True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1118
‘หลิงเสียเอ๋อร์!’
ทันใดนั้นอี้อวิ๋นก็ลืมตาขึ้น เปลวไฟสีเทาสั่นกระพริบในตา มิติใต้ดินอันมืดสลัวเหมือนถูกจุดให้สว่าง
ตูม!
กำแพงค่ายกลเหนือศีรษะอี้อวิ๋นทลายออก พลังปราณอันบ้าคลั่งที่เกิดจากค่ายกลที่แตกทลายพัดม้วนเหมือนพายุ แต่เสื้อผ้าทั่วร่างอี้อวิ๋นกลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว พลังในร่างเขารวมตัวกัน แววตามีจิตสังหารเข้มข้นมากจนจะรวมตัวเป็นโลหิต!
‘วังวิถีเจ็ดดารา! หลิ่วหรูอี้!’
ฟึ่บ!
กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ปรากฏในมืออี้อวิ๋น เงาร่างเขาหายไปจากจุดเดิมในชั่วพริบตา!
หลังจากที่เข้าสู่ระดับวังวิถี ความเร็วของอี้อวิ๋นก็พัฒนาถึงจุดที่น่ากลัว!
อีกาทองร้องคำราม ด้านหลังอี้อวิ๋นมีปีกยักษ์คู่หนึ่งปรากฏ เงาร่างอี้อวิ๋นเหมือนห่อหุ้มอยู่กลางเปลวไฟลูกหนึ่งเมื่อสยายปีกกลางอากาศ เขาพุ่งไปยังจุดที่หลิงเสียเอ๋อร์อยู่เหมือนอุกกาบาต
แม้มิติในแดนลับจะแปรปรวนวุ่นวาย แต่หลังจากที่ผสานเข้ากับเชื้อเพลิงเทพมารแล้วอี้อวิ๋นก็รู้สึกถึงตำแหน่งของหลิงเสียเอ๋อร์ แต่ความเชื่อมโยงระหว่างร่างจริงเชื้อเพลิงเทพมารกับหลิงเสียเอ๋อร์เหมือนจะถูกตัดขาดแล้ว…
……
ท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง ทั่วทั้งตำหนักศิลาทลายลงอย่างรวดเร็ว ค่ายกลนี้กำลังเดินทางเข้าสู่จุดจบ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็เกรงว่าแม้แต่โลกใต้ดินนี้ก็จะจมอยู่ใต้ทะเลทรายอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหรูอี้สังหรณ์ใจไม่ดีนัก ที่นี่คือค่ายกลฟ้าดิน มันถูกทำลายง่ายๆ ได้อย่างไร?
“เพื่อป้องกันไม่ให้อุปสรรคยิ่งมากเมื่อเวลายิ่งนาน สองพี่น้องหมัวเสวี่ยหมัวซา พวกเราสามคนร่วมมือกันจัดการเด็กคนนี้ให้แตกซ่าน ส่วนเรื่องอี้อวิ๋น ในเมื่อค่ายกลนี้พังทลาย ตัวเขาที่อยู่ในโลกใต้ดินก็คงไม่รอดแน่แล้ว ต่อให้เขาโชคดีรอดออกมาจริงๆ ก็จะตกอยู่ในกำมือเรา” หลิ่วหรูอี้พูดพร้อมกับมองหลิงเสียเอ๋อร์
“หึหึ ได้” รองประมุขร่างเด็กสองคนนั้นสบตากันแล้วส่งพลังปราณออกไป
ดูจากท่าทีอันไม่มั่นคงของหลิงเสียเอ๋อร์ เพียงแค่พลังปราณสองสายนี้ส่งเข้าสู่แส้ขังวิญญาณก็จะทำให้นางตายอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกเขาสองคนลงมือแทบจะพร้อมกัน พลังปราณเชื่อมโยงกันอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ร่างกายหลิงเสียเอ๋อร์สั่นเบาๆ เมื่อพลังปราณส่งเข้าสู่แส้ขังวิญญาณ จิตใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเสื่อมถอยลง แม้แต่ร่างกายก็เลือนรางขึ้นมา ตอนนี้นางเป็นดังภาพลวงตาในความฝัน กำลังจะกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนที่สลายไปในอากาศ
ขณะเดียวกันอี้อวิ๋นที่กำลังบินอยู่กลางอากาศก็รู้สึกว่าหัวใจทรุดลงขึ้นมา เชื้อเพลิงเทพมารที่อยู่เงียบๆ ในจุดตันเถียนเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าโศกอย่างน่าประหลาด เรื่องนี้ทำให้หัวใจอี้อวิ๋นแทบหยุดเต้น
ย้ากกก!
