True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1165 ยอมรับความพ่ายแพ้และทำตามเดิมพัน
“วิธีอะไร?” เสียงของฉินเจิ้งหยางเย็นชา ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าเมืองสรรพสิ่งจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าซืออวี้เซิง วันนี้อี้อวิ๋นเป็นแขกที่เขาเชิญมา ต่อให้ไม่ความสัมพันธ์กับองค์หญิงจิ้งจอกขาว ฉินเจิ้งหยางก็ไม่ยอมให้อี้อวิ๋นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่แล้ว เพราะหากเรื่องนี้แพร่ออกไปเขาจะเป็นเจ้าเมืองได้อย่างไร?
“ฮ่าฮ่า ท่านเจ้าเมืองฉินกำลังปกป้องเด็กรุ่นเยาว์หรือ วางใจเถอะ แม้ข้าจะไม่ค่อยไว้หน้าใครแต่ก็ยกเว้นสำหรับบางคน มีหรือที่ข้าจะไม่ไว้หน้าท่านเจ้าเมืองฉิน? อีกอย่างคุณชายอี้ก็เป็นอัจฉริยะ ก่อนหน้านี้มีความเข้าใจผิดเล็กน้อยกับเฮ่าอวี้ แม้ตอนนี้เรื่องราวจะผ่านพ้นไปแล้วแต่ก็เกี่ยวข้องถึงหอเซียนสรรพสิ่ง ข้าจำเป็นต้องออกมาจัดการ ท่านเจ้าเมืองฉินโปรดวางใจ วิธีแก้ปัญหาที่ข้าเสนอเป็นเรื่องดีสำหรับคุณชายอี้เช่นกัน”
ขณะที่ซืออวี้เซิงพูดก็มีแสงสีสองกระพริบผ่านที่มือ ม้วนกระดาษสีทองแผ่นหนึ่งปรากฏในมือซืออวี้เซิงแล้วลอยในอากาศ
ม้วนกระดาษค่อยๆ คลี่ออก ด้านบนเต็มไปด้วยลายวิถีที่มีแสงรุ่งโรจน์ ดูแล้วลึกลับมหัศจรรย์
ซืออวี้เซิงพูดว่า “นี่คือสัญญาผูกวิญญาณที่เตรียมไว้ให้คุณชายอี้ เฮ่าอวี้ทำผิดก็จริง แต่บทลงโทษที่มีต่อเขาก็รุนแรงเกินไป คุณชายอี้ต้องรับผิดชอบต่อหอเซียนสรรพสิ่ง!”
“สัญญาตัวนี้มีเนื้อหาสองส่วน ส่วนแรกคือหากคุณชายอี้ตอบตกลงก็ห้ามเป็นศัตรูกับหอเซียนสรรพสิ่งไปชั่วชีวิต ขอเพียงศิษย์หอเซียนสรรพสิ่งไม่เป็นฝ่ายล่วงเกินคุณชายก่อน เช่นนั้นคุณชายอี้ก็ห้ามลงมือกับศิษย์คนใดทั้งนั้น”
“ส่วนที่สองคือคุณชายอี้ต้องรับใช้หอเซียนสรรพสิ่งเป็นเวลาหกร้อยปี หลังจากนั้นจะไปหรืออยู่ต่อก็เป็นอิสระของท่าน ในเวลาหกร้อยปีนี้หอเซียนสรรรพสิ่งจะมอบทรัพยากรสำหรับฝึกฝนให้คุณชายอี้แบบเดียวกับที่ปฏิบัติต่อศิษย์คนสำคัญและผู้อาวุโส รวมไปถึงวัตถุดิบหลอมโอสถด้วยเช่นกัน แต่หากหอเซียนสรรพสิ่งต้องการโอสถอะไรก็ต้องรบกวนให้คุณชายอี้ช่วยหลอมโดยห้ามบ่ายเบี่ยง ดังนั้น…ในเวลาหกร้อยปีนี้คุณชายอี้ไม่อาจออกจากเมืองสรรพสิ่งได้ตามใจ หากจะไปไหนก็ต้องขออนุญาตจากสภาผู้อาวุโส”
“เพียงแค่คุณชายอี้ลงนาม ความบาดหมางระหว่างเราทั้งหมดก็จะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน!”
