True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1127 จัดเตรียมไว้พร้อม
ตั้งแต่ที่อี้อวิ๋นได้ยินชื่อแดนสวรรค์สรรพสิ่งก็อยากไปเยือนสักครั้งแล้ว
ใน ‘เจ๋อเทียนจี้’ ของเทพโอสถมีบันทึกเกี่ยวกับที่นี่ ทั้งยังเคยไปที่แดนสวรรค์ด้วยตัวเองหลายครั้ง นั่นเป็นเพราะแดนสวรรค์สรรพสิ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ภายในมีจุดเชื่อมมิติตามธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับแดนสวรรค์หลายแห่งในโลกสวรรค์เทพหยาง เรียกได้ว่าเดินทางไปทั่วทุกสารทิศได้อย่างสะดวก!
เงื่อนไขทางสภาพแวดล้อมที่เป็นใจนี้ทำให้แดนสวรรค์สรรพสิ่งกลายเป็นที่ซื้อขายสมบัติที่ใหญ่ที่สุดของโลกสวรรค์เทพหยาง คำว่า ‘สรรพสิ่ง’ ที่อยู่ในชื่อก็มาด้วยเหตุนี้
เปรียบเทียบกันแล้วแดนสวรรค์กลางก็เป็นแค่หนึ่งในแดนสวรรค์อันมากมายของโลกสวรรค์เทพหยาง
“ท่านผู้อาวุโสเชิญจัดการทุกสิ่งได้ตามสบาย เช่นนั้นพวกข้าจะรอท่านอยู่ที่ไหนดี?” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดอย่างเคารพนบนอบ เขาย่อมไม่กล้ามีข้อคิดเห็นขัดแย้งต่อการจัดการของอี้อวิ๋น
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แล้วกัน”
อี้อวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ คนจากสำนักหม้อชาดตกใจเบาๆ เมื่อได้ยิน ที่นี่มีพิษร้อนไหลบ่า พวกเขาจะรอได้อย่างไร?
“ข้าไม่ได้ไม่เชื่อพวกเจ้า แต่ไม้เลี้ยงวิญญาณสำคัญกับข้ามากจริงๆ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดแล้วพวกเจ้าจงอยู่ที่นี่จนกว่าข้าจะกลับมา ห้ามไปที่ไหนทั้งนั้น อีกเรื่องคือข้าจะตีตราติดตามไว้บนร่างพวกเจ้า เช่นนั้นต่อให้เกิดอะไรจริงๆ ข้าก็จะรู้ตำแหน่ง”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็ดีดนิ้ว ชิ้นส่วนกฎรวมตัวบนปลายนิ้วแล้วกลายเป็นกงล้อสีเทาวงเล็กๆ
นี่คือตราประทับที่เกิดจากแนวคิดแห่งการทำลายล้างของอี้อวิ๋น จากทำลายได้ก็ต่อเมื่อมีพลังเหนือกว่าอี้อวิ๋นไปไกล
กงล้อขนาดเล็กเจ็ดแปดวงบินเข้าสู่ร่างศิษย์สำนักหม้อชาดทุกคน
จากนั้นอี้อวิ๋นก็โบกมือโคจรกฎแห่งมิติเวลา มิติร้อยจั้งรอบด้านถูกเกิดการบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง มันกลายเป็นมิติที่เป็นเหมือนไข่ใบยักษ์และห่อหุ้มทุกคนไว้ภายใน
ตูม!
