True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1152 เริ่มหลอม
“ข้าเข้าไปด้วยได้หรือ?” เจ้าสำนักต่งตกใจ
นอกจากกรณีที่ก่อนหน้านี้ฮูเหยียนชางกับจั่วชิวเฮ่าอวี้เรียกร้องให้อี้อวิ๋นต้องหลอมโอสถต่อหน้าทุกคนเพราะมีจุดประสงค์พิเศษ ปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ก็ไม่อนุญาตให้คนอื่นดูในขณะหลอม หนึ่งเพราะไม่อยากถูกรบกวน สองเพราะกลัวว่าวิธีผนึกตราและวิชาลับจะถูกคนอื่นเห็นเข้า
ต่งเส่าชิงไม่ได้เรียกร้องอะไรแต่อี้อวิ๋นกลับเป็นฝ่ายอนุญาตให้เขาดูเอง ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
“คุณชายอี้ หากข้าดูอยู่ด้านข้างแล้วจะไม่รบกวนท่านหรือ?”
อี้อวิ๋นหัวเราะแล้วพูดว่า “หากข้ากลัวว่าจะถูกรบกวน เช่นนั้นการหลอมโอสถต่อหน้าสาธารณะชนในอีกห้าวันข้างหน้าจะไม่ล้มเหลวแน่แล้วหรือ?”
“คุณชายอี้พูดถูกแล้วขอรับ” ต่งเส่าชิงดีใจ แม้จะยังไม่แน่ใจในระดับของอี้อวิ๋น แต่ฟังจากคำตอบที่มั่นใจของอี้อวิ๋นแล้วก็วางใจขึ้นหลายส่วน
หากอี้อวิ๋นเป็นคนไร้ฝีมือจริงๆ ก็คงไม่หาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าผู้คนจึงจะถูก
อี้อวิ๋นพาต่งเส่าชิงมายังห้องหลอมโอสถ ประตูห้องปิดลง หรูเอ๋อร์คอยรับใช้อยู่ด้านข้าง ดูท่าทางเหมือนเด็กโอสถ
การหลอมโอสถของปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่จะใช้เวลาอย่างนานก็สี่ห้าวัน อย่างสั้นก็สองสามชั่วยาม โอสถที่มีระดับสูงกว่าปรมาจารย์โอสถจะต้องวางค่ายกลหลอมเป็นเวลาหลายปีหรือแม้กระทั่งหลายร้อยปี…แต่ค่ายกลใหญ่เช่นนี้มีแต่ปรมาจารย์โอสถชั้นหนึ่งที่สร้างได้ ปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถนี้
โอสถอย่างโอสถชำระร่างใช้เวลาแค่สามสี่วันก็ได้แล้ว
ปกติแล้วเวลาแค่สามสี่วันก็ไม่นับเป็นอะไรสำหรับต่งเส่าชิง แค่นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจก็ผ่านพ้นไป แต่ตอนนี้เรื่องราวพัวพันถึงชีวิตลูกสาวเขา เขามีกะจิตกะใจมานั่งสมาธิที่ไหนกัน สายตาจับจ้องการหลอมโอสถของอี้อวิ๋นอย่างไม่ละไปไหน
อี้อวิ๋นนำหม้อโอสถสีเทาใบเล็กออกมา หม้อโอสถลอยตัวกลางอากาศ นี่คือหม้อเทพโอสถที่ค่ายกลเสียหาย
ฟึ่บ…
นิ้วมืออี้อวิ๋นแตะออก เปลวไฟลุกโชนขึ้น เขาส่งเชื้อเพลิงเทพมารออกไปหนึ่งสาย
เชื้อเพลิงเทพมารปะปนอยู่ในเปลวเพลิงปกติจึงดูไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย เพียงพริบตาก็เข้าสู่หม้อเทพโอสถ
เชื้อเพลิงเทพมารนี้แผดเผาได้แม้แต่ฟ้าดิน หม้อโอสถทั่วไปไม่มีทางรับไหว แต่หม้อเทพโอสถอยู่กับเชื้อเพลิงเทพมารมาหลายร้อยล้านปีจนแทบจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเชื้อเพลิงเทพมารเข้าสู่หม้อเทพโอสถก็หายสาบสูญไป ดูจากภายนอกแล้วตัวหม้อก็ยังคงเรียบง่ายธรรมดา ประหนึ่งไม่มีเปลวไฟจุดขึ้น
