True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1120
ภาพฉากการตายของอาจารย์เทียนเซียวทำให้ผู้อาวุโสจีตื่นตกใจอย่างหนัก อี้อวิ๋นสังหารอาจารย์เทียนเซียวภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาเองก็อยากฆ่าคนทรยศนี้มากเช่นกัน ตอนนี้อี้อวิ๋นช่วยทำแทนเขาแล้ว
นี่ต้องเป็นเด็กหนุ่มเช่นไรกันแน่ พรสวรรค์ของเขาไม่ใช่แค่สิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้แต่จินตนาการยังจินตนาการไม่ออก
“หากข้าจะฆ่าจะใคร พวกเจ้าก็ต้านไม่ได้แน่นอน ชีวิตของพวกเจ้าเองก็จะถูกข้าคว้ามาในอีกไม่ช้า” เสียงของอี้อวิ๋นเหมือนดังมาจากเหวลึกใต้พิภพ
หมัวเสวี่ยหมัวซาและหลิ่วหรูอี้ต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี แต่ไม่นานหลิ่วหรูอี้ก็หัวเราะเยาะ นางมองอี้อวิ๋นอย่างเย็นยะเยือกพร้อมกับพูดว่า “ไม่กลัวโดนคำพูดตัวเองตบหน้าเอาเสียเลย เจ้าคิดว่าฆ่าอาจารย์เทียนเซียวที่ไม่สำคัญอะไรแล้วเท่ากับชนะพวกข้าหรือ? อาจารย์เทียนเซียวจะตายก็ตายไปเถอะ อย่างไรค่ายกลใต้ทะเลทรายกลบอาทิตย์นี่ก็เข้าใกล้การล่มสลาย ต่อให้ไม่มีการอนุมานของเขาก็ไม่เป็นไร!”
เสียงของหลิ่วหรูอี้มีเจตนาสังหารเต็มเปี่ยมขึ้นมา บนร่างนางมีกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกมากแผ่ออก แส้เส้นยาวสะบัดอยู่ข้างกายประหนึ่งมีงูยักษ์นอนขดอยู่รอบตัว
กระบี่เมื่อครู่ของอี้อวิ๋นทำให้นางโมโหถึงขีดสุด!
หลังจากที่อี้อวิ๋นเข้าสู่ระดับวังวิถีก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่หากจะสู้กับพวกเขาสามคนที่ร่วมมือกันก็ไม่ต่างอะไรกับความฝันของคนบ้า
ต่อสู้ตัดสินความเป็นความตาย คนจากวังวิถีเจ็ดดาราไม่มีทางสู้กับอี้อวิ๋นแบบตัวต่อตัว ไม่ใช่แค่หลิ่วหรูอี้ที่พลังเพิ่มขึ้น หมัวเสวี่ยกับหมัวซาก็พลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาไม่เหมือนเด็กน้อยอีกต่อไป แต่กลายเป็นปีศาจร้าย
“คุณชายอี้…” ผู้อาวุโสจีเป็นกังวลมากเมื่อเห็นภาพนี้ คนจากวังวิถีเจ็ดดาราสามคนร่วมมือกัน ทั้งสามคนต่างก็แข็งแกร่งสำหรับอี้อวิ๋นมาก หากร่วมมือกันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเองหลายเท่า สองมือยากจะสู้สี่หมื่น อี้อวิ๋นจะสู้ได้อย่างไร?
ทว่าอี้อวิ๋นกลับไม่ลนลานแม้แต่น้อยเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ เขายังคงถือกระบี่หักหยางบริสุทธิ์ด้วยท่าทีสงบ
‘คนหนุ่มสาวมักเลือดร้อน จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก’ หมัวซาเย้ยหยันในใจ วังวิถีเจ็ดดาราของพวกเขามีวิชารวมพลังชุดหนึ่ง เมื่อพลังของพวกเขาสามคนใช้วิชานี้ก็สังหารอี้อวิ๋นได้ในเสี้ยววินาที
น่าขันที่อี้อวิ๋นคิดว่าตัวเองจะสู้พวกเขาสามคนได้สักครั้ง?
แต่ตอนนี้…เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะฆ่าอี้อวิ๋น พลังที่อี้อวิ๋นแสดงเมื่อครู่น่าตกตื่นตะลึง เขาจะฆ่าอี้อวิ๋นอย่างไม่เลือกวิธี ก่อนอื่นคือต้องให้อี้อวิ๋นเผยช่องโหว่!
