True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1122
อี้อวิ๋นเดินไปหาหลิ่วหรูอี้ช้าๆ ฝีเท้าเขาเป็นดังกลองเร่งชีวิตในสายตาหลิ่วหรูอี้
เซี่ยว!
ในร่างอี้อวิ๋นมีเสียงอีกาทองดังออกมา กระบี่หักในมือร้องอย่างกระหายเลือดเช่นกัน ปราณสังหารที่รวมตัวหนาแน่นทำให้หลิ่วหรูอี้หายใจไม่ออก
“ช้าก่อน!” หลิ่วหรูอี้ร้องขึ้นอย่างฉับพลัน “อี้อวิ๋น เจ้ากับข้าต้องสู้ตัดสินเป็นตายเท่านั้นหรือ? ในฐานะที่ข้าเป็นรองประมุขของวังวิถีเจ็ดดาราก็ใช่ว่าจะไม่วิธีทุ่มชีวิต แต่วิธีเช่นนั้นจะทำให้แก่นโลหิตข้าเสียหายอย่างหนักหรืออาจถึงขั้นต้นกำเนิดเสียหาย ข้าไม่อยากใช้นัก แต่หากเจ้าบีบข้าถึงทางตัน เช่นนั้นข้าคงต้องใช้”
สีหน้าอี้อวิ๋นไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ฝีเท้าก็ไม่หยุดลงแต่อย่างใด เขายังคงเดินเข้าใกล้หลิ่วหรูอี้ช้าๆ
หลิ่วหรูอี้ยากที่จะปิดบังความกลัวในแววตา นางรีบพูดว่า “อี้อวิ๋น พวกเราเจรจากันได้ วังวิถีเจ็ดดาราของข้ามีมรดกลึกล้ำ หากเจ้าปล่อยข้าไปสักครั้ง เช่นนั้นข้าก็จะให้เรื่องในอดีตแล้วกันไป ทั้งยังจะมอบโอสถชั้นดีและคู่หลับนอนที่งดงามให้เจ้าเลือกตามใจชอบ แต่หากเจ้าฆ่าข้า เช่นนั้นวังวิถีเจ็ดดาราก็จะแก้แค้นให้ข้าแน่นอน พวกเขาไม่เพียงแต่จะฆ่าเจ้า แต่ยังจะสังหารทุกคนในสำนักกระบี่สระใส”
หลิ่วหรูอี้ยกเรื่องสำนักกระบี่สระใสมาพูด ทว่าอี้อวิ๋นกลับไม่หวั่นไหว หัวใจกระบี่รวมตัวในร่าง พลังพุ่งถึงขีดสุด
หลิ่วหรูอี้ลนลานมาก ทันใดนั้นนางก็มองไปทางหลิงเสียเอ๋อร์แล้วพูดว่า “อี้อวิ๋น เจ้าอยากช่วยเด็กหญิงคนนั้นไม่ใช่หรือ? แม้ตอนนี้นางจะใกล้แตกสลายแต่ข้าก็มีวิชาลับเลี้ยงวิญญาณที่ช่วยรักษาจิตนางได้ อย่างน้อยก็รักษาให้อยู่ได้สองสามแสนปี”
หากหลิ่วหรูอี้ไม่พูดถึงหลิงเสียเอ๋อร์ก็คงดี จิตสังหารทั่วร่างอี้อวิ๋นปะทุออกเหมือนภูเขาไฟระเบิดเมื่อนางพูดถึงหลิงเสียเอ๋อร์ ลำแสงกระบี่ส่งเสียงพร้อมแทงไปที่หลิ่วหรูอี้
“ตายซะ!” อี้อวิ๋นคำราม
ขอความเมตตา เอาผลประโยชน์มาล่อ ทั้งยังนำหลิงเสียเอ๋อร์มาต่อรอง ทั้งหมดล้วนเสียแรงเปล่า ยังไงอี้อวิ๋นก็จะฆ่าหลิ่วหรูอี้!
“ข้าจะเสี่ยงตายกับเจ้า!” หลิ่วหรูอี้ร้องเสียงแหลม นางเผาแก่นโลหิตท่ามกลางความสิ้นหวังนี้ แส้เส้นยาวตวัดออกไป ท่ามกลางพลังอันน่ากลัวมีรอยแยกสีดำนับไม่ถ้วนปรากฏกลางอากาศ
กระบี่แห่งการสร้างและทำลายล้าง!
อี้อวิ๋นเองก็ทุ่มเททุกอย่างเช่นกัน ตอนนี้เขาเหลือพลังปราณไม่มาก ต้องใช้พลังเลือดลมเช่นกัน
กลางลำแสงกระบี่เต็มไปด้วยปราณโลหิต พลังแห่งกฎรวมตัวที่ปลายกระบี่ ตอนนี้หัวใจกระบี่ของเขาคือการฆ่า!
