True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1150 โอสถชำระร่าง
ในฐานะที่เป็นโรงโอสถที่ใหญ่ที่สุดของเมืองสรรพสิ่ง โรงโอสถฟ้าประทานจึงไม่เคยขาดแคลนลูกค้า และในฐานะที่เป็นหนึ่งในปรมาจารย์โอสถไม่กี่คนที่อยู่ถาวรที่โรงโอสถฟ้าประทาน ฮูเหยียนชางจึงย่อมเป็นคนหยิ่งทะนง ไม่รู้ว่าแต่ละวันมีคนมาขอให้หลอมโอสถตั้งเท่าไร
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเป็นคนที่จู้จี้กับการหลอมโอสถมาก หากให้ราคาต่ำเกินไปก็ย่อมไม่รับใช้
โอสถที่ง่ายก็เกินไปก็ไม่รับหลอม…เสียเวลาเขาเปล่าๆ
โอสถยากเกินไปก็ไม่รับเช่นกัน…แม้จะไม่ต้องชดใช้ค่าวัตถุดิบ แต่หากหลอมล้มเหลวก็ส่งผลต่อชื่อเสียง
เวลาเป็นเงินเป็นทองสำหรับปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ขอเพียงแค่เขายอมลงมือก็จะมีอักขระสรรพสิ่งเข้ามา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีแรงขับเคลื่อนที่จะหาอักขระสรรพสิ่ง
และเมื่อปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเข้าสู่วัยชรา ใจที่มุ่งแสวงหาความก้าวหน้าของเขาก็ไม่ค่อยรุนแรงอีก อย่างไรคนอายุเช่นเขาก็ไม่มีทางข้ามผ่านระดับยุทธ์แล้ว ต่อให้ฝึกฝนอย่างเพียรพยายามก็ใช่ว่าจะมีผลลัพธ์ ไม่สู้มีความสุขกับชีวิตจะดีกว่า
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกินโอสถที่ทำให้หน้าอ่อนเยาว์มานานแล้ว ภายนอกเขาดูอายุยี่สิบกว่าปี แต่เลือดลมภายในกลับเริ่มทรุดลงแล้ว
ปรมาจารยืโอสถฮูเหยียนไม่ยอมที่จะแก่ตัว นอกจากที่เขาจะใช้โอสถยืดอายุขัยก็ยังฝึกวิชาลับในห้องนอน ใช้การรับหยินดั้งเดิมของสาวน้อยมากระตุ้นไฟชีวิตที่มอดลงเรื่อยๆ
ความจริงปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเป็นคงหลงใหลในสาวงาม เขามักหลอมโอสถที่เพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ตัวเอง บางครั้งที่จอมยุทธ์หญิงรูปงามมาขอให้เขาหลอมโอสถ เขาก็จะใช้โอกาสนี้มาบังคับให้อีกฝ่ายร่วมหลับนอนด้วยไม่เช่นนั้นจะไม่หลอมโอสถให้
วิธีการเช่นนี้ของเขาถูกหลายคนดูถูกรังเกียจ แต่ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ในโรงโอสถฟ้าประทาน ณ เวลานี้ ฮูเหยียนชางเพิ่งหลอมโอสถเสียไปหนึ่งหม้อ เสียวัตถุดิบไปหลายหมื่นอักขระ
เขาไม่รู้สึกเสียดายวัตถุดิบ แต่ฮูเหยียนชางกลับรู้สึกว่ายิ่งอายุเขามากขึ้น จิตวิญญาณเขาก็เหมือนจะไม่ไหวแล้วจริงๆ หากย้อนกลับไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน เขาก็หลอมโอสถหม้อนี้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ฮูเหยียนชางอดนึกถึงเดิมพันที่ไปทำกับอี้อวิ๋นที่ห้องหออวิ๋นซินเมื่อห้าวันก่อนไม่ได้ เขาขมวดคิ้วเบาๆ เจ้าเด็กนี่เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
การหลอมโอสถในอีกห้าวันจะจัดขึ้นต่อหน้าสาธารณะชน จั่วชิวเฮ่าอวี้ยังเชิญปรมาจารย์โอสถบางคนมาเป็นพยาน ไม่มีทางปลอมแปลงได้แน่นอน อี้อวิ๋นคงไม่คิดว่าตัวเองจะหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสำเร็จจริงๆ หรอกใช่ไหม?