พื้นดินใต้เท้าแยกออกแล้วม้วนตัวขึ้นเป็นกำแพงผนึกมิตินี้ มันห่อหุ้มทุกคนให้ตกลงสู่ใต้ดินลึกอย่างรวดเร็ว
ศิษย์สำนักหม้อชาดทุกคนมีสีหน้าตื่นกลัวเมื่อเห็นพื้นดินแยกตัวไม่หยุดและกำแพงมิติโถมลงด้านล่างด้วยความเร็ว
ในที่สุดกำแพงมิติก็หยุดลงกลังจากที่ผ่านไปร้อยอึดใจเต็มๆ
จากนั้นอี้อวิ๋นก็ยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้น ดินที่อยู่ในกำแพงมิติถูกเขาขุดเจาะไม่หยุดจนกลายเป็นทางเดินและบ้านหิน เพียงไม่นานก็เกิดเป็นพระราชวังใต้ดินขนาดเล็ก
อี้อวิ๋นไม่ค่อยเชื่อใจคนจากสำนักหม้อชาด ไม่อยากให้พวกเขาเข้าเจดีย์เทพจุติ เขาจึงเลือกใช้วิธีที่ยุ่งยากนี้มาสร้างเมืองไว้ใต้ดินลึก ทั้งยังมีกำแพงมิติคอยผนึก ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกคนอื่นเจอจึงแทบเป็นศูนย์ ปลอดภัยแน่นอน
แต่แน่นอนว่าหากไม่มีอี้อวิ๋น พวกเขาก็ออกไปไม่ได้
ศิษย์สำนักหม้อชาดบางคนกังวลเมื่อตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ หากอี้อวิ๋นผิดสัญญา เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกขังที่นี่จนตายหรือ? อยู่ในโลกใต้ดินลึกก็ไม่ต่างอะไรกับฝังทั้งเป็น
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แหละ อย่างเร็วก็ครึ่งปี อย่างช้าก็หลายปี ข้าจะกลับมาหาพวกเจ้า”
อย่างช้าก็หลายปี?
ศิษย์สำนักหม้อชาดรู้สึกขมขื่นในใจ แม้ที่นี่จะกว้างขวางพอให้พวกเขาอยู่ แต่การอยู่ที่นี่หลายปีโดยไม่มีอะไรทำก็เป็นเรื่องที่น่าทำให้สติแตก
แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าตั้งคำถามกับการจัดการของอี้อวิ๋น ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
ในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นลูบมือไปที่แหวนมิติ หีบสามใบบินออกมา
ตุบ!
ฝาหีบเปิดออก หีบใบแรกเป็นพวกแผ่นหยกและม้วนคัมภีร์ หีบใบที่สองเป็นขวดโอสถและกล่องหยกที่บรรจุไว้ซึ่งโอสถธาตุกระดูก ใบสุดท้ายเป็นอาวุธของวิเศษต่างๆ
หลายปีมานี้อี้อวิ๋นฆ่าคนมาเยอะมาก สมบัติที่อยู่ในแหวนมิติของจอมยุทธ์ที่ตายเหล่านี้อี้อวิ๋นก็จะริบมาเช่นกัน เขามีวิชา โอสถและอาวุธที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขาจำนวนมา
สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่ออี้อวิ๋นแม้แต่น้อย
เขานำหีบสามใบออกมาอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดกับศิษย์สำนักหม้อชาดว่า “พวกเจ้านำโอสถเหล่านี้ไปกินเถอะ วิชากับอาวุธพวกนี้ก็เลือกฝึกตามสบาย ข้าไปก่อนล่ะ!”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็กระพริยร่างหายไปจากกำแพงมิติ
ศิษย์สำนักหม้อชาดที่เหลืออยู่มองหน้ากันไปมา หรูเอ๋อร์เดินออกไปนำขวดโอสถใบหนึ่งออกมาจากหีบโอสถหลังจากที่เวลาผ่านไปอยู่นาน
เมื่อเปิดขวดออกก็มีโอสถสีเขียวสองสามเม็ดกลิ้งออกมาอย่างซุกซน กลิ่นหอมอันรันจวนใจทำให้หรูเอ๋อร์รู้สึกร่างเบาหวิว นี่มันธาตุกระดูกผลวิถีไม่ใช่หรือ?