ตูม!
ทั้งตำหนักศิลากลายเป็นเศษหินนับไม่ถ้วนทันที!
ผู้อาวุโสจีถอยหลังหลายก้าว แม้จะมีกำแพงมิติกั้นแต่เขาก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ เขารีบใช้ปราณเกราะมาปกป้องหลิงเสียเอ๋อร์
การต่อสู้ของอี้อวิ๋นกับหลิ่วหรูอี้ทำให้ผืนดินอดที่จะสั่นสะเทือนไม่ได้ ลำแสงพลังอันจ้าตาเหมือนจะทะลุสิ่งกีดขวางทั้งหมด
กระทั่งเมื่อผ่านไปสิบชั่วอึดใจ เงาแส้กับลำแสงกระบี่ก็สงบลง พายุพลังสงบอย่างสมบูรณ์ ผู้อาวุโสจีเบิกตามองเข้าไปในมิติกักขังก็เห็นแค่อี้อวิ๋นที่ยืนอยู่ ตรงหน้าเขามีรอยกระบี่ขนาดยักษ์ปรากฏ รอยกระบี่นี้ทะลุผ่านพื้นดินใต้ดินไปหลายร้อยจั้ง กลางรอยกระบี่มีเปลวไฟแผดเผาผืนดิน แค่มองรอยกระบี่อันน่ากลัวนี้เพียงแวบเดียวก็ใจสั่นสะท้าน!
เมื่อเขามองไปที่กลางรอยกระบี่ก็เห็นเงาร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ คนผู้นี้มีโลหิตทั่วร่าง ชุดชาววังที่เคยงดงามและทรงผมอันประณีตกลับกลายมาเหมือนคนสติไม่ดี ดูแล้วสะบักสะบอมน่าเวทนา ใบหน้านางย่นเข้าด้วยกันเหมือนยายเฒ่าเพราะเผาแก่นโลหิต
กระบี่นี้ของอี้อวิ๋นมีกฎแห่งกาลเวลาและกฎแห่งการร่วงโรยแฝงอยู่ มันดูดเอาพลังชีวิตทั้งหมดของหลิ่วหรูอี้
หลิ่วหรูอี้มองอี้อวิ๋นด้วยรอยยิ้มน่าอนาถ “อี้อวิ๋น…วังวิถีเจ็ดดารา…จะฆ่าเจ้าแน่นอน จากนั้นก็สังหารสำนักกระบี่สระใสทั้งสำนัก…”
อี้อวิ๋นหัวเราะเยาะ “ไม่ต้องให้พวกเจ้าลำบากขนาดนั้น วันหน้าข้าจะไปวังวิถีเจ็ดดาราด้วยตัวเองแล้วฆ่าคนของพวกเจ้าไม่ให้เหลือ!”
ดวงตาหลิ่วหรูอี้เบิกกว้าง โลหิตสีดำไหลออกจากมุมปากอันแห้งผาก นางหมดลมหายใจอยู่ใต้ดินแห่งนี้
อี้อวิ๋นลดกระบี่ลง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ใบหน้ามีสีโลหิตอย่างผิดปกติ
เขาเผาแก่นโลหิตและสังหารคนติดต่อกันสามคน! นี่เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่งสำหรับอี้อวิ๋นที่เพิ่งเข้าระดับวังวิถีและยังไม่ตีระดับในมั่นคงดี
อี้อวิ๋นสงบลงหายใจลงแล้วเดินไปตรงหน้าพวกผู้อาวุโสจี เขามองหลิงเสียเอ๋อร์ที่หลับอยู่ในอ้อมอกซินเอ๋อร์กับเยวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่กลางปราณเกราะ
การต่อสู้มีมิติกั้นเอาไว้ คลื่นลูกหลงที่หลุดออกมามีผู้อาวุโสจีคอยต้าน ดวงตาหลิงเสียเอ๋อร์ปิดแน่นเหมือนกำลังหลับสบาย แต่ร่างกายนางโปร่งแสงเหมือนผ้าบางๆ ประหนึ่งว่าเป็นภาพลวงตา…
“ข้าฆ่าคนที่ทำร้ายเจ้าหมดแล้ว” อี้อวิ๋นพูดเสียงเบา
ตูม ตูม ตูม!
