True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1119
อี้อวิ๋นพยายามส่งพลังปราณให้หลิงเสียงเอ๋อร์ พวกหลิ่วหรูอี้ก็มีสีหน้าทั้งตกใจทั้งสงสัย ส่วนอาจารย์เทียนเซียวก็อยากพุ่งศีรษะชนกำแพงเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ทรมานมาตั้งหลายวัน กว่าทุกอย่างจะใกล้จบลงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จู่ๆ ตอนนี้มามียอดฝีมือยื่นมือแย่งวิญญาณอีก!
“ผู้อาวุโสท่านนี้…”
อาจารย์เทียนเซียวลองสืบถามความจริง แต่เขาเพิ่งเอ่ยปากพูดก็ต้องตะลึงงัน
“เจ้า…”
อาจารย์เทียนเซียวรู้สึกว่ากลิ่นอายของอีกฝ่ายมีความคุ้นเคย เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดในใจเขาก็ได้รับการยืนยัน
“อี้อวิ๋น! เป็นเจ้า!”
ตอนนี้หน้าตาอี้อวิ๋นกลับสู่รูปลักษณ์เดิม อี้อวิ๋นเงยหน้ามองพวกเขาอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์เทียนเซียว
“ข้าก็คิดอยู่ว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้เด็กเหลือขอนี่เอง!” อาจารย์เทียนเซียวถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นอี้อวิ๋น แม้ก่อนหน้านี้เขาจะกลัวอี้อวิ๋นอยู่บ้าง แต่นั่นมันตอนที่เขาเผชิญกับอี้อวิ๋นเพียงลำพัง ตอนนี้มีรองประมุขจากวังวิถีเจ็ดดาราถึงสามคน เด็กอย่างอี้อวิ๋นจะนับเป็นอะไรได้
อี้อวิ๋นคือคนที่อ่อนแอที่สุดที่มาถึงที่นี่ เขาใช้เข็มทิศความลับสวรรค์แม่ลูกและเสื้อหยกด้ายทอง หากเจอผู้ยิ่งใหญ่ที่มาถึงที่นี่ได้เพราะพลังของตัวเองจริงๆ เช่นนั้นอาจารย์เทียนเซียวก็คงอยากฆ่าตัวตาย
“ที่แท้เจ้าก็หน้าตาแบบนี้ หึหึ เด็กแบบเจ้ากล้าดีอย่างไรมาแย่งของจากวังวิถีเจ็ดดาราของข้า ใจกล้าไม่เบา!” หมัวเสวี่ยหมัวซาพูดเสียงเย็น
ที่แท้คนที่มาก็คืออี้อวิ๋น ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!
อาจารย์เทียนเซียวขนหัวลุกเล็กน้อยเมื่อถูกดวงตาอันเย็นยะเยือกของอี้อวิ๋นจ้องมอง ทั้งที่อยู่กลางทะเลเพลิงแต่กลับมีเหงื่อเย็นซึมทั่วร่าง
นี่เป็นผลกระทบจากจิตสังหารที่เป็นดังวัตถุจริงของอี้อวิ๋น!
ไม่เจอกันแค่ไม่นาน แต่อี้อวิ๋นกลับเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ตอนนี้ดวงตาอี้อวิ๋นมีเปลวเพลิงสีเทาลุกโชน ดูแล้วเย็นชาเคร่งขรึมมาก ดวงตานี้เหมือนมองออกมาจากเหวลึก
อาจารย์เทียนเซียวเหมือนเห็นนรกทะเลโลหิตจากดวงตาอี้อวิ๋น ความรู้สึกนี้ทำให้ใจเขากระตุกขึ้นมา “เหตุใดระดับยุทธ์เขา…”
อาจารย์เทียนเซียวตื่นตกใจ คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะเข้าสู่ระดับวังวิถีภายในเวลาอันสั้น
ข้ามผ่านระดับมากขนาดนี้ภายในเวลาสั้นแค่นี้หรือ?
