์ แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าอี้อวิ๋นไม่เพียงไม่สนใจ เขายังไล่เขาต่อให้ผู้อื่นอีก!
แม้เหยียนเทียนชงจะฉลาดสุขุมแต่ก็ไม่อดไม่ได้ที่จะหนังหนากระตุก เขาเคยอับอายขนาดนี้ที่ไหนกัน
“เจ้าไม่ได้ยินหรือ? คุณชายบอกให้เจ้าไสหัวไปซะ” จีสุ่ยเยียนพูดเช่นกัน
สีหน้าเหยียนเทียนชงไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก เขาหมุนตัวเดินออกจากศาลา ถ้วยชาในมือสลายเป็นผุยผง
“คุณชายอี้” จีสุ่ยเยียนมองแผ่นหลังของเหยียนเทียนชงแล้วหันมาพูดกับอี้อวิ๋น “เหยียนเทียนชงเป็นคนโฉดชั่ว ท่านพูดไม่ไว้หน้าเขาถึงเพียงนี้ เขาต้องไม่พอใจแน่นอน”
อี้อวิ๋นพูดอย่างเมินเฉยว่า “บาดหมางกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว คนที่คนประเภทนี้ไม่อาจใช้งานก็เป็นศัตรูของเขาทั้งหมด ต่อให้ข้าพูดดีด้วยแล้วอย่างไร?”
“คุณชายพูดถูกแล้ว” จีสุ่ยเยียนอดที่จะยิ้มไม่ได้ ความจริงนางรู้สึกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าอี้อวิ๋นล่วงเกินเหยียนเทียนชงมากเกินไป แต่พูดจากใจแล้วนางก็รื่นรมย์มากที่เห็นอีกฝ่ายเสียหน้า
ที่นี่คืองานประชุมตามหาสมบัติ ต่อให้เหยียนเทียนชงจะไม่พอใจแต่จะทำอะไรได้?
“ผู้อาวุโสเฟิงสิงจากร้านประมูลเจ็ดดารามาถึงแล้ว!”
ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นกลบเสียงพูดคุยในศาลาทั้งหมด แม้แต่การร่ายรำและดนตรีก็หยุดลง
เงาร่างร่างหนึ่งปรากฏบนหอคอย
นี่คือชายชราชุดดำที่มีแววตาเหมือนเหยี่ยว บนนิ้วมือสวมแหวนสีดำวงใหญ่ เขานั่งลงบนเก้าอี้โบราณในห้องโถงใหญ่ มือข้างหนึ่งหมุนแหวนช้าๆ ในขณะที่มองลงมาเบื้องล่าง
“คิดไม่ถึงว่างามประชุมตามหาสมบัติครั้งนี้จะจัดโดยผู้อาวุโสเฟิงสิง…”
อี้อวิ๋นสังเกตเห็นว่าใครหลายคนในศาลาหลังอื่นมีสีหน้าเคารพยำเกรง
“ผู้อาวุโสเฟิงสิงเป็นผู้แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็เป็นผู้อาวุโสคนแรกของร้านประมูลเจ็ดดาราที่อยู่เมืองแสงหยกนานที่สุด เรียกได้ว่าเป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของเมืองนี้ บอกว่าอำนาจครอบคลุมเมืองแห่งนี้ก็ไม่เกินไปเลย” จีสุ่ยเยียนพูดเสียงเบา นางมองผู้อาวุโสเฟิงสิงด้วยแววตาหวาดกลัว ตอนที่ท่านปู่ยังอยู่ก็เคยกำชับนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าห้ามมีเรื่องกับร้านประมูลเจ็ดดาราเด็ดขาด หากมีเรื่องกับร้านประมูลเจ็ดดาราในทะเลทราบกลบอาทิตย์แห่งนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ร้านประมูลเจ็ดดารามีอำนาจน่าเกรงขามถึงเพียงนี้ ผู้อาวุโสเฟิงสิงที่เป็นผู้กุมอำนาจจึงย่อมน่าเกรงขามมากเช่นกัน เพียงแค่นั่งตัวลงก็ทำให้ร้านในเมืองแสงหยกเหล่านี้ตกอยู่ในความเงียบ