ต่งเส่าชิงงงงันเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนี้ เขาเคยเห็นปรมาจารย์หลอมโอสถมาก่อนเช่นกัน ทว่ามันกลับต่างจากภาพตรงหน้าตอนนี้มาก
อี้อวิ๋นมองวัตถุดิบที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่งแล้วคว้าดอกหยางฉีทั้งกำมาโยนลงสู่หม้อเทพโอสถ
ดอกหยางฉีต้นนี้ถูกเปลวไฟห่อหุ้มทันที
ด้วยความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของอี้อวิ๋นในเวลานี้ เขาควบคุมเชื้อเพลิงเทพมารได้แค่สายเดียวเล็กๆ นี่คือขีดจำกัดของเขาแล้ว
หากเป็นการปล่อยเชื้อเพลิงเทพมารออกมาทำลายล้าง อย่างเช่นเผาวังวิถีเจ็ดดาราก่อนหน้านี้ เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็ปล่อยให้เชื้อเพลิงเทพมารแผดเผาเป็นทะเลเพลิงได้ แต่กับการหลอมโอสถแล้วต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ต้องละเอียดแม่นยำเป็นที่สุด
อี้อวิ๋นควบคุมเชื้อเพลิงเทพมารสายหนึ่งได้ง่ายตามใจต้องการ แต่หากเพิ่มเป็นสองสายก็จะเริ่มไม่มั่นคงแล้ว
เปลวไฟเผาดอกหยางฉีให้พลังโอสถภายในแผ่ซ่านออกมา และการดึงรวบรวมพลังโอสถที่แท้จริงกลับไม่ได้ใช้กำลังจิตของอี้อวิ๋น แต่ใช้ผลึกม่วงต้นกำเนิด
ผลึกม่วงต้นกำเนิดเป็นของวิเศษที่มีค่ามากที่สุดของอี้อวิ๋น มันช่วยให้อี้อวิ๋นข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเมื่อเริ่มเข้าสู่วิถียุทธ์ ตอนที่อยู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์กับโลกไม้ฟ้าพยับหมอก หากไม่ใช่เพราะผลึกม่วง อี้อวิ๋นก็ไม่มีทางบรรลุแนวคิดแห่งการทำลายล้าง ไม่มีทางได้การยอมรับจากต้นไม้เทพไม้ฟ้าจนรวมผลวิถีเก้าใบสี่ผลสำเร็จ
การควบคุมพลังที่สมบูรณ์แบบของผลึกม่วงทำให้อี้อวิ๋นสกัดพลังโอสถของดอกฉีหยางไว้ในมือได้โดยไม่เสียแรงแม้แต่น้อย
กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่สิบชั่วอึดใจ
เมื่อสกัดพลังโอสถของดอกฉีหยางเสร็จ อี้อวิ๋นก็โยนหญ้าหลัวหลิวที่เป็นสมุนไพรชนิดที่สองลงสู่หม้อเทพโอสถต่ออย่างไม่ลัง
พลังโอสถในหญ้าหลัวหลิวถูกสกัดเสร็จภายในสิบชั่วอึดใจเช่นกัน
จากนั้นสมุนไพรต้นแล้วต้นเล่าก็ถูกโยนลงหม้อเทพโอสถ อี้อวิ๋นรักษาความเร็วไว้ได้คงที่ ต่งเส่าชิงที่ดูอยู่ด้านข้างตะลึงอึ้งไปอย่างสมบูรณ์
แม้ต่งเส่าชิงจะไม่เข้าใจการหลอมโอสถ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ว่าการหลอมโอสถมีกระบวนการอย่างไร
การสกัดพลังโอสถเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุดสำหรับปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ หากมีข้อผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็จะทำให้สมุนไพรสลายเป็นขี้เถ้า
ปรมาจารย์โอสถหลายคนหลอมโอสถล้มเหลวก็เพราะเหตุนี้ ส่วนกระบวนการหลอมให้เป็นเม็ดจะทำได้ง่ายกว่า
ดังนั้นปรมาจารย์โอสถจึงระมัดระวังกับขั้นตอนแรกมาก
ต่งเส่าชิงไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินว่ามีใครสกัดรวดเร็วและแม่นยำเช่นอี้อวิ๋นมาก่อน