แต่ต่อให้อี้อวิ๋นจะเข้าสู่ระดับวังวิถีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรองประมุขทั้งสามอยู่ดี คนอย่างเขาก็คิดจะแย่งเชื้อเพลิงเทพมารหรือ ฝันไปเถอะ!
พวกหลิ่วหรูอี้ค้นพบถึงเรื่องนี้เช่นกัน แววตาพวกเขามีจิตสังหารสาดกระพริบ ยิ่งอี้อวิ๋นแสดงพรสวรรค์ที่ยิ่งเลิศล้ำเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งอยากรีบกำจัดอี้อวิ๋นเพื่อตัดปัญหาในภายภาคหน้ามากเท่านั้น
ตอนนี้อี้อวิ๋นนำเจดีย์เทพจุติออกมาจากแหวนมิติ ผู้อาวุโสจากร้านความลับเทพและซินเอ๋อร์เยวี่ยเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้สองคนปรากฏตัวขึ้นกลางตำหนักศิลา
“ฝากพวกเจ้าช่วยดูแลนางให้ที” อี้อวิ๋นมอบร่างอันเลือนรางของหลิงเสียเอ๋อร์ให้สาวใช้ทั้งสอง
ซินเอ๋อร์กับเยวี่ยเอ๋อร์รีบรับตัวหลิงเสียเอ๋อร์เอาไว้ พวกนางหน้าซีดเมื่อเห็นพวกคนจากวังวิถีเจ็ดดารา
พวกนางไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใครกันบ้าง แต่ผู้อาวุโสจีรู้ เขารู้จักเสื้อคลุมวังวิถีเจ็ดดารา
“วังวิถีเจ็ดดารา!?”
ผู้อาวุโสจีตื่นตกใจ จากนั้นเขาก็เห็นอาจารย์เทียนเซียว “เจ้า! เจ้าคนทรยศ! เจ้าเป็นขี้ข้าให้วังวิถีเจ็ดดารา!”
“เหอะ! ไอ้แก่นี่ เจ้าต่างหากที่เป็นคนทรยศของสำนักความลับสวรรค์ วันนี้รองประมุขทั้งสามอยู่ที่นี่ เจ้ารอเวลาตายได้เลย ใครใช้ให้เจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับไอ้เด็กเหลือขอนี่ พวกเจ้าได้ตายด้วยกันแน่”
อาจารย์เทียนเซียวพูดเหยียดหยาม เขาไม่เชื่อว่าอี้อวิ๋นจะรอดจากสถานการณ์นี้
สีหน้าผู้อาวุโสจีเคร่งขรึมลง เขาไม่พูดโกรธเคืองอะไรอีก เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายบนร่างคนจากวังวิถีเจ็ดดาราสามคนนั้นทรงพลังมาก พวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
อี้อวิ๋นมอบเด็กหญิงคนหนึ่งให้พวกเขาดูแลในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะสู้กับคนจากวังวิถีเจ็ดดาราหรือ?
ตอนนี้อี้อวิ๋นหันไปหาคนจากวังวิถีเจ็ดดารา กระบี่หักหยางบริสุทธิ์อยู่ในมือ พลังกระบี่รวมตัวกันไม่หยุด
เขาเองก็ทำเช่นนี้เพราะไม่มีทางเลือก หลิงเสียเอ๋อร์อ่อนแอเกินไป เขาไม่กล้าส่งนางเข้าไปในเจดีย์เทพจุติด้วยซ้ำ เพราะเจดีย์เทพจุติมีการบิดเบี้ยวของมิติและสั่นกระเพื่อม อาจทำให้ร่างทางจิตของหลิงเสียเอ๋อร์เข้าใกล้การแตกสลายมากขึ้นไปอีก
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หมัวซาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ทำไม? เจ้าคนเดียวคิดจะสู้กับพวกข้าที่เป็นรองประมุขสามคนหรือ? เจ้าแค่เข้าสู่ระดับวังวิถี ไม่มีค่าให้พูดถึงสำหรับพวกข้า!”
