True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1159 แพ้ชนะ
“เป็นโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยจริงๆ หรือ? แต่ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์ฮูเหยียนกับปรมาจารย์จั่วชิวบอกว่าโอสถนี้เป็นสีเขียว เหตุใดโอสถที่อี้อวิ๋นหลอมจึงเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง?”
ผู้คนพากันแสดงความเห็น ในสายตาพวกเขาหากฮูเหยียนชางพูดผิดก็ช่างมันเถอะ แต่จั่วชิวปั๋วเป็นปรมาจารย์โอสถชั้นสูงของเมืองสรรพสิ่ง ทั้งยังเป็นคนระดับสูงของหอเซียนสรรพสิ่งที่เป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับหนึ่ง คำพูดของเขาก็คืออำนาจและหลักความเป็นจริง
ตอนนี้โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยของจั่วชิวปั๋วไม่มีประโยชน์ต่อต่งเสี่ยวหวั่นแม้แต่น้อย แต่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยที่อี้อวิ๋นแล้วกลับมีประโยชน์!
หรือจะบอกว่าระดับความรู้ด้านโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยของจั่วชิวปั๋วจะสู้อี้อวิ๋นไม่ได้?
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ทำอะไรไม่ถูก “เรื่องนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยของเด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งจะเทียบท่านอาปู่หกของข้าได้อย่างไร? โอสถของท่านอาปู่หกที่ต่งเสี่ยวหวั่นกินไปก่อนหน้าคงไม่ทันได้แสดงผลลัพธ์ก็กินโอสถปลอมของอี้อวิ๋นลงไปพอดีแน่นอน ดังนั้นจึงทำให้มีผลลัพธ์เช่นนี้ ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ! โอสถของท่านอาปู่หกช่วยรักษาต่งเสี่ยวหวั่นจนทำให้เจ้าเด็กเวรอี้อวิ๋นโชคดีเข้า!”
จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดอย่างคลุ้มคลั่ง เขายอมรับไม่ได้ว่าตัวเองแพ้ให้อี้อวิ๋น ยอมรับราคาที่ต้องจ่ายไม่ไหว
“หุบปาก!” ในตอนนี้เองที่มีเสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้น เสียงนี้แฝงไว้ซึ่งแรงปะทะทางจิตอันรุนแรง มันทำให้จั่วชิวเฮ่าอวี้ตกใจจนหน้าซีดและเกือบล้มลงพื้น
ผู้พูดคือจั่วชิวปั๋ว
จั่วชิวปั๋วขมวดคิ้ว ครั้งนี้ไม่ใช่แค่จั่วชิวเฮ่าอวี้ที่แพ้ ตัวเขาก็ถือว่าแพ้ให้อี้อวิ๋นเช่นกัน
เขาย่อมอับอายที่แพ้ให้เด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่ง แต่ในเมื่อแพ้แล้วก็แพ้ไป เขาไม่คิดที่จะปฏิเสธ
“เจ้าปรับปรุงเทียบโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย?”
จั่วชิวปั๋วถาม เพราะนอกจากสาเหตุนี้แล้วก็ไม่มีความเป็นไปได้อื่นที่จะอธิบายได้ว่าเหตุใดอี้อวิ๋นจึงหลอมโอสถออกมาเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง แต่เขาก็ไม่เชื่ออีกว่าอี้อวิ๋นมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร?
ทว่าอี้อวิ๋นกลับไม่ตอบจั่วชิวปั๋ว เขาเดินมาด้านข้างต่งเสี่ยวหวั่น ผลลัพธ์ของโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยดีกว่าที่เขาคิดไว้เล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงนำโอสถเม็ดที่สองออกมา
“คุณชายอี้ นี่…นี่มันล้ำค่าเกินไป รับไว้ไม่ได้ รับไว้ไม่ได้ขอรับ”
ต่งเส่าชิงพูดมั่วสะเปะสะปะไปมา เขาเองก็มองออกว่าโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยมีผลลัพธ์กับอาการป่วยของลูกสาวเขาเพียงเล็กน้อย ไม่อาจรักษาได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งโอสถนี้ก็ล้ำค่ามากเกินไปจริงๆ ตามเดิมพันที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้พวกมันก็เป็นของอี้อวิ๋นทั้งหมด เป็นสมบัติของอี้อวิ๋น จะให้ลูกสาวเขากินอย่างเดียวได้อย่างไร?
