True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1135 รักษา
‘คราวนี้เสียเอ๋อร์จะได้รอดแล้ว’ อี้อวิ๋นพลิกฝ่ามือเก็บรากคืนวิญญาณลงสู่แหวนมิติ
“ท่านผู้อาวุโส” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างอดไม่ได้ เวลานี้เขาเป็นกังวลเล็กน้อย
ตอนนี้อี้อวิ๋นได้รากคืนวิญญาณมาแล้ว หากเขาจะหนีไปก็ไม่มีใครห้ามได้
แม้อี้อวิ๋นจะดูไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงการอยู่รอดของสำนัก ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ไม่อาจวางใจ
หรูเอ๋อร์เองก็มองอี้อวิ๋นอย่างเป็นกังวล นางอยากรู้ว่าท่านพ่อของนางจะฟื้นภายใต้การรักษาของอี้อวิ๋นได้จริงหรือไม่
อี้อวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ความจริงบาดแผลบนตัวเจ้าสำนักของพวกเจ้าไม่ได้รุนแรง แต่จุดตันเถียนในร่างถูกผนึก พลังปราณไม่อาจไหลเวียน ดังนั้นลำพังแค่วางรากคืนวิญญาณไว้บนร่างเขาอย่างเดียวก็ทำได้แค่รักษาชีวิต ไม่อาจรักษาเขาได้”
คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะมองอาการของท่านเจ้าสำนักออกในแวบเดียว ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ท่านผู้อาวุโสพูดเช่นนี้ก็คงมีวิธีรักษาใช่ไหมขอรับ?”
“คงจะใช่…” อี้อวิ๋นพยักหน้า “ข้าอ่านเทียบโอสถเทียบหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าไม่เคยหลอมโอสถ แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหา”
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่และศิษย์สำนักหม้อชาดที่อยู่ที่นี่ต่างเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ยินอี้อวิ๋นพูดเช่นนี้
นี่…อ่านเทียบโอสถแค่ผ่านๆ ตา จะไม่มีปัญหาจริงหรือ?
“หาห้องเงียบๆ ให้ข้า หากไม่มีคำสั่งจากข้าก็ห้ามรบกวนเด็ดขาด ถ้าต้องการอะไรข้าจะบอกให้รู้เอง” อี้อวิ๋นพูด
“ขอรับๆ เรื่องนี้แน่นอน” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รีบตอบ
ตอนนี้สำนักหม้อชาดเหลือคนอยู่ไม่มาก ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่จึงถือโอกาสมอบพื้นที่ส่วนลึกของหุบเขาที่มีลานบ้านสองสามลานให้อี้อวิ๋นอยู่คนเดียว
ศิษย์คนอื่นๆ ถูกเขาสั่งอย่างเคร่งครัดว่าห้ามเข้าใกล้
อี้อวิ๋นเข้าพักในลานบ้านแห่งหนึ่ง ส่วนอีกลานก็ถูกเขาสร้างค่ายกลเล็กๆ เอาไว้แล้ววางหม้อโอสถ
หุบเขานี้มีเมฆหมอกวนเวียนทั้งปี ป่าไผ่เขียวชอุ่ม เมื่ออี้อวิ๋นเข้าพักในหุบเขาก็เริ่มศึกษาคัมภีร์ของเทพโอสถเป็นอย่างแรก
แม้เขาจะท่องคัมภีร์เหล่านี้ได้ไหลลื่นเหมือนสายน้ำ แต่วิชาโอสถที่บันทึกไว้ภายในซับซ้อนเกินไป หากจะให้เข้าใจทั้งหมดก็เป็นภาระที่หนักอึ้ง
อี้อวิ๋นนั่งอยู่กลางป่าไผ่ ถ้วยชาวางอยู่ในมือ สายลมพัดเบาๆ ใบไม้ส่งเสียงซ่าๆ ฟังแล้วให้ความรู้สึกสบายใจมาก
คนจากสำนักหม้อชาดออกไปหมดแล้ว ประตูสำนักปิดสนิทจึงเงียบสงบมาก ไม่มีความขัดแย้งอะไร
จอมยุทธ์มีอายุขัยยืนยาว แต่เส้นทางแห่งยุทธ์กลับเต็มไปอันตรายแสนสาหัส มีน้อยมากที่อี้อวิ๋นจะมีวันเวลาสุขสงบเช่นนี้
หลังจากที่อ่านบันทึกของเทพโอสถได้ครึ่งเดือน อี้อวิ๋นก็รู้สึกว่าใจตัวเองค่อยๆ สงบลง
ในบันทึกของเทพโอสถบอกไว้ว่าหลอมโอสถเหมือนหลอมเทพ อย่างแรกคือต้องให้ใจตัวเองสว่างไสว โอสถที่หลอมจึงจะไม่มีสิ่งเจือปนและเป็นโอสถที่บริสุทธิ์จนน่าตกใจ
อี้อวิ๋นนำวัตถุดิบส่วนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ ก่อนที่เขาจะออกจากแดนสวรรค์กลาง จีสุ่ยเยียนได้ใช้ร้านความลับเทพมารวบรวมวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมากแล้วส่งมาที่สำนักกระบี่สระใสให้อี้อวิ๋น สมุนไพรเหล่านี้มีคุณภาพหลากหลาย เพียงพอให้อี้อวิ๋นหลอมโอสถสำหรับเจ้าสำนักหม้อชาด
หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบเสร็จ เงาร่างอี้อวิ๋นก็กระพริบมายังลานบ้านที่วางหม้อโอสถพร้อมกับกล่องสมุนไพร
ลานบ้านนี้มีค่ายกลที่อี้อวิ๋นวางไว้ก่อนหน้านี้ ครึ่งเดือนมานี้มันคอยรวบรวมพลังวิญญาณในหุบเขาไม่หยุดจนกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็ก
ตูม!