ธาตุกระดูกผลวิถีที่ทำให้จอมยุทธ์ระดับทะยานฟ้าเข้าสู่ระดับรวมวิถีและใช้เพื่อรวมผลวิถี…
หรูเอ๋อร์ตกตะลึงแล้วรีบดูอย่างอื่นต่อ
“ท่านอาจารย์ทั้งสอง พวกท่านรีบมาดูเร็วเจ้าค่ะ ทั้งโอสถทั้งอาวุธพวกนี้…”
คนจากสำนักหม้อชาดล้อมเข้ามาดูทันที
เมื่อดูแล้วก็ต้องตกตะลึงจริงๆ
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ไม่ได้พูดโกหก สำนักหม้อชาดยากจนมากจริงๆ พวกเขาที่เป็นศิษย์ออกมาฝึกฝนก็เพื่อตามหาทรัพยากรและสมบัติ
สิบปีมานี้ศิษย์สำนักหม้อชาดต้องฝึกอย่างเสี่ยงภัยแต่ก็มีผลลัพธ์น้อยนิด ทว่าผู้อาวุโสท่านนี้กลับมอบวัตถุไว้ให้มากมายอย่างไม่ใส่ใจ
คิดดูอย่างละเอียดแล้วสิบปีมานี้ศิษย์สำนักหม้อชาดเจออันตรายมานับไม่ถ้วน มีศิษย์ที่ต้องล้มตายเช่นกัน แต่เมื่อนับรวมวัตถุทั้งหมดที่ได้มาแล้วก็มีค่าแค่หนึ่งในไม่กี่ส่วนของวัตถุในหีบเหล่านี้…
หรูเอ๋อร์มีความรู้สึกซับซ้อนมาก พวกเขาห่างชั้นกับผู้อาวุโสท่านนี้มากเกินไปจริงๆ
“พวกเราใช้ของพวกนี้ได้ตามสบายจริงๆ หรือ?” หรูเอ๋อร์ลูบธาตุกระดูกผลวิถีขวดนี้อย่างอาลัยอาวรณ์ โอสถประเภทนี้มีประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ์ในอนาคตของนางมาก แต่หากจะให้ใช้ก็รู้สึกฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อย
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มองแววตาที่เป็นประกายของบรรดาศิษย์แล้วก็ขยับลำคอก่อนที่จะพูดว่า “ในเมื่อท่านผู้อาวุโสนำออกมาก็หมายความว่าของพวกนี้ไม่นับเป็นอะไรสำหรับเขา…พวกเราก็ใช้กันเถอะ”
……
ตูม! อี้อวิ๋นพุ่งออกจากใต้ดิน!
ก่อนหน้านี้หลิงเสียเอ๋อร์ถูกอี้อวิ๋นเก็บเข้าเจดีย์เทพจุติแล้ว แม้หนึ่งปีมานี้นางจะยังไม่ได้สติ แต่สภาวะด้านวิญญาณก็เสถียรมานานแล้ว รับมือกับมิติที่บิดเบี้ยวของค่ายกลส่งข้ามได้อยู่
หลังจากที่อี้อวิ๋นปรากฎตัว ในรัศมีร้อยลี้รอบๆ ก็มีจอมยุทธ์จำนวนหนึ่งตามหาสมบัติอยู่
ทว่าพวกเขายังไม่ทันมาถึงก็เห็นเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งไปที่เส้นขอบฟ้า เพียงพริบตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่รู้ว่าเป็นผู้อาวุโสคนไหน…”
จอมยุทธ์เหล่านี้พากันหยุดฝีเท้าลง ผู้อาวุโสประเภทนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะมีเรื่องด้วยได้
อี้อวิ๋นมุ่งตรงมาถึงค่ายกลส่งข้ามของเมืองแสงหยก องครักษ์ที่ดูแลค่ายกลรู้สึกถึงลมสีเทาที่พัดเข้าสู่ค่ายกลส่งข้ามอย่างฉับพลัน พวกเขาตื่นตกใจ ทว่ายังไม่ทันทำอะไรก็พบว่าค่ายกลเกิดการโคจรเองขึ้นมา จากนั้นก็มีลำแสงกระพริบ สายลมสีเทาหายไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น เหมือนว่าเมื่อครู่นี้ค่ายกลส่งข้ามจะถูกใช้งานนะ?”
เหล่าองครักษ์ที่ดูแลค่ายกลส่งข้ามรู้สึกไม่เข้าใจ และตอนนี้อี้อวิ๋นก็มาถึงยังพื้นที่ที่ห่างออกมาหลายหมื่นลี้
หลังจากที่เขาออกจากค่ายกลส่งข้ามก็ใช้วิชาท่าร่างก็บินอย่างรวดเร็ว เขามาถึงจุดเชื่อมมิติตามความทรงจำตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อข้ามผ่านจุดเชื่อมมิตินี้เขาก็จะพุ่งผ่านระยะทางหลายแสนลี้ไปถึงมิติภายในสำนักกระบี่สระใส
……………………………………………………………………………………………..