ฮูเหยียนชางเชื่อว่าอี้อวิ๋นคงเข้าใจวิชาหลอมโอสถเล็กน้อย พรสวรรค์ที่ไม่เลวของอี้อวิ๋นก็ทำให้เขาอิจฉามาก ตัวเขากำลังเดินสู่จุดต่ำลง แต่อี้อวิ๋นกลับเยาว์วัยและมีอนาคตไร้ขีดจำกัด จะให้เขารู้สึกดีได้อย่างไร?
“คราวนี้จะจัดการให้เจ้าเด็กนี่ไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้ตลอดกาล…”
ขณะที่ฮูเหยียนชางกำลังคิด จู่ๆ ก็มีเสียงรายงานส่งเข้ามา…
“ท่านปรมาจารย์ฮูเหยียน เจ้าสำนักคลื่นหยกต้องการพบท่านขอรับ”
เจ้าสำนักคลื่นหยก?
ฮูเหยียนชางลูบคางตัวเอง คนผู้นี้มาขอพบเขาหลายรอบแล้วแต่เขาขี้เกียจพบอีกฝ่ายทุกครั้ง เนื่องจากโอสถที่อีกฝ่ายต้องการหลอมต้องใช้เวลานานถึงสี่ห้าวัน เป็นการใช้จิตวิญญาณที่มากเกินไป ในสถานการณ์ที่จิตวิญญาณของฮูเหยียนชางกำลังตกต่ำจึงไม่อยากหลอม ราคาที่เจ้าสำนักคลื่นหยกเสนอก็ไม่น่าสนใจ
หากเป็นเวลาปกติเขาก็คงไล่กลับไปแล้ว แต่วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดี หลังจากที่คิดไปคิดมาจึงพูดกับเจ้าของร้านว่า “ให้เขาเข้ามา”
สำนักคลื่นหยกเป็นสำนักเล็กๆ ในแดนสวรรค์สรรพสิ่ง เทียบกับสำนักกระบี่สระใสแล้วก็เทียบไม่ติด
เจ้าสำนักคลื่นหยกเพิ่งพัฒนาระดับยุทธ์ให้ถึงระดับอรหันต์ครึ่งก้าวได้เมื่อไม่กี่ก่อนอย่างยากลำบาก เรียกได้ว่าเป็นอรหันต์ครึ่งก้าวที่อ่อนแอที่สุด ตัวเขาที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จึงยากที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายของโอสถราคาแพง
“ปรมาจารย์ฮูเหยียน ก่อนหน้านี้ท่านให้ข้าไปเตรียมหญ้าน้ำค้างสวรรค์ ข้าทุ่มเทความพยายามสุดกำลังจนหามาได้ในที่สุด ตอนนี้ท่านช่วยข้าหลอมโอสถชำระร่างตามที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ได้แล้วใช่หรือไม่ ข้าจะรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง”
เจ้าสำนักคลื่นหยกพูดแล้วก็โค้งตัวคำนับให้ฮูเหยียนชาง
“หญ้าน้ำค้างสวรรค์? เจ้าหามาได้จริงหรือนี่” ฮูเหยียนชางคาดไม่ถึงมาก ตอนที่เจ้าสำนักต่งมาหาเขาเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาได้บอกอีกฝ่ายว่าต้องการหญ้าน้ำค้างสวรรค์
แม้สมุนไพรชนิดนี้จะราคาไม่แพงและใช้กับเทียบโอสถไม่กี่ประเภท ทว่าสมุนไพรชนิดนี้กลับหายากเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเมืองสรรพสิ่งที่ชื่อว่ามีทุกอย่างก็ยังไม่มี ฮูเหยียนชางจึงพูดเงื่อนไขนี้กับเจ้าสำนักคลื่นหยกอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ตอนนี้ฮูเหยียนชางไม่อยากหลอมโอสถที่เคยสัญญาเอาไว้ เขาหมดความสนใจในหญ้าน้ำค้างสวรรค์แล้ว
“ลูกสาวเจ้าล่ะ? เหตุใดไม่เห็นนางมากับเจ้า?”