อี้อวิ๋นคำราม เปลวเพลิงพัดม้วนไปรอบด้านเหมือนพายุ กำแพงมิติรอบด้านถูกพลังนี้ทำลายพินาศ อี้อวิ๋นทำลายมิติเวลาอันบิดเบี้ยวลงอย่างสมบูรณ์แล้วพุ่งมาทางหลิงเสียเอ๋อร์!
ทำลาย!
ตูม!
กำแพงมิติชั้นสุดท้ายถูกอี้อวิ๋นใช้กระบี่ฟันออก ตอนนี้อี้อวิ๋นมาถึงตำหนักศิลาชั้นสุดท้ายแล้ว
เขาเห็นเงาร่างเลือนรางที่แทบจะแตกเป็นจุดแสงของหลิงเสียเอ๋อร์อยู่ห่างออกไปสิบจั้ง เห็นแส้ขังวิญญาณที่รัดพันร่างนางเหมือนมือปีศาจ!
ปราณดำอันชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งไปหาหลิงเสียเอ๋อร์ผ่านทางแส้เส้นนี้ นี่คือปราณที่หมัวซากับหมัวเสวี่ยส่งออกมา มันกลายร่างเป็นปีศาจร้ายตนหนึ่งที่จะกลืนกินหลิงเสียเอ๋อร์
ระยะห่างสิบจั้ง ความเป็นความตายตัดสินในชั่วพริบตา!
“ไสหัวไปให้หมด!”
ลำแสงกระบี่ดุจแสงอาทิตย์จ้าตาพุ่งผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมด มันข้ามผ่านมิติเวลามาพุ่งเข้าที่ปราณปีศาจ
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ปราณปีศาจแตกทลาย! อานุภาพลำแสงกระบี่ไม่ลดลง มันพุ่งเข้าใส่พวกหลิ่วหรูอี้
รูม่านตาหลิ่วหรูอี้หรี่ลง นางบินถอยไปด้านหลังทันที ขณะเดียวกันก็โบกมือต้านลำแสงกระบี่นี้
ทว่าเมื่อพลังปราณของนางปะทะเข้ากับลำแสงกระบี่ สีหน้าหลิ่วหรูอี้ก็เปลี่ยนไปทันที
เพราะพลังปราณอันทรงพลังของนางเป็นดังกระดาษแผ่นหนึ่งที่มิอาจต้านลำแสงกระบี่นี้!
ไม่ใช่แค่นาง เมื่อหมัวเสวี่ยหมัวซาปะทะเข้ากับลำแสงกระบี่นี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาสามคนต้องรวมพลังกันจึงจะต้านลำแสงกระบี่ไว้ได้
ส่วนอาจารย์เทียนเซียวก็ไม่ได้สัมผัสโดนลำแสงกระบี่นี้แม้แต่น้อย ลำพังแค่เห็นลำแสงพุ่งมาตรงหน้าก็ขนลุกไปทั้งตัว หัวใจถูกความรู้อันตรายถึงชีวิตปกคลุม
ใครกัน!
คนที่ปรากฏตัวในเวลานี้คือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวจากไหนกันแน่!
กลุ่มอิทธิพลจำนวนมากพากันมาที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์ พวกหลิ่วหรูอี้จึงย่อมคิดว่ามีผู้ยิ่งใหญ่จากบางกลุ่มอิทธิพลมายังโลกใต้ดินนี้และคิดจะแย่งวิญญาณหยางไปจากพวกเขา
หลังจากที่ลำแสงกระบี่สายนั้นสลายไป ลำแสงที่เป็นดังพระอาทิตย์ของจริงก็ส่องลงตรงหน้าหลิงเสียเอ๋อร์
ฟึ่บ!
