True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1161 คำเชิญของเจ้าเมืองฉิน
คนทั้งแท่นหลอมโอสถตกอยู่ในความเงียบเมื่อเห็นจั่วชิวเฮ่าอวี้กุมแขนล้มอยู่บนพื้น ผู้คนหลายร้อยเป็นพยานต่อภาพเหตุการณ์นี้
หลายคนรู้สึกเย็นยะเยือกในใจเล็กน้อย อี้อวิ๋นจะเด็ดเดี่ยวเกินไปแล้ว นั่นมันคุณชายแห่งหอเซียนสรรพสิ่งเชียวนะ เขากลับถูกอี้อวิ๋นตัดแขนเช่นนี้ ช่างทำอะไรโดยไม่เหลือทางถอยจริงๆ
ฝ่ามือฮูเหยียนชางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ตอนที่อี้อวิ๋นเดิมพันด้วยมือก่อนหน้านี้ก็คิดจะดึงเขาไปร่วมด้วย ตอนนั้นเขาเกือบตอบตกลง ดีที่ใจเขาตื่นกลัวไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นวันนี้คงต้องมีจุดจบเดียวกับจั่วชิวเฮ่าอวี้ หากปรมาจารย์โอสถไม่มีมือ แบบนี้จะไม่นับว่าพิการอย่างสมบูรณ์หรือ?
ขณะที่ฮูเหยียนชางกำลังสั่นกลัวก็เห็นอี้อวิ๋นจ้องมองมา สายตานี้ทำให้เขาขนลุกไปหมด
เด็กคนนี้คือตัวหายนะ!
อี้อวิ๋นใจคออำมหิตเด็ดขาด เขาอายุน้อยและอนาคตกว้างไกล เมื่อเติบโตขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้จะค่อยๆ คิดบัญชีกับเขาหรือเปล่า?
“พาเฮ่าอวี้ไปด้วย พวกเราไป!”
สีหน้าจั่วชิวปั๋วมืดครึ้มดุจเมฆดำ ตัวเขาที่เป็นถึงผู้อาวุโสของหอเซียนสรรพสิ่งยอมขอร้องแต่กลับโดนอี้อวิ๋นปฏิบัติเช่นนี้ มีความหมายอะไรที่จะอยู่ต่อ
ผู้ติดตามด้านหลังเขาเดินออกมาพยุงจั่วชิวเฮ่าอวี้ที่บาดเจ็บหนัก
“สหายจั่วชิวจะไปแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้ามีเรื่องจะคุยกับข้าไม่ใช่หรือ?”
เจ้าเมืองฉินพูดเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
“เจ้าเมืองฉินรู้อยู่แล้วว่าข้าจะพูดอะไร แต่ในเมื่อท่านไม่อยากเจรจากับข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ตัวเองอับอาย”
จั่วชิวปั๋วส่งเสียงเย็นๆ แม้คนที่ลงมือในตอนสุดท้ายจะเป็นอี้อวิ๋น แต่การที่เจ้าเมืองฉินใช้กฎแห่งมิติมาขังจั่วชิวเฮ่าอวี้ก็ถือว่าแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว
เขาอยากผูกมิตรกับเจ้าเมืองฉินมาโดยตลอด เอาใบหน้าอุ่นๆ ไปแนบกับก้นเย็นๆ ของอีกฝ่ายไปก็ไร้ความหมาย เขาเก็บแท่นผนึกเทพลง เดินขึ้นเรือรบวิญญาณแล้วจากไป
จั่วชิวปั๋วจากไปแล้ว คนอื่นๆ ย่อมแยกย้ายเช่นกัน หลายคนมองอี้อวิ๋นด้วยใจที่ซับซ้อน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอี้อวิ๋นจะเป็นดาวดวงใหม่ของเมืองสรรพสิ่ง แต่ก่อนอื่นคือเขาต้องรอดพ้นจากแรงกดดันของหอเซียนสรรพสิ่งเสียก่อน