ฮูเหยียนชางถามขึ้นอย่างฉับพลัน
สีหน้าเจ้าสำนักคลื่นหยกแข็งทื่อทันทีเมื่อฮูเหยียนชางถามถึงลูกสาว
ต่งเสี่ยวอวี้ผู้เป็นบุตรสาวของเขามีพรสวรรค์โดดเด่น เมื่อหลายปีก่อนมีคนจัดอันดับอัจฉริยะหญิงในเมืองสรรพสิ่งตามหน้าตาและพรสวรรค์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทพธิดาโยวฉินจะได้อันดับหนึ่ง ส่วนบุตรสาวของเขาก็ติดอันดับเช่นกัน แม้จะอยู่ที่อันดับสิบเก้าแต่ก็เป็นเรียกที่ยากมากแล้วสำหรับสำนักเล็กๆ
เจ้าสำนักต่งมองว่าบุตรสาวของเขาคือความหวังของสำนัก แต่หลังจากที่นางกลับจากการฝึกฝนที่โลกภายนอกเมื่อสองปีก่อนก็เกิดเรื่องประหลาดมาก ไม่ว่านางจะฝึกฝนอย่างไรระดับยุทธ์ก็ไม่พัฒนาแม้แต่น้อย
เรื่องนี้ทำให้เจ้าสำนักต่งร้อนใจมาก เขามีลูกสาวแค่คนเดียว หวังให้นางพาสำนักคลื่นหยกไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอนาคต ตอนนี้เป็นเวลาทองสำหรับการพัฒนาระดับยุทธ์ เวลาแต่ละปีที่เสียไปทำให้ใจเจ้าสำนักคลื่นหยกมีเลือดออก
เขาพาบุตรสาวไปหาหมอทุกที่ หมอคนหนึ่งคาดการณ์ว่าจุดตันเถียนของบุตรสาวเขามีปัญหา หากมีโอสถชำระร่างมาช่วยนางขจัดสิ่งสกปรกก็อาจขจัดปัญหาทั้งหมดสำเร็จ
โอสถชำระร่างเม็ดหนึ่งมีราคามหาศาล เจ้าสำนักคลื่นหยกต้องใช้สมบัติที่สะสมมาทั้งหมดจึงจะรวบรวมวัตถุดิบครบ แต่เขาไม่มีเงินจ่ายค่าหลอมโอสถจริงๆ
เขาเจออุปสรรคในเมืองสรรพสิ่งมาครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะมาถึงฮูเหยียนชาง ราคาที่ฮูเหยียนชางต้องการเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจ่ายได้ นั่นก็คือหญ้าน้ำค้างสวรรค์
คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เวลาผ่านมาหนึ่งปีแล้วฮูเหยียนชางเหมือนจะหมดความสนใจในหญ้าน้ำค้างสวรรค์ เขาโยนหญ้าน้ำค้างสวรรค์กลับลงกล่องหยกอย่างไม่ใยดีและถามอีกครั้งว่า “ลูกสาวเจ้าชื่อต่งเสี่ยวอวี้สินะ? โอสถชำระร่างนี้ก็หลอมเพื่อนาง เหตุใดไม่พานางมาด้วยกัน”
ฮูเหยียนชางลูบคาง เจ้าสำนักคลื่นหยกเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของฮูเหยียนชาง ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมาลูกสาวมาด้วยกันสักครั้ง
“ท่านปรมาจารย์ฮูเหยียน บุตรสาวข้าร่างกายอ่อนแอ ไม่สะดวกที่จะออกจากบ้าน ข้าจึงมาขอร้องให้ท่านช่วยลงมือหลอมโอสถชำระร่างเพื่อช่วยนาง” เจ้าสำนักคลื่นหยกพูดอย่างนอบน้อมจริงใจ
ฮูเหยียนชางหัวเราะ “ร่างกายอ่อนแอหรือ ไม่สะดวกที่จะออกจากบ้านหรือ? ข้าได้ยินว่านางแค่ระดับยุทธ์หยุดชะงัก ไม่ว่าจะฝึกอย่างไรก็ไม่อาจพัฒนาพลังปราณ ด้านอื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบ จะไม่อาจออกจากบ้านได้อย่างไร?”