สัญญาฉบับนี้ลอยมาหาอี้อวิ๋นในขณะที่ซืออวี้เซิงกำลังพูด
พวกโจวป๋ายเฟิงกับจางจื้อหย่วนได้ยินเนื้อหาของสัญญานี้แล้วก็ผิดหวังเล็กน้อย นี่ไม่นับเป็นบทลงโทษสำหรับอี้อวิ๋นด้วยซ้ำ
ไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขข้อแรก มันไม่นับเป็นการควบคุมอี้อวิ๋น
ส่วนเงื่อนไขข้อที่สอง แม้มันอาจเป็นการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ สำหรับอี้อวิ๋น แต่สำหรับหลายคนแล้วก็เป็นเรื่องปรารถนา ได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับผู้อาวุโสของหอเซียนสรรพสิ่ง มีวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถตระเตรียมไว้พร้อม ต้องบอกก่อนว่าการฝึกของปรมาจารย์โอสถจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมหาศาล เมื่อหลอมโอสถล้มเหลวก็จะเสียเงินก้อนโต แต่หากไม่ลองหลอมโอสถเลยก็ไม่อาจพัฒนาระดับการหลอมโอสถของตัวเอง
แม้จะมีการจำกัดอิสรภาพเล็กน้อย แต่เทียบกับประโยชน์ที่ได้รับแล้วก็พออดทนได้
เทพธิดาจื่ออวี่ขมวดคิ้วเช่นกันเมื่อได้ยินคำของซืออวี้เซิง เงื่อนไขที่ซืออวี้เซิงเสนอดีกว่าของตระกูลกุยหยวนมาก เช่นนั้นหากจะดึงดูดอี้อวิ๋นก็มีแต่ต้องเพิ่มแต้มต่อ
“ดูแล้วซืออวี้เซิงคงยับยั้งตัวเองเล็กน้อยเช่นกัน วิธีเช่นนี้ทั้งได้รักษาหน้าหอเซียนสรรพสิ่ง ทั้งได้ปรมาจารย์โอสถมาหนึ่งคน เป็นประโยชน์ครั้งใหญ่สำหรับหอเซียนสรรพสิ่ง”
มีคนบนเรือประดับพูดคุยกันเสียงเบา ทว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ขออภัยที่ข้าไม่อาจตอบตกลงกับเงื่อนไขของเจ้า”
อี้อวิ๋นปฏิเสธทันที แม้แต่เหตุผลที่ละมุนอ้อมค้อมก็ไม่มีให้
หืม?
ซืออวี้เซิงเลิกคิ้วขึ้น วันนี้เขาพยายามควบคุมนิสัยของตัวเองอย่างเต็มที่และไว้หน้าอี้อวิ๋น แต่อี้อวิ๋นผู้นี้กลับได้คืบจะเอาศอก เงื่อนไขดีขนาดนี้ก็ยังจะปฏิเสธ?
“หากมีแค่เงื่อนไขข้อแรกข้าก็คงตอบตกลง แต่ในเมื่อมีเงื่อนไขที่สองด้วยจึงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่พูดถึงระยะเวลาที่ยาวนานถึงหกร้อยปี ลำพังแค่คำสัญญาที่บอกว่าจะมอบทรัพยากรสำหรับฝึกยุทธ์และวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถก็ไม่ได้แล้ว บอกตามตรงว่าข้าไม่เชื่อเรื่องนี้ ความจริงข้าไม่คิดว่าหอเซียนสรรพสิ่งมีความสามารถที่จะมอบทรัพยากรและวัตถุที่ข้าต้องการให้ได้”
ตอนนี้อี้อวิ๋นอยู่ระดับวังวิถี เพราะมีต้นไม้พิภพ เจดีย์เก้าสมบัติและผลวิถีเก้าใบสี่ผล ทรัพยากรที่เขาใช้จึงยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้มากกว่าจอมยุทธ์ระดับเดียวกันทั่วไป หอเซียนสรรพสิ่งจะมอบให้ไหวได้อย่างไร?
แม้อี้อวิ๋นจะพูดความจริง แต่เมื่อคำพูดนี้ตกสู่หูซืออวี้เซิงก็ไม่ต่างอะไรกับการดูถูก
วันนี้เขาลดท่าทีลงถึงขีดสุด แต่อี้อวิ๋นกลับตบหน้าเขาแบบนี้ มันทำให้ซืออวี้เซิงมีไฟแห่งความโมโหลุกโชน
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา แต่ในเสียงหัวเราะกลับเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกและจิตสังหาร “ดี ดีมาก! ทุกคนต่างบอกว่าเจ้ากำเริบเสิบสาน วันนี้ได้มาเห็นกับตาก็นับว่าเปิดโลกทัศน์ จอมยุทธ์รุ่นเยาว์เช่นเจ้ากล้าดูถูกหอเซียนสรรพสิ่งของข้าถึงเพียงนี้ ท่านเจ้าเมืองฉิน ข้าไว้ท่านมากพอแล้ว อี้อวิ๋นผู้นี้ไม่รับน้ำใจเอง!”