ทั้งโลกใต้ดินกำลังสั่นสะเทือน ก้อนหินคอยร่วงหล่นจากด้านบนไม่หยุด มิติกักขังเริ่มพังทลาย
อี้อวิ๋นเงยหน้ามองรอบด้านแล้วพูดว่า “ค่ายกลนี้จะพังแล้ว”
พลังของค่ายกลฟ้าดินหมดลงอย่างสมบูรณ์ การสั่นสะเทือนที่เกิดจากการพังทลายของค่ายกลจะทำให้โลกใต้ดินนี้ถูกกลบฝังอย่างสมบูรณ์ ถ้ำพำนักของเทพโอสถก็จะถูกฝังเช่นกัน
“โฮก!”
ท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่นมีเสียงคำรามของสิ่งมีชีวิตร่างคนดังปะปน
“พวกเจ้าเข้าไปในเจดีย์เถอะ ที่นี่อันตรายเกินไป” อี้อวิ๋นนำเจดีย์เทพจุติออกมา
“เช่นนั้นแม่นางคนนี้ล่ะ” ซินเอ๋อร์ถาม
หลิงเสียเอ๋อร์อ่อนแอเกินไป อ่อนแอจนแทบไม่อาจรับแรงมิติจากค่ายกลส่งข้ามและคลื่นพลังมิติของเจดีย์เทพจุติ
“ข้าดูแลนางเอง” อี้อวิ๋นอุ้มหลิงเสียเอ๋อร์เอาไว้
หินก้อนยักษ์อีกก้อนร่วงลงมา พวกผู้อาวุโสจีทั้งสามคนรีบเข้าสู่เจดีย์เทพจุติ หลังจากที่อี้อวิ๋นเก็บเจดีย์เทพจุติก็อุ้มหลิงเสียเอ๋อร์บินกลับเข้าสู่หม้อโอสถของเทพโอสถ
เขากลับมายังข้างทะเลสาบ อี้อวิ๋นเก็บม้วนกระดาษที่เทพโอสถทิ้งไว้
ฉัวะ
สังสารวัฏภูมิกลางทะเลสาบแตกออกเช่นกัน ทั้งทะเลสาบพัดม้วนขึ้น
อี้อวิ๋นถือกระบี่ไว้ในมือ กระบี่ฟันลงใต้ทะเลสาบ ขณะเดียวกันก็ยืนตัวขึ้น เขาพาหลิงเสียเอ๋อร์พุ่งลงสู่ใต้ทะเลสาบพร้อมกัน
ตูมตูมตูม!
ลำแสงกระบี่โถมลงข้างล่างไม่หยุด มันฟันลงบนหินอันแข็งแรงใต้ทะเลสาบ ฟันลงลงถึงใต้ดินลึก
หินหลอมสีแดงเข้มโหมซัดสาด คลื่นความร้อนอันน่ากลัวเผาทุกอย่างรอบด้านไม่หยุด นอกจากหินที่กลายเป็นผลึกแก้วก็ไม่มีอะไรอยู่รอดได้อีก
อี้อวิ๋นร่อนลงข้างบ่อหินหลอมเล็กๆ หินหลอมในบ่อนี้เปลี่ยนเป็นสีทองเข้ม กฎแห่งหยางบริสุทธิ์รุนแรงมาก มันปะทะใส่ปราณคุ้มครองร่างของอี้อวิ๋นไม่หยุด
อี้อวิ๋นไม่ลังเลอีกต่อไปเมื่อรู้สึกถึงคลื่นพลังจากเชื้อเพลิงเทพมารในร่าง เขาวางร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์ลงบนหินที่อยู่ด้านข้างก้อนหนึ่ง
หินก้อนนี้โดนเผาจนสีแดงโปร่งแสง มันส่องสะท้อนร่างของหลิงเสียเอ๋อร์ ภายนอกร่างนางมีพลังปราณของอี้อวิ๋นห่อหุ้ม กฎแห่งหยางบริสุทธิ์เหล่านี้ผ่านการทำให้อ่อนแอลงและกรองจากปราณเกราะของอี้อวิ๋นจนกลายเป็เหมือนสายลมที่นุ่มนวลอบอุ่น มันคอยหล่อเลี้ยงร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์อย่างอ่อนโยน
“กฎแห่งหยางบริสุทธิ์ของที่นี่เหมาะกับการหล่อเลี้ยงเจ้าพอดี เสียเอ๋อร์ ข้าจะทำให้เจ้าฟื้นคืนมาให้ได้” อี้อวิ๋นพูดเสียงต่ำ แม้ก่อนหน้านี้หลิ่วหรูอี้จะบอกว่านางช่วยหลิงเสียเอ๋อร์ได้ แต่ถึงกระนั้นอี้อวิ๋นก็ยังคงฆ่านางอยู่ดี สาเหตุเป็นเพราะหนึ่ง เขาไม่เชื่อคำของหลิ่วหรูอี้ สอง อี้อวิ๋นมั่นใจว่าเขาจะช่วยหลิงเสียเอ๋อร์ได้
……………………………………………………………………………………………….