“ขอร้องให้ข้าหลอมโอสถแต่เจ้าตัวกลับไม่มาเอง แบบนี้จะดูไม่มีความจริงใจเกินไปหน่อยกระมัง เจ้าไปพานางมา ข้าจะตรวจสอบร่างกายจับชีพจรให้ เช่นนี้จะได้ใช้โอสถที่เหมาะสม”
สีหน้าเจ้าสำนักคลื่นหยกเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินฮูเหยียนชางพูดเช่นนี้ “ท่านปรมาจารย์โอสถไม่ใช่หมอ เหตุใดจึงต้องจับชีพจร?”
“หืม? เจ้าสงสัยข้าหรือ?” ฮูเหยียนชางขมวดคิ้ว เดิมทีวันนี้เขาก็อารมณ์ไม่ดีเพราะหลอมโอสถพังไปหม้อหนึ่ง อยากเจอต่งเสี่ยวอวี้ หากเป็นไปได้ก็จะใช้การหลอมโอสถมาข่มขู่เพื่อเอาเปรียบ อนาคตก็ให้โอสถแก่นางเพื่อจัดการทีละขั้น เรื่องนี้จะช่วยชะลอกำลังจิตวิญญาณที่เสื่อมโทรมลงของเขาเช่นกัน
คิดไม่ถึงว่าเจ้าเฒ่าต่งนี่จะโง่เขลาเพียงนี้ มันทำให้อารมณ์เขายิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“เอาสมุนไพรมาแค่ต้นเดียวก็คิดจะให้ข้าช่วยหลอมโอสถชำระร่าง เพ้อฝันจริงๆ! พาลูกสาวเจ้ามาเมื่อไรข้าก็จะคิดเรื่องที่จะหลอมโอสถให้เมื่อนั้น” ฮูเหยียนชางพูดอย่างรำคาญใจด้วยสีหน้าเย็นชา
ใจของเจ้าสำนักคลื่นหยกเดือดดาลขึ้นมา ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนบอกเองว่าต้องการหญ้าน้ำค้างสวรรค์ แต่ตอนนี้กลับจะไม่เอาแล้ว?
หนึ่งปีมานี้เขาตามหาไปทั่วเจ็ดแปดแดนสวรรค์เพื่อหญ้าน้ำค้างสวรรค์ต้นนี้ ไม่พูดถึงเรื่องที่ใช้สมบัติที่เหลือไปจนหมด แต่เขายังไปยืมเงินคนอื่น ตอนนี้ฮูเหยียนชางกลับกลับคำ หญ้าน้ำค้างสวรรค์ของเขาต้นนี้กลายเป็นของไร้ประโยชน์ เพราะแม้มันจะเป็นของหายากแต่มีประโยชน์น้อยเกินไป แทบจะไม่มีปรมาจารย์โอสถคนใดต้องการ
ไม่ใช่แค่นั้น อายุของฮูเหยียนชางก็มากกว่าตัวเจ้าสำนักต่งด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ถามถึงบุตรสาวที่อายุน้อยของเขา พูดคำน่ารังเกียจต่อหน้าเขาผู้เป็นบิดา จะทำกันเกินไปแล้ว!