ลำแสงกระบี่แล่นผ่าน หลิ่วหรูอี้รู้สึกเจ็บที่จิตวิญญาณ แส้ขังวิญญาณของนางเกิดเสียงเหมือนโลหะที่แตกออกเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว มันถูกกระบี่นี้ของอี้อวิ๋นฟันขาด
แม้แส้ขังวิญญาณจะไม่ใช่สมบัติขั้นสุดยอดแต่ก็เป็นสมบัติชั้นดี ทว่ามันกลับเป็นดั่งเต้าหู้เมื่ออยู่ภายใต้ลำแสงกระบี่ของคนผู้นี้
ฉัวะฉัวะฉัวะ!
ลำแสงกระบี่ส่องกระพริบอีกครั้ง แส้ขังวิญญาณที่ขาดไปแล้วถูกฟันเป็นชิ้นๆ!
ร่างของหลิงเสียเอ๋อร์ร่วงลงจากอากาศดุจขนนก
เดิมทีนี่ก็เป็นแค่ร่างวิญญาณของนาง ถูกวัตถุชั่วร้ายอย่างแส้ขังวิญญาณทรมานมานานจนเลือนรางไปหมด
อี้อวิ๋นข้ามผ่านมิติมาปรากฏตรงหน้าหลิงเสียเอ๋อร์ เขาอ้าแขนออกเพื่อรับร่างหลิงเสียเอ๋อร์เอาไว้
แต่ใจเขาก็ต้องจมลงในชั่วพริบตาที่กอดร่างหลิงเสียเอ๋อร์ เพราะเขาแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักใดๆ จากร่างนาง!
ดวงตาอันสดใสของหลิงเสียเอ๋อร์สูญเสียแววตาไปแล้ว นางมองอี้อวิ๋น ใบหน้าเล็กๆ มีความงงงวยและดีใจ
นางรู้สึกได้ว่าร่างจริงของนางอยู่ในร่างอี้อวิ๋นอย่างสมบูรณ์และผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ในที่สุดเขาก็พานางออกไปจากที่นี่ได้
นางขยับริมฝีปากเบาๆ เพื่อที่จะยิ้ม แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็หมดพลังและหลับตาลงเบาๆ…
ไฟชีวิตนางแทบใกล้จะดับมอด อี้อวิ๋นกอดร่างที่เบาเหมือนขนนกนี้เอาไว้ ในใจรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที
นี่คือความรู้สึกที่เชื่อมโยงทางสายเลือดหลังจากที่ผสานร่างกับเชื้อเพลิงเทพมาร
“เสียเอ๋อร์ ข้าจะทำให้เจ้าฟื้นคืนมา ข้าจะทำให้ได้แน่นอน” อี้อวิ๋นพูดเสียงเบา เขายื่นมือไปบนหว่างคิ้วนางแล้วคลายคิ้วที่ขมวดแน่นออก
ขณะเดียวปราณบริสุทธิ์ที่ไม้เทพดูดซึมก็ส่งเข้าร่างหลิงเสียเอ๋อร์ไม่หยุดผ่านทางปลายนิ้วอี้อวิ๋น
หลังจากที่เข้าสู่ระดับวังวิถี พลังค่ายกลที่ยังไม่ถูกดูดซึมหมดต่างโถมเข้าร่างหลิงเสียเอ๋อร์ผ่านทางอี้อวิ๋น
นางถูกขังในค่ายกลมานาน เดิมทีก็อ่อนแอไร้กำลังอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาถูกทรมานจนต้นกำเนิดเสียหาย บาดแผลของวิญญาณก็เป็นสิ่งที่รักษายากที่สุด แม้อี้อวิ๋นจะมีต้นไม้เทพไม้ฟ้าสนับสนุนจนส่งแก่นพลังปราณให้นางได้ไม่หยุด แต่ร่างกายที่เลือนรางของหลิงเสียเอ๋อร์ก็เหมือนจะรับพลังเหล่านี้ไม่ได้ พลังส่วนใหญ่จึงสลายว่างเปล่าไป…