อี้อวิ๋นพูดว่า “เจ้าสำนักต่งไม่ต้องเกรงใจ หญ้าน้ำค้างสวรรค์ที่เจ้าหามาก่อนหน้านี้มีประโยชน์ต่อข้าอย่างใหญ่หลวง โอสถแค่สองสามเม็ดไม่นับเป็นอะไรได้”
สำหรับอี้อวิ๋นแล้วหญ้าน้ำค้างสวรรค์ที่ได้มาก่อนหน้านี้ช่วยยกระดับจิตวิญญาณเขาให้แข็งแกร่งขึ้นมาก จากที่ควบคุมเชื้อเพลิงแทบมารได้หนึ่งสายก็กลายเป็นสองสาย การก้าวกระโดดที่ไม่ธรรมดานี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยหม้อหนึ่งจะเทียบได้
อี้อวิ๋นไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด เขาเปลี่ยนโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเม็ดที่สองให้เป็นพลังปราณแล้วผสานเข้าสู่จุดตันเถียนของต่งเสี่ยวหวั่น จากนั้นพลังโอสถก็ไหลไปตามแขนขานางและเข้าสู่เลือดเนื้ออีกครั้ง
ร่างกายต่งเสี่ยวหวั่นแข็งแรงขึ้นอีกขั้น
‘หืม? นี่มัน…’
อี้อวิ๋นเปิดการมองเห็นด้านพลังอยู่ตลอด ตอนนี้เขาพบว่าใบหน้าชั่วร้ายที่ซ่อนในร่างต่งเสี่ยวหวั่นเริ่มดุร้ายขึ้นมาเพราะร่างกายและเลือดลมนางแข็งแกร่งขึ้น มันร้องคำรามดิ้นรนไปมาเพื่อกลืนกินเลือดลมและพลังปราณของนางมารักษาสมดุล
อี้อวิ๋นขยับความคิด เขาจะใช้การควบคุมพลังอันเด็ดขาดของผลึกม่วงต้นกำเนิดมาดูดซึมสิ่งชั่วร้ายนี้โดยตรง!
ฟึ่บ!
ผลึกม่วงสร้างน้ำวนพลังที่ไม่มีใครมองเห็นขึ้นมา น้ำวนปกคลุมไปทางท้องต่งเสี่ยวหวั่นก่อนที่จะจมลงสู่จุดตันเถียน
อี้อวิ๋นจะทำลายสิ่งชั่วร้ายนี้
‘โฮกกก!’
สิ่งชั่วร้ายนั่นร้องคำรามอย่างตกใจ มันเกาะจุดตันเถียนของต่งเสี่ยวหวั่นไว้แน่นเพื่อต้านน้ำวนพลังจากผลึกม่วง
ตอนนี้กำลังจิตของอี้อวิ๋นแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน เขาย่อมควบคุมผลึกม่วงได้สบายมากขึ้น แต่ไม่ว่าน้ำวนจะสังหารอย่างไรจนพลังของสิ่งชั่วร้ายนี้ไหลออกไม่หยุด ทว่าท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ถูกทำลาย
‘มันเป็นสิ่งมีชีวิต ประสิทธิภาพของผลึกม่วงจะลดลงมากเมื่อเจอสิ่งมีชีวิต’
อี้อวิ๋นพูดกับตัวเอง เขารู้จุดอ่อนของผลึกม่วง หากจะสังหารสิ่งชั่วร้ายนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ก็เป็นเรื่องยาก ตอนนี้เขาก็เพิ่งหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเสร็จ กำลังจิตจึงลดลงไปมาก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาต่งเสี่ยวหวั่นให้หายในคราเดียว
อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และล้มเลิกการสังหารสิ่งชั่วร้ายนั่น
น้ำวนพลังสลายหายไป สิ่งชั่วร้ายยังไม่หายตกใจ มันมองอี้อวิ๋นผ่านจุดตันเถียนของต่งเสี่ยวหวั่น ใบหน้าที่เดิมทีดุร้ายของมันมีความตื่นกลัวอย่างรุนแรง
ในที่สุดมันก็เข้าใจว่าชายหนุ่มผู้นี้มองเห็นมัน ทั้งเขายังมีพลังที่สังหารมันได้ด้วยซ้ำ
จะไม่ให้สิ่งชั่วร้ายนี้กลัวได้อย่างไร
‘ไสหัวไปซะ!’