ฝาหม้อลอยออก แววตาอี้อวิ๋นนิ่งสงบเหมือนน้ำ เขานำสมุนไพรใส่ลงหม้อไปทีละอย่าง
“เพลิงมา” อี้อวิ๋นยื่นมือออกไปโบก ไฟหยางบริสุทธิ์ลูกหนึ่งปรากฏและห่อหุ้มหม้อโอสถในชั่วพริบตา
ส่วนสำคัญที่สุดในการหลอมโอสถคือการดึงพลังโอสถและหลอมกฎให้เป็นเม็ด อี้อวิ๋นมีผลึกม่วงสำหรับด้านนี้ ดึงพลังโอสถได้ง่ายเหมือนกินข้าว ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องใช้เพลิงก็ทำสำเร็จได้ ส่วนเรื่องที่จะใช้เชื้อเพลิงเทพมารมาหลอมโอสถระดับต่ำเช่นนี้ก็เกินกว่าเหตุ ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย
การหลอมโอสถเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความจดจ่อและเวลามาก ด้วยเหตุนี้เทพโอสถจึงบอกว่าหลอมโอสถเหมือนหลอมเทพ
แต่พลังวิญญาณของอี้อวิ๋นแข็งแกร่งมาก เขาทำได้อย่างไม่มีความยากแม้แต่น้อย
อี้อวิ๋นยืนอยู่หน้าหม้อโอสถ เขาควบคุมไฟหยางบริสุทธิ์ไปด้วย คอยส่งสมุนไพรใหม่ๆ เข้าสู่หม้อโอสถตามการเปลี่ยนแปลงในหม้อไปด้วย…
เวลาผ่านไปแล้วสิบวันอย่างไม่รู้ตัว
ตูม!
เสียงดังสนั่นที่ดังขึ้นกลางหุบเขาของสำนักหม้อชาดอย่างฉับพลันจนศิษย์ทุกคนตกใจ
เมื่อพวกชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รุดหน้ามาถึงที่พักของอี้อวิ๋นก็เห็นว่าเงาร่างอี้อวิ๋นกระพริบออกจากลานกว้างไป บนร่างเหมือนมีควันสีฟ้า
อี้อวิ๋นมองลานบ้านที่มีควันขโมง มุมปากยกยิ้มขึ้น “เป็นปัญหาที่คิดไว้ก่อนหน้านี้จริงๆ ด้วย…”
อี้อวิ๋นพูดพึมพำกับตัวเอง พวกชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหรูเอ๋อร์ต่างเป็นกังวล พวกเขาเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้วก็คิดว่าคงหลอมโอสถล้มเหลว
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ถอนหายใจ อย่างไรนี่ก็เป็นโอสถที่ท่านผู้อาวุโสไม่เคยหลอมมาก่อน หากจะล้มเหลวก็เป็นเรื่องปกติ เขากลัวแต่ว่าท่านผู้อาวุโสจะค่อยๆ หมดความอดทน ไม่รู้ว่าจะยอมแพ้หรือเปล่า
“ลำบากท่านผู้อาวุโสแล้ว เดิมทีโอสถฟื้นฟูวิญญาณก็หลอมยากมากอยู่แล้ว ทั้งยังต้องใช้กำลังจิต…”
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เพิ่งพูดจบก็เห็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งมาหาพวกเขา
แสงสีขาวนี้ร่วงลงในมือหรูเอ๋อร์ เมื่อหรูเอ๋อร์มองดูให้ชัดก็พบว่าเป็นขวดโอสถสีขาว
“เมื่อครู่ข้าลองหลอมโอสถอีกประเภทแต่ล้มเหลว แต่โอสถของพวกเจ้าข้าหลอมเสร็จแล้ว เอาไปให้เจ้าสำนักของพวกเจ้ากินเถอะ ข้าจะหลอมโอสถต่อ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
อี้อวิ๋นพูดจบก็พุ่งตัวกลับไปยังลานบ้านเหมือนควันสีฟ้าสายหนึ่ง
เขาเจอสาเหตุของความล้มเหลวและอยากลองดูใหม่เดี๋ยวนี้
พวกชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่อยู่นอกลานต่างยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มองขวดโอสถในมือหรูเอ๋อร์แล้วกลืนน้ำลาย
โอสถประเภทอื่น? โอสถของเจ้าสำนักหลอมเสร็จในกระบวนการนี้?