อี้อวิ๋นเดินไปตรงหน้าเจ้าเมืองฉิน เขานำโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสี่เม็ดที่เหลือออกมาและพูดว่า “ท่านเจ้าเมืองฉิน โอสถสี่เม็ดนี้น่าจะมีราคาพอให้ชำระหนี้แปดแสนอักขระ ข้าขอคืนให้ท่านเจ้าเมือง หากท่านไม่ต้องการโอสถ เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็จะนำมันไปแลกเป็นอักขระที่หอสรรพสิ่งแล้วค่อยคืนให้ท่าน อี้อวิ๋นจดจำความช่วยเหลือที่ท่านมีให้ไว้กับใจ”
แม้อี้อวิ๋นจะไม่ได้ใช้เงินแปดแสนอักขระนี้มาซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ แต่ความช่วยเหลือของเจ้าเมืองฉินก็ทำให้อี้อวิ๋นรู้สึกขอบคุณ
แม้โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยจะเป็นโอสถชั้นสูงแต่ก็ใช้ช่วยหลิงเสียเอ๋อร์ไม่ได้ ตอนนี้อี้อวิ๋นก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน เขาจึงตัดสินใจมอบให้เจ้าเมืองฉิน
เจ้าเมืองฉินมองโอสถเหล่านี้แล้วพูดว่า “ตอนนั้นเจ้าบอกว่าจะชำระหนี้ภายในสามเดือน ข้าคิดว่าเจ้าแค่คุยโว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าแค่ครึ่งเดือนก็สำเร็จ ช่างประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยจริงๆ ปกติแล้วข้าต้องซื้อโอสถนี้อยู่แล้ว ย่อมไม่ต้องแลกเป็นอักขระ ขอรับเอาไว้ แต่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสี่เม็ดไม่ได้มีราคาแค่แปดแสนอักขระ ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นคุณภาพชั้นเลิศ ข้ารับไว้แค่สองเม็ดก็ถือว่าได้เปรียบมากแล้ว”
เมื่อเห็นเจ้าเมืองฉินรับโอสถไปแค่สองเม็ด อี้อวิ๋นจึงมองไปยังองค์หญิงจิ้งจอกขาวที่อยู่ด้านข้างแล้วมอบโอสถสองเม็ดที่เหลือให้นาง
“เจ้าทำอะไรน่ะ…” องค์หญิงจิ้งจอกขาวถามเสียงเบา
ตอนที่อี้อวิ๋นหลอมโอสถเมื่อครู่นางก็กังวลแทนเขาอยู่ตลอด เมื่อตอนนี้เห็นว่าทุกอย่างราบรื่นก็เบาใจลง
“ข้าลงหลักปักฐานในเมืองสรรพสิ่งได้เพราะมีความช่วยเหลือและเชื่อมั่นของเทพธิดาอู๋เสีย เทพธิดาฝึกจิตวิญญาณ โอสถนี้มีประโยชน์ต่อเจ้า นับเป็นเจตจำนงของอี้อวิ๋นเช่นกัน”
ขณะที่องค์หญิงจิ้งจอกขาวกำลังจะปฏิเสธก็ได้ยินเจ้าเมืองฉินพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นอู๋เสียเจ้าก็รับไว้เถอะ ติดบุญคุณแล้วไม่ตอบแทนไม่ใช่สุภาพชน ยิ่งไปกว่านั้นวิชาหลอมโอสถของสหายเจ้าก็เลิศล้ำถึงเพียงนี้ เจ้าไม่ต้องกลัวว่าเขาจะยากจน อีกไม่นานข้าคงต้องพึ่งสหายน้อยอี้แล้ว!”