เสียงอันเย็นยะเยือกของอี้อวิ๋นดังอยู่ในจุดตันเถียนของต่งเสี่ยวหวั่น สิ่งชั่วร้ายนั่นสะดุ้งตกใจ ท้ายที่สุดก็ไม่กล้าต่อต้านอี้อวิ๋นและค่อยๆ เงียบหายไป
มันไม่ได้ออกจากร่างต่งเสี่ยวหวั่นเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของอี้อวิ๋น มันไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนี้เช่นกัน แต่หลังจากที่มันเงียบหายไป พลังปราณและพลังเลือดลมที่ถูกสิ่งชั่วร้ายผนึกไว้ในจุดตันเถียนของต่งเสี่ยวหวั่นก็ถูกปล่อยออกมาช้าๆ
พลังเหล่านี้อ่อนแอ แต่หลังจากที่พลังเลือดลมของโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยไม่มีสิ่งชั่วร้ายควบคุมก็โหมซัดสาดอย่างรวดเร็ว พลังโอสถไหลไปทั่วร่างต่งเสี่ยวหวั่นผ่านเส้นลมปราณ พลังชีวิตนางค่อยๆ ฟื้นฟู เมื่อพลังชีวิตฟื้นฟู จิตวิญญาณที่ถูกผนึกของนางจึงเริ่มตื่นขึ้นไปด้วย
เพียงครึ่งก้านธูป สีหน้าของต่งเสี่ยวหวั่นแดงระเรื่อขึ้นมาก
ต่งเส่าชิงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกสาว ขณะที่เขายังไม่เข้าใจอะไร ในตอนนี้เอง…
“แค่กๆ!”
ทันใดนั้นต่งเสี่ยวหวั่นก็ไอขึ้นมา ร่างกายนางสั่นเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ
วิสัยทัศน์ที่พล่ามัวค่อยๆ ชัดเจนขึ้น นางเห็นใบหน้าของท่านพ่อและเด็กหนุ่มที่นางไม่รู้จักผู้หนึ่ง
“นี่ข้า…เป็นอะไรไปหรือ…”
ต่งเสี่ยวหวั่นพูดด้วยความงุนงง หลายวันมานี้นางรู้สึกราวกับถูกขังไว้ในมิติแคบๆ สีดำ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เมื่อวันนี้มาเห็นแสงสว่างอย่างฉับพลันอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“เสี่ยวหวั่น! เสี่ยวหวั่น!”
ต่งเส่าชิงดีใจจนน้ำตาไหล เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเม็ดที่สองของอี้อวิ๋นจะทำให้ต่งเสี่ยวหวั่นฟื้นขึ้นมาได้!
เขาตื่นเต้นมากจริงๆ เดิมทีเขาเตรียมใจสำหรับผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดไว้แล้ว เมื่อวันนี้ลูกสาวฟื้นขึ้นก็รู้สึกเหมือนเสียแล้วได้กลับคืน
ทุกคนไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นต่งเสี่ยวหวั่นฟื้นกลับมา
พวกเขาไม่รู้ถึงการมีอยู่ของผลึกม่วง ได้แต่คิดว่าโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสองเม็ดของอี้อวิ๋นคือสิ่งที่รักษาต่งเสี่ยวหวั่นให้หายดี
โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยของอี้อวิ๋นจะมหัศจรรย์เกินไปแล้วกระมัง!
พวกเขารู้ว่าก่อนหน้านี้ต่งเสี่ยวหวั่นอยู่ในสถานการณ์ที่ร้ายแรงดุจโดนโทษประหารชีวิต การที่โอสถของจั่วชิวปั๋วใช้ไม่ได้ผลก็ช่วยพิสูจน์เรื่องนี้เช่นกัน
………………………………………