“ตายซะ!”
ร่างของหมัวซาพุ่งออกอย่างฉับพลัน ปราณปีศาจทั่วร่างไหลบ่า กรงเล็บทั้งสองตะปบออกไปอย่างต่อเนื่อง พลังไหลทะลัก!
การโจมตีนี้ไม่ได้พุ่งใส่อี้อวิ๋น มันพลาดจากอี้อวิ๋นไปทางพวกผู้อาวุโสจีกับหลิงเสียเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลัง!
“เจ้าฆ่าคนของข้าต่อหน้าข้า! ข้าเองก็จะฆ่าคนของเจ้าต่อหน้าเจ้าเช่นกัน!”
หมัวซารู้ว่าอี้อวิ๋นให้ความสำคัญกับหลิงเสียเอ๋อร์มาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เข้ามาช่วยอย่างไม่สนทุกอย่าง ดังนั้นเขาจะฆ่าหลิงเสียเอ๋อร์ให้ใจวุ่นวาย หรือไม่ก็ให้อี้อวิ๋นเผยช่องโหว่ในขณะที่ช่วยหลิงเสียเอ๋อร์อีกครั้ง!
แต่ในขณะที่หมัวซาลงมือก็กลับเห็นว่ามุมปากอี้อวิ๋นยกขึ้นบางๆ รอยยิ้มดูถูกอันเย็นยะเยือกนี้ทำให้ใจหมัวซากระตุกขึ้นมา
เขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่ก่อนที่หมัวซาจะทันได้ระวัง กระบี่หักของอี้อวิ๋นก็แทงลงบนพื้น
ตูม!
ประหนึ่งสายฟ้าฟาดลงพื้น พื้นดินที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ถูกพลังปราณอันแข็งแกร่งปกคลุมทันที ก้อนอิฐปลิวกระเด็น พื้นดินสั่นสะเทือน!
ขณะเดียวกันพวกหลิ่วหรูอี้ทั้งสามคนก็รู้สึกว่ามิติข้างกายพวกเขาเกิดความเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางคลื่นพลังกฎนี้พวกเขาถูกมิติอันแข็งแกร่งปกคลุมเอาไว้!
“เกิดอะไรขึ้น?!” การโจมตีของหมัวซาปะทะลงบนกำแพงมิติ แต่หลังจากที่กำแรงมิติสั่นอย่างรุนแรงก็ไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย
อี้อวิ๋นพูดขึ้นว่า “เลิกเปลืองแรงเถอะ นี่คือค่ายกลฟ้าดินของที่นี่”
“ค่ายกลฟ้าดิน? ค่ายกลพังทลายไปแล้วไม่ใช่หรือ?” หมัวเสวี่ยมองหลิงเสียเอ๋อร์ที่นอนในอ้อมอกของซินเอ๋อร์เยวี่ยเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้สองคน
เขาพบว่ากำแพงมิติหลายชั้นได้แยกคนเหล่านั้นออกจากพวกเขา
ร่างวิญญาณของเชื้อเพลิงเทพมารถูกพวกเขาทรมานจบแทบแตกซ่าน ค่ายกลนี้ก็พังทลายไปแล้ว เหตุใดจึงยังใช้ได้อีก?
“หลังจากครั้งนี้ก็น่าจะพังทลายอย่างสมบูรณ์” อี้อวิ๋นพูดเรียบๆ เขาใช้เวลาไปกับการศึกษาบันทึกของเทพโอสถนานถึงเพียงนี้ ทั้งยังใช้กฎโกลาหลทำลายล้างมาผสานร่างกับหัวใจค่ายกล ท้ายที่สุดก็ดูดซึมร่างจริงของเชื้อเพลิงเทพมารจนควบคุมหัวใจค่ายกลฟ้าดินได้ ทั้งหมดนี้ทำให้อี้อวิ๋นเข้าใจค่ายกลฟ้าดินนี้ได้ลึกล้ำมาก
ค่ายกลฟ้าดินนี้กำลังเข้าใกล้การล่มสลาย แต่อี้อวิ๋นกลับใช้มันมาทำเรื่องบางอย่างได้
เพราะสามารถใช้กำแพงมิติมาคุ้มครองหลิงเสียเอ๋อร์ไว้ภายใน อี้อวิ๋นจึงไม่ส่งนางเข้าสู่เจดีย์เทพจุติ ไม่เช่นนั้นต่อให้คลื่นพลังมิติของเจดีย์จะมากเพียงใดเขาก็ต้องส่งนางเข้าไปให้ได้
ตอนนี้พลังของค่ายกลใกล้พังทลาย พลังฟ้าดินที่สะสมอยู่ภายใต้พากันพุ่งเข้าร่างอี้อวิ๋น เขาใช้พลังทั้งหมดที่เหลือของค่ายกลมาเปิดมิติกักขังได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
แต่เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว
ฉัวะ!