เหตุใดจึงเร็วเช่นนี้? อี้อวิ๋นโยนสมุนไพรลงหม้อทุกๆ สิบชั่วอึดใจประหนึ่งชาวนาหญิงล้างผัก
ไม่นานสมุนไพรทั้งหมดก็ถูกสกัดพลังโอสถเสร็จสิ้น
จากนั้นพลังโอสถก็เริ่มผสานเป็นเม็ดภายใต้การควบคุมของอี้อวิ๋น
อี้อวิ๋นจำเป็นต้องสร้างตราประทับลายวิถีต่างๆ ในขั้นตอนนี้
เขาศึกษาวิชาปรมาจารย์อสูรมาหลายปีตั้งแต่ตอนอยู่โลกสวรรค์หมื่นปีศาจ ทั้งยังมีการควบคุมพลังอันสมบูรณ์แบบของผลึกม่วง การผนึกตราของเขาจึงไม่ยากลำบากอะไร ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงของราชินีเสวียน การผนึกตราของเขาก็ทำได้สมบูรณ์แบบจนเอาชนะองค์หญิงจิ้งจอกขาวและทำให้ทุกคนในงานตกตะลึง
ตราประทับตัวแล้วตัวเล่าถูกอี้อวิ๋นส่งออกไปอย่างไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปช้าๆ โอสถชำระร่างขึ้นรูปอย่างรวดเร็ว
ต่งเส่าชิงพ่นลมหายใจเบาๆ เมื่อเห็นภาพนี้ การผนึกตราของอี้อวิ๋นไม่ได้พิสดารเหมือนตอนสกัดพลังโอสถ แต่ถึงกระนั้นก็ทำได้เร็วกว่าปรมาจารย์โอสถทั่วไปมาก
เขาคำนวณเวลาแล้วก็พบว่าผ่านมาแค่หกชั่วยาม กระบวนการหลอมโอสถชำระร่างดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว
ความจริงต่งเส่าชิงไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นลดความเร็วลงระดับหนึ่ง จงใจไม่แสดงฝีมือทั้งหมด
อี้อวิ๋นตบหม้อเทพโอสถเบาๆ ในอีกหนึ่งเค่อต่อมา ฝาหม้อลอยขึ้น ลำแสงสีเขียวสาดออกมาและถูกอี้อวิ๋นรับไว้ในมือ
อี้อวิ๋นแบฝ่ามือออก โอสถสีเขียวมรกตแวววาวจำนวนสามเม็ดปรากฏอยู่กลางมือเขา
หากวัตถุดิบเพียงพอ ปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ก็จะหลอมสำเร็จหม้อหนึ่งได้หลายเม็ด แต่วัตถุดิบที่ต่งเส่าชิงมอบให้มีจำกัด ทั้งเดิมทีโอสถชำระร่างก็หลอมสำเร็จค่อนข้างน้อย อี้อวิ๋นหลอมออกมาได้สามเม็ดจึงแทบเป็นขีดสูงสุดแล้ว
ต่งเส่าชิงดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นโอสถชำระร่างสามเม็ดนี้
เขาเคยเห็นโอสถชำระร่างมาก่อน เมื่อเห็นว่าโอสถสามเม็ดนี้เต็มไปด้วยสี พื้นผิวโอสถมีลายวิถีส่องแสง เขาก็รู้ว่านี่คือโอสถชำระร่างระดับสูงแน่นอน
เดิมทีเขาก็พอใจกับโอสถหนึ่งเม็ด หากได้สองเม็ดก็ยินดี ส่วนสามเม็ดก็ไม่เคยคาดถึง
“เอาไปเถอะ”
อี้อวิ๋นนำกล่องหยกใบหนึ่งออกมาใส่โอสถสามเม็ดนี้
“คุณชายอี้ ปรมาจารย์อี้…ข้าใช้แค่เม็ดเดียวก็พอแล้วขอรับ อีกสองเม็ดที่เหลือถูกหลอมโดยวิชาโอสถชั้นสูงของท่าน ควรให้ท่านปรมาจารย์อี้เก็บเอาไว้จึงจะถูก”
ต่งเส่าชิงซาบซึ้งจนเปลี่ยนคำเรียกอี้อวิ๋น
อี้อวิ๋นส่ายหน้า แม้โอสถชำระร่างจะมีค่าสำหรับเขาแต่ก็ไม่มาก อีกอย่างเขาก็รับหญ้าน้ำค้างสวรรค์ที่มีแต่ต้องเจอด้วยวาสนาของอีกฝ่ายมาแล้ว เขารู้สึกว่าด้วยเองเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง โอสถชำระร่างที่เกินมานี้จึงย่อมไม่ต้องการอีก
…………………………………………