หมัวเสวี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “ศิษย์พี่จะพูดไร้สาระกับเขาให้มากความไปทำไม อีกเดี๋ยวเมื่อพวกเราจับเขามาหลอมเป็นโอสถก็จะทำให้เขาอยากตายไม่ได้ตาย อยากอยู่ไม่ได้…หืม?”
หมัวเสวี่ยยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกถึงจิตสังหารอันรุนแรงที่เพ่งมาทางเขา ขณะเดียวกันอี้อวิ๋นก็ลงกระบี่!
ก้อนอิฐใต้เท้าอี้อวิ๋นระเบิดออก ลำแสงกระบี่เขาพุ่งเข้ามาดังสายฟ้าที่จ้าตา ปราณกระบี่เป็นดังเปลวเพลิง ทุกที่ที่แล่นผ่านล้วนเผาก้อนอิฐเป็นผุยผงในชั่วพริบตา แม้แต่มิติรอบด้านก็ถูกบิดเบี้ยว
คลื่นความร้อนอันน่ากลัวพัดม้วนเข้ามา อาจารย์เทียนเซียวรู้สึกแสบที่ใบหน้า ทันใดนั้นเขาก็ร้องโหยหวนขึ้นมา
หลิ่วหรูอี้เลิกคิ้วขึ้น นางจับอาจารย์เทียนเซียวโยนไปด้านหลัง ในมือมีแส้เส้นหนึ่งปรากฏ
หมัวเสวี่ยหมัวซาเห็นภาพนี้ก็ทั้งตกใจทั้งโมโห อี้อวิ๋นลงมือเด็ดขาดมาก!
ขณะเดียวกันพวกเขาก็ปะทุจิตสังหารที่แข็งแกร่งมากออกมา พวกเขาจะลอกหนังดึงกระดูกอี้อวิ๋นให้ได้!
หมัวเสวี่ยหมัวซาร้องอย่างโมโห ร่างกายที่เหมือนเด็กพุ่งไปทางซ้ายขวาของลำแสงกระบี่ มือทั้งสองมีกรงเล็บสีโลหิตเล่มยาวงอกออกมาเหมือนกรงเล็บปีศาจ กรงเล็บมีปราณโลหิตอันเข้มข้นแผ่ออกมาพร้อมตะปบเข้าใส่ลำแสงกระบี่
“อ้า! อ้า!” อาจารย์เทียนเซียวเกือบล้มจนกระดูกหัก มืออันสั่นเทาของเขาลูบไปที่หน้าตัวเองแล้วก็ยิ่งร้องโหยหวนมากขึ้นไปอีก
“หน้าข้า…หน้าข้า!” ใบหน้าเขาถูกลำแสงกระบี่เผาจนใกล้ละลาย! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขากับสิ่งมีชีวิตร่างคนหน้าตาเละเทะนั่นก็จะเป็นพวกเดียวกันแล้ว เขาเสียขาเสียมือ ตอนนี้ยังมาถูกไฟเผาหน้าทิ้งอีก ไม่รู้ต้องใช้วัตถุดิบล้ำค่ามากแค่ไหนจึงจะรักษาคืน ถึงเวลานั้นวังวิถีเจ็ดดาราก็อาจไม่ยอมทุ่มเทมากขนาดนั้นด้วยก็ได้
“อี้อวิ๋น เจ้าช่างรนหาที่ตายนัก! เมื่อจับเจ้าได้แล้วข้าจะสกัดวิญญาณหยาง จากนั้นก็ให้คนจากร้านความลับเทพและสำนักกระบี่สระใสต้องตายเพราะเจ้าให้หมด!” อาจารย์เทียนเซียวร้องเสียงดัง เขาอยากเห็นจุดจบที่อนาถกว่าเขาเป็นหมื่นเท่าของอี้อวิ๋น ตอนนี้เขาไม่กลัวอี้อวิ๋น พวกเขายังหาร่างจริงของเชื้อเพลิงเทพมารไม่เจอ เขายังมีประโยชน์อยู่ มีรองประมุขทั้งสามปกป้อง ชีวิตเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
ตูม!
ลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นปะทะเข้ากับกรงเล็บปีศาจของหมัวเสวี่ยกับหมัวซา ทันใดนั้นสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากก้อนอิฐรอบตัวก็สลายเป็นเถ้าถ่าน!
ลำแสงกระบี่ถูกต้านไว้ได้ แววตาอี้อวิ๋นไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย เงาร่างเขาพุ่งเข้ามาพร้อมกับฟันกระบี่อีกครั้งภายในชั่วพริบตา!
กระบี่นี้พุ่งมาทางอาจารย์เทียนเซียว
“เงียบปาก!” แววตาอันเย็นยะเยือกของอี้อวิ๋นประหนึ่งทะลุผ่านลำแสงกระบี่มาที่อาจารย์เทียนเซียว
อาจารย์เทียนเซียวที่เดิมทีร้องเอะอะโวยวายเงียบปากลงทันที ใบหน้ามีความหวาดกลัวอย่างรุนแรง “ท่านรองประมุขหลิ่ว ช่วยข้าด้วย!”
“เจ้ากล้าแบ่งความสนใจไปฆ่าคนอื่นต่อหน้าพวกข้า?” หมัวเสวี่ยหมัวซาพุ่งเข้ามาทันที ตอนนี้พวกเขาย่อมไม่อาจปล่อยให้อาจารย์เทียนเซียวตาย
ขณะเดียวกันก็มีแส้เส้นหนึ่งเข้ามาใกล้อี้อวิ๋นอย่างไร้ซุ่มเสียงเหมือนงูพิษที่ชั่วร้าย
อี้อวิ๋นมีสีหน้านิ่งเรียบเมื่อเผชิญกับการร่วมมือโจมตีของรองประมุขทั้งสามจากวังวิถีเจ็ดดารา ลำแสงกระบี่ของเขายังคงมุ่งไปข้างหน้า!
กระบี่แห่งเวลา!
ลำแสงกระบี่แล่นผ่านอากาศไปปรากฏตรงหน้าอาจารย์เทียนเซียวภายในชั่วพริบตา!
ตูม!
ตัวแส้ปะทะเข้ากับลำแสงกระบี่ สีหน้าหลิ่วหรูอี้เปลี่ยนไปทันที นางรู้สึกเจ็บข้อมือ แส้ของนางถูกลำแสงกระบี่นี้ปัดกระเด็น
หมัวเสวี่ยหมัวซาโจมตีเข้าใส่อี้อวิ๋นพร้อมกันจากซ้ายขวา กรงเล็บปีศาจของพวกเขาตวัดลงในอากาสอย่างแรงจนแม้แต่อากาศก็เกิดรอยแยกสีดำขนาดใหญ่ กรงเล็บนี้พุ่งมาที่ศีรษะอี้อวิ๋น
อี้อวิ๋นไม่แม้แต่จะมองการโจมตีที่พุ่งมาทางศีรษะ ลำแสงกระบี่ของเขาพุ่งไปถึงอาจารย์เทียนเซียวแล้ว!
ลำแสงกระบี่นี้เป็นดังประตูนรก อาจารย์เทียนเซียวหน้าซีดขาว ตัวเขาที่ไร้แขนขาไม่มีทางที่จะมีแรงต้านทาน
“อ้า!”
อาจารย์เทียนเซียวร้องโหยหวน เงาร่างเขาระเบิดเป็นชิ้นๆ ในจุดที่ยืนอยู่ ชิ้นเนื้อเหล่านี้ถูกไฟหยางบริสุทธิ์กลืนกิน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นผุยผงที่สลายไปอย่างสมบูรณ์
ท้ายที่สุดแล้วอาจารย์เทียนเซียวผู้คอยยุยงก่อเรื่องและแทบจะคิดว่าสำนักความลับสวรรค์เป็นของเขาเองก็ตายอย่างไม่เหลือแม้แต่ซาก
จนถึงเวลาตายแล้วอาจารย์เทียนเซียวก็ไม่อยากจะเชื่อว่ารองประมุขวังวิถีเจ็ดดาราถึงสามคนร่วมมือกันแล้วก็ยังปกป้องเขาไม่ได้