เจ้าเมืองฉินพูดจบก็หัวเราะเสียงดัง
“เจ้าค่ะ ท่านลุงฉิน” องค์หญิงจิ้งจอกขาวพยักหน้า
“สหายน้อยอี้ ข้าจะจัดงานบรรเลงฉินที่จวนเจ้าเมืองในอีกครึ่งเดือน มีเทพธิดาโยวฉินเข้าร่วม ตอนนั้นเจ้าก็มาร่วมด้วยดีไหม?” เจ้าเมืองฉินพูดกับอี้อวิ๋นด้วยรอยยิ้ม วิชาหลอมโอสถของอี้อวิ๋นทำให้เขาแปลกใจ ให้อี้อวิ๋นได้รู้จักกับคนระดับสูงของเมืองสรรพสิ่งก็เป็นการปกป้องเขาเช่นกัน
“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองฉินขอรับ ข้าน้อยจะไปร่วมงานแน่นอน” อี้อวิ๋นพูด
“ดี เช่นนั้นข้ากับอู๋เสียต้องขอตัวก่อน” เจ้าเมืองฉินกวาดตามองห้องหออวิ๋นซินแล้วพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “หลังจากนี้ห้องหออวิ๋นซินของเจ้าคงคึกคักมาก”
หลังจากที่ส่งเจ้าเมืองฉินกับองค์หญิงจิ้งจอกขาว คนที่มาดูเรื่องสนุกที่ห้องหออวิ๋นซินพากันแยกย้าย ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็อยากหลอมโอสถ
“ปรมาจารย์อี้ ข้าต้องการหลอมโอสถชำระใจเปลี่ยนไขกระดูก”
“ปรมาจารย์อี้ ข้าก็ต้องการหลอมเช่นกัน! ข้าต้องการโอสถไท่หยินหนึ่ง ต้องการโอสถวิญญาณมรกต ธาตุกระดูกเลี้ยงหัวใจ…”
หลายคนรีบพูดกับอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นหลอมโอสถเก่งถึงเพียงนี้ พวกเขาต้องรีบใช้โอกาสที่ชื่อเสียงเขายังไม่แพร่ไปไกลมาให้อีกฝ่ายหลอมโอสถ หลอมได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกสองสามวันก็ต่อแถวไม่ได้แล้ว
ต่อให้โอสถที่หลอมออกมาเหล่านี้จะไม่อาจใช้เองแต่ก็เอาไปขายเป็นเงินได้ เพราะต้องบอกก่อนว่าโอสถที่อี้อวิ๋นหลอมมีคุณภาพสูงกว่าปกติมาก
เมื่อเห็นคนมากมายพากันร้องให้อี้อวิ๋นหลอมโอสถ หรูเอ๋อร์ก็เดินมาข้างกายอี้อวิ๋นเงียบๆ และส่งเสียงพูดสองสามประโยค
“โอ้?” อี้อวิ๋นยิ้มบางๆ แล้วมองคนเหล่านี้ด้วยแววตาสนุกสนาน “จะให้ข้าหลอมโอสถก็ย่อมได้ ราคาหม้อละหนึ่งล้านอักขระ…”
“นี่เจ้า…”
พวกคนที่เอ่ยปากพูดโมโหขึ้นมาทันที หม้อละหนึ่งล้าน? โอสถที่พวกเขาต้องการหลอมมีราคาไม่ถึงหนึ่งแสน แต่ค่าหลอมโอสถกลับมากถึงหนึ่งล้าน!?
“เหอะ! ก่อนหน้านี้พวกตีสองหน้าแบบพวกเจ้าด่าทอว่าป้ายที่ห้องหออวิ๋นซินแขวนออกไปบ้าคลั่งไม่ใช่หรือไง? เหตุใดนี้จึงต้องการให้ข้าหลอมโอสถให้ล่ะ? หากมีศักดิ์ศรีอยู่บ้างก็ไสหัวไปเสียเถอะ ข้าจะได้ไม่ต้องสะอิดสะเอียน”
อี้อวิ๋นพูดจบก็หมุนตัวจากไป เขาไม่กลัวที่จะมีเรื่องกับนักเลงพวกนี้
แม้แต่แขนจั่วชิวเฮ่าอวี้ยังถูกเขาตัด เมื่อนักเลงพวกนี้พิจารณาว่าพวกเขาห่างจากจั่วชิวเฮ่าอวี้เพียงใดก็จะรู้ว่ามีแต่ต้องยอมรับ
“ขะ…เขารู้ได้อย่างไร…สาวใช้คนนั้น!”
คนเหล่านี้มองหน้ากันไปมา พวกเขาเคยเย้ยหยันอยู่หน้าห้องหออวิ๋นซิน คิดไม่ถึงว่าจะถูกสาวใช้คนนั้นจดจำเอาไว้
“วันนี้ปิดประตูไม่รับลูกค้า แผ่นป้ายหน้าร้านก็เอาลงมาเช่นกัน” อี้อวิ๋นพูดกับหรูเอ๋อร์ในขณะที่เดินเข้าร้าน
ตอนนั้นเขาแขวนป้านนี้ก็เพราะยังไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม แต่ตอนนี้เขาพิสูจน์พลังของตัวเองไปแล้ว ย่อมไม่อาจหลอมโอสถด้วยราคาถูกเช่นนั้นอีก
“คุณชายอี้” ต่งเส่าชิงยังไม่ไปไหน
…………………………………………….