แต่แน่นอนว่าก็มีคนที่สีหน้านิ่งเฉยเช่นกัน คนเหล่านี้คนกลุ่มอิทธิพลอื่นจากนอกเมืองแสงหยก
อี้อวิ๋นพยักหน้า เขามองผู้อาวุโสเฟิงสิงแล้วรู้สึกว่ายากที่จะจับจุดพลังของอีกฝ่าย ชายชราผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
ถัดจากผู้อาวุโสเฟิงสิงก็มีเหล่าผู้แข็งแกร่งจากนอกทะเลทรายกลบอาทิตย์พากันมาถึง อี้อวิ๋นรู้สึกได้ชัดเจนว่าสองสามคนในนี้มีระดับยุทธ์สูงมาก จิตของพวกเขากวาดไปในงานเบาๆ ก็รู้สึกกดดันอย่างรุนแรง
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในนั้นดึงดูดความสนใจอี้อวิ๋นเป็นพิเศษ
ชายผู้นี้สวมเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อน ด้านหลังสะพายกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง กลิ่นอายทั่วร่างเก็บงำจนดูไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา แต่อี้อวิ๋นรู้ว่าคนผู้นี้ฝึกวิถีกระบี่จนสำเร็จถึงขั้นสูง สำเร็จถึงขั้นที่กลับสู่ธรรมชาติอันเรียบง่ายจึงเป็นเช่นนี้
นี่เป็นยอดฝีมือที่ใช้กระบี่แน่นอน
ข้างชายวัยกลางคนผู้นี้ยังมีสาวน้อยชุดฟ้าอยู่อีกหนึ่งคน สาวน้อยนางนี้รวบผมหางม้าไว้ด้านหลังให้ดูเรียบร้อยสะอาดตา รูปร่างนางกระชับแน่น ขาทั้งสองเรียวยาวมีพลัง แววตาแหลมคมเหมือนกระบี่ สาวน้อยอายุไม่มากแต่กลับอยู่ระดับรวมวิถี อี้อวิ๋นแน่ใจว่านางเป็นอัจฉริยะผู้เป็นเอก
อี้อวิ๋นอยู่ที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์มาก็นาน เจอคนที่จะถูกเขาเรียกว่าเป็นอัจฉริยะน้อยมาก
ก่อนหน้านี้สังหารจอมยุทธ์ระดับวังวิถีไปสองสามคน นอกจากจะเพราะอี้อวิ๋นแข็งแกร่งเกินไปแล้วก็เพราะคู่ต่อสู้อ่อนแอ
ตอนที่จอมยุทธ์ระดับวังวิถีหลายคนรวมวิถีก็มีแค่ผลวิถีสองใบสามใบ จะเทียบอี้อวิ๋นได้อย่างไร
แต่เกรงว่าสาวน้อยชุดฟ้านางนี้จะไปถึงระดับอัจฉริยะของสำนักซ่อนเร้น เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือคนอื่นในทะเลทรายกลบอาทิตย์!
และสาเหตุที่ทำให้อี้อวิ๋นสนใจสองคนนี้เป็นพิเศษคือ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากพวกเขา
เขาเพิ่งเคยมาโลกสวรรค์เทพหยางเป็นครั้งแรก ไม่มีทางรู้จักสองคนนี้แน่นอน ที่เกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ก็เพราะพลังปราณที่พวกเขาฝึกและพลังกระบี่ที่กระตุ้นแต่ไม่ปล่อยออกมามีแหล่งที่มาเดียวกันกับอี้อวิ๋น
เมื่อคิดถึงชื่อดินแดนแห่งนี้อี้อวิ๋นก็เกิดความคาดเดาบางอย่าง เขาแค่ไม่กล้าแน่ใจเท่านั้น
ในขณะที่อี้อวิ๋นกำลังสังเกตชายวัยกลางคนกับสาวน้อยชุดฟ้า สายตาของชายวัยกลางก็มองมาทางอี้อวิ๋นเช่นกัน แววตาเขามีประกายประหลาด