วันนี้เขาถูกอี้อวิ๋นหยาบคายใส่ ซืออวี้เซิงจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะมีเจ้าเมืองฉิน อี้อวิ๋นก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว
เจ้าเมืองถอนหายใจเบาๆ ตอนแรกเขาคิดว่าอี้อวิ๋นอาจตอบตกลง คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะพูดคำเช่นนี้ จะไม่ให้ซืออวี้เซิงโมโหได้อย่างไร
“ท่านลุงฉิน อี้อวิ๋นไม่มีทางตอบตกลงต่อเงื่อนไขเช่นนี้แน่นอนเจ้าค่ะ” องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดเสียงเบา ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่ออี้อวิ๋นแล้ว การที่อี้อวิ๋นพูดเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าคุยโวแม้แต่น้อย เป็นความจริงที่หอเซียนสรรพสิ่งไม่มีความสามารถนี้
“อู๋เสีย แม้แต่เจ้าก็พูดเช่นนี้หรือ?” เจ้าเมืองฉินย่อมโน้มเอียงไปทางเชื่อคำพูดองค์หญิงจิ้งจอกขาว ในเมื่อแม้แต่นางยังพูดแบบนี้ เจ้าเมืองฉินจึงไม่คิดว่าอี้อวิ๋นคุยโวเกินจริงอีก ไม่ว่าอย่างไรอี้อวิ๋นก็เป็นแขกของเขา เขาย่อมต้องปกป้องแขกของตัวเอง
“ซืออวี้เซิง ในเมื่ออี้อวิ๋นไม่ตอบตกลงต่อสัญญาของเจ้า เช่นนั้นวันนี้ก็พอแค่เถอะ ตามกฎของเมืองสรรพสิ่งก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้และทำตามเดิมพัน ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นเดิมพันที่จั่วชิวเฮ่าอวี้เสนอขึ้นเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับอี้อวิ๋น ต่อให้หอเซียนสรรพสิ่งจะถูกตบหน้า แต่นั่นก็เป็นเพราะจั่วชิวเฮ่าอวี้ ไม่ใช่อี้อวิ๋น”
คำพูดของเจ้าเมืองฉินได้แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ทุกคนเข้าใจทันทีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแตะต้องอี้อวิ๋นในงานบรรเลงฉินวันนี้
ซืออวี้เซิงคงได้แต่ถอยกลับอย่างพ่ายแพ้
แต่ซืออวี้เซิงเป็นคนทำอะไรเผด็จการ ไม่เคยยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ วันนี้เขามาจัดการอี้อวิ๋นต่อหน้าเจ้าเมืองฉินที่จวนเจ้าเมือง รู้อยู่แล้วว่าต้องมีอุปสรรคไม่ใช่หรือ?
ขณะที่ทุกคนกำลังคิด จู่ๆ ซืออวี้เซิงก็หัวเราะขึ้นมา
“ท่านเจ้าเมืองฉิน ท่านบอกว่าต้องยอมรับความพ่ายแพ้และทำตามเดิมพัน ข้าเห็นด้วยมาก ความจริงท่านพูดคำนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ตอนที่ท่านกักขังจั่วชิวเฮ่าอวี้ก่อนหน้าและตัดแขนเขาก็พูดไปแล้วครั้งหนึ่ง!”
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกไปแล้วว่าวันนี้มางานบรรเลงฉินก็เพราะได้คำเชิญจากคุณชายอู๋เฟิง แต่ข้าลืมบอกไปว่าที่เขาเชิญข้ามาร่วมงานก็เพราะเดิมพันกับคนอื่นที่วังเซียนสรรพสิ่งจนต้องเสียมือคู่หนึ่ง วันนี้เป็นกำหนดการตัดมือพอดี ดังนั้นคุณชายอู๋เฟิงจึงให้ข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าเมืองฉิน ทว่าข้ายังไม่ทันพูดเรื่องนี้ ท่านเจ้าเมืองฉินกลับบอกว่า…ต้องยอมรับความพ่ายแพ้และทำตามเดิมพัน!”
ซืออวี้เซิงพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า ทุกคนในงานฟังแล้วต่างตกตะลึง
ฉินอู๋เฟิงผู้เป็นลูกชายของฉินเจิ้งหยางพนันว่าจะตัดมือที่วังเซียนสรรพสิ่งหรือ?
……………………………………………….