กระบี่หักของอี้อวิ๋นพ่นประกายดุจเปลวเพลิง ดวงตาลึกล้ำน่าประหลาดของเขามีเปลวไฟสีเทาลุกโชนเบาๆ
“พวกเจ้าตายได้แล้ว” อี้อวิ๋นพูดจบก็มาถึงตรงหน้าหมัวเสวี่ย “เริ่มจากเจ้าแล้วกัน”
“เจ้า…” สีหน้าหมัวเสวี่ยเปลี่ยนไป ตัวเขาที่อยู่กลางมิติกักขังถูกแยกตัวกับหลิ่วหรูอี้และหมัวซา
พวกเขาอยากร่วมกันจัดการอี้อวิ๋นในคราเดียว แต่อี้อวิ๋นกลับใช้ค่ายกลฟ้าดินนี้มาบังคับให้พวกเขาต้องสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง!
แต่สีหน้าหมัวเสวี่ยก็ชั่วร้ายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “น่าขันชะมัด เจ้าคิดว่าสู่ตัวต่อตัวแล้วจะชนะข้าหรือ?”
“ใช่”
กระบี่แทงออกไปทันที มันพุ่งผ่านระยะห่างระหว่างเขากับหมัวเสวี่ยไปถึงตรงหน้าอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา!
วิถีกระบี่ของอี้อวิ๋นคือการมุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด ตอนนี้เขาจะสังหารคน!
ร่างกายที่โปร่งแสงของหลิงเสียเอ๋อร์เป็นหลักฐานถึงความทรมานที่นางได้รับ ทั้งหมดนี้เกิดจากคนของวังวิถีเจ็ดดาราทั้งสิ้น!
“ตาย!” อี้อวิ๋นคำราม!
“คนที่ตายมันเจ้าต่างหาก!” หมัวเสวี่ยตะโกนเสียงดัง กรงเล็บปีศาจคู่หนึ่งตะปบบเข้าใส่อี้อวิ๋น บนกรงเล็บมีปราณโลหิตที่เข้มข้นเหมือนน้ำ มันทำให้พื้นที่รอบด้านกลายเป็นสีแดง และท่ามกลางปราณโลหิตนี้ก็เสียงร้องโหยหวนของคนนับไม่ถ้วนให้ได้ยินรางๆ
หมัวเสวี่ยฝึกวิชามารที่ต้องใช้การสังหารจึงจะสำเร็จ มือคู่นี้ของเขาเปื้อนเลือดจอมยุทธ์หลายหมื่นคนมานานแล้ว ส่วนอี้อวิ๋นก็จะกลายเป็นเลือดส่วนที่สดใหม่ที่สุด!
ตอนนี้ใต้เท้าอี้อวิ๋นมีกงล้อหมื่นมารเกิดดับปรากฏ เขตแดนแห่งการทำลายล้าง เขตแดนหยางบริสุทธิ์และเขตแดนมิติเวลาปรากฏขึ้นพร้อมกันทั้งหมด
กระบี่ร้องดุจมังกรคำราม พลังที่ทำให้สวรรค์ฟันลงมา ทันใดนั้นฟ้าดินก็เปลี่ยนสี สรรพสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน!
ตูม!
ทุกอย่างเงียบลงหลังจากการโจมตีนี้!
หมัวเสวี่ยยืนอยู่ที่เดิมเงียบๆ ดวงตาเขามองไปข้างหน้า ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดดัง ‘อ่อก’ ออกมาหนึ่งคำ กรงเล็บปีศาจถูกฟันขาด!
………………………………………………………………………………………………..