น่าขันที่เมื่อครู่เขาคิดจะปลอบใจท่านผู้อาวุโส…
“หรูเอ๋อร์ เร็วเข้า เอาโอสถไปช่วยท่านเจ้าสำนัก!” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ได้สติอย่างฉับพลัน อี้อวิ๋นมอบโอสถนี้ให้อย่างไม่ใส่ใจ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตอบสนองไม่ทันในตอนแรก นี่คือโอสถช่วยชีวิตท่านเจ้าสำนักเชียวนะ!
“เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว!” หรูเอ๋อร์กำขวดโอสถไว้แน่นมือ แม้โอสถจะบรรจุไว้ในขวดแต่ก็มีกลิ่นหอมของโอสถที่น่าหลงใหลส่งออกมา
พวกเขามาถึงห้องลับที่ปกป้องท่านเจ้าสำนักอย่างรวดเร็ว
หรูเอ๋อร์เปิดขวดโอสถออก ทันใดนั้นโอสถสีขาวเหมือนหยกเม็ดหนึ่งก็กลิ้งออกมาอยู่กลางมือนาง
“ท่านพ่อ…” หรูเอ๋อร์ป้อนโอสถเม็ดนี้เข้าสู่ปากชายวัยกลางคนอย่างระมัดระวัง
ทุกคนมองภาพนี้อย่างประหม่า โอสถเม็ดนี้คือสิ่งที่จะตัดสินความเป็นความตายของเจ้าสำนัก ทั้งยังตัดสินชะตากรรมสำนักหม้อชาดของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ทุกคนกลั้นหายใจมองอย่างจดจ่อ ในห้องเงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก
“ทุกคนไม่ต้องตื่นเต้นเกินไป การฟื้นฟูวิญญาณต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เจ้าสำนักก็หลับใหลมานานถึงสิบปี พวกเราร้อนใจไปก็ไร้ประโยชน์ รออย่างช้าๆ เถอะ”
ขณะที่ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กำลังพูด ในตอนนี้เองที่ชายวัยกลางคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงก็ตัวสั่นขึ้นอย่างฉับพลัน จากนั้นนิ้วมือก็ค่อยๆ งอ
“แค่กๆ!”
ชายวัยกลางคนยังคงหลับตา ทว่าลำคอเขากลับมีเสียงไอต่ำๆ ส่งออกมา ความรู้สึกนี้ก็เหมือนคนที่ไม่หายใจมานานแล้วมาหายใจอย่างฉับพลันจึงทำให้ปอดไม่คุ้นชิน
“นี่…”
ศิษย์สำนักหม้อชาดที่อยู่ที่นี่ต่างใจเต้นผิดหวัง ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของชายวัยกลางคนเกี่ยวพันถึงใจพวกเขา
“ข้าเป็นอะไรไปหรือ…เกิดอะไรขึ้น…”
ร่างของชายวัยกลางคนสั่นเบาๆ จุดตันเถียนที่ถูกผนึกเกิดรอยแยกเล็กๆ มากมาย พลังปราณไหลสายไหลบ่าเข้าสู่เส้นลมปราณเหมือนสายน้ำ
เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตากวาดมองทุกคนอย่างงุนงง เสียงเขาฟังเหมือนกำลังละเมอ เขารู้สึกว่าตัวเองประหนึ่งหลับฝันมานาน ไม่รู้ว่าฝันนี้ผ่านมานานแค่ไหน…
ตอนนี้หรูเอ๋อร์มีน้ำตานองหน้า
“ท่านพ่อ!”
หรูเอ๋อร์พุ่งตัวเข้าสู่อ้อมอกชายวัยกลางคนดั่งสายลม
“ท่านเจ้าสำนักฟื้นแล้ว!”
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เอามือเช็ดดวงตาที่แดงก่ำเช่นกัน สิบปีมาแล้ว สำนักหม้อชาดอยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่น ภาระอันหนักอึ้งตกอยู่บนบ่าเขา เขาแบกรับอะไรไว้หลายอย่างจริงๆ เรียกได้ว่าโอสถเม็ดนี้ช่วยชีวิตทุกคนในสำนักหม้อชาด
…………………………………………………………