เจ้าสำนักต่งโมโหจนใจสั่น แต่ฮูเหยียนชางกลับทำแค่เหลือบตามองแวบหนึ่งแล้วพูดยิ้มเยาะว่า “ทำไม เจ้าคิดจะลงมือกับข้าหรือ? ก็แค่อรหันต์ครึ่งก้าวที่ข้ามผ่านระดับเพราะโอสถ เบื้องหลังก็มีแค่สำนักเล็กๆ สำนักเจ้าไม่ได้อยู่ในเมืองสรรพสิ่ง ไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฎของเมือง ระวังจะโดนทำลายเสียล่ะ!”
ฮูเหยียนชางไม่กลัว ริมฝีปากเจ้าสำนักคลื่นหยกสั่นเทา สีหน้าซีดขาวแต่กลับทำอะไรไม่ได้ สำนักคลื่นหยกของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโรงโอสถฟ้าประทานแม้แต่น้อย
เจ้าสำนักต่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง หมัดที่กำแน่นค่อยๆ คลายออก
ทุกอย่างในโลกล้วนเป็นเช่นนี้ เป็นผู้อ่อนแอก็ต้องถูกรังแก เขาทำได้แค่อดทน
เจ้าสำนักต่งหมุนตัวเดินจากไป ฮูเหยียนชางส่งเสียงเย็นๆ แล้วจงใจพูดกับเจ้าของร้านที่อยู่ด้านข้างเสียงดังว่า “ไปบอกโรงโอสถอื่นๆ ใครก็ตามที่หลอมโอสถให้เขาจะเท่ากับเป็นศัตรูกับข้า”
เขาพูดประโยคนี้ให้เจ้าสำนักต่งฟังโดยเฉพาะ ฝีเท้าเจ้าสำนักต่งชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังคงเดินออกจากโรงโอสถฟ้าประทาน
ฮูเหยียนชางขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าสำนักต่งก็ยังไม่จำยอม ยิ่งเขาแก่ตัวลงก็ยิ่งมีนิสัยบิดเบี้ยว เขายิ่งดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้ควบคุมชะตาชีวิตคนอื่นเพราะตำแหน่งและพลังที่มี
และเขาก็สนใจในต่งเสี่ยวอวี้จริงๆ การได้ร่วมเสพสมกับหญิงชั้นยอดเช่นนี้มีประโยชน์ต่อการชะลอความแก่ของเขาอย่างใหญ่หลวง
“ท่านปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ข้าจะทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้ขอรับ” เจ้าของตอบกลับ ขณะที่เขากำลังจะไปประกาศเรื่องนี้ให้โรงโอสถอื่นๆ ทราบก็เห็นว่าแววตาฮูเหยียนชางแข็งทื่อขึ้นมา สีหน้าก็ดูไม่น่ามองมาก
“ท่านปรมาจารย์โอสถ…เป็นอะไรไปหรือขอรับ?”
“ดี กล้ามากจริงๆ”
ฮูเหยียนชางลุกขึ้นยืน แววตามีไฟแห่งความโกรธ
เมื่อครู่นี้จิตของเขาคอยติดตามเจ้าสำนักต่งอยู่ตลอด เขาเห็นกับตาว่าหลังจากที่เจ้าสำนักคลื่นหยกเลี้ยวไปที่มุมถนนก็มาถึงหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง เขาลังเลอยู่หน้าร้านแห่งนี้เล็กน้อยแล้วกัดฟันเดินเข้าไป
บนป้ายร้านนี้มีอักษรตัวใหญ่เขียนไว้สามคำ…ห้องหออวิ๋นซิน!
……………………………………