True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1116
สีหน้าอี้อวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์อ่อนแอมาก
เชื้อเพลิงเทพมารอยู่ตรงหน้าอี้อวิ๋น แม้มันจะถูกขังในค่ายกลแต่ก็ส่ายไปมาไม่หยุดและมีแนวโน้มว่าจะแตกร้าวด้วยซ้ำ แต่ในแง่การดับมอดแล้วก็เป็นไปไม่ได้
แต่หลิงเสียเอ๋อร์กลับบอกว่านางจะไม่ไหวแล้ว นี่หมายความว่าร่างจริงของเชื้อเพลิงเทพมารไม่เป็นอะไร ที่จะแตกเป็นเถ้าถ่านคือร่างวิญญาณของเด็กหญิง
หลิงเสียเอ๋อร์ใสซื่อไร้เดียงสา นางมีนิสัยไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงจริงๆ หากร่างวิญญาณตายลง เช่นนั้นหลิงเสียเอ๋อร์ก็จะตายจริงๆ หลงเหลือเพียงเชื้อเพลิงเทพมาร
‘เสียเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ไหน?’ อี้อวิ๋นรีบถาม
เสียงอันอ่อนแรงของหลิงเสียเอ๋อร์ดังขาดๆ หายๆ หลังจากที่เงียบไปนาน ‘พี่อี้อวิ๋น ท่านรีบไปจากที่นี่เถอะ คนพวกนี้จะทำร้ายท่าน…’
ใจอี้อวิ๋นเต้นระรัว คนจากวังวิถีเจ็ดดารา!? พวกเขาจับหลิงเสียเอ๋อร์?
พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเชื้อเพลิงเทพมารอยู่ในเปลวไฟสีเทานี้ หลิงเสียเอ๋อร์ที่เป็นแค่ร่างความคิดไม่มีพลังต่อสู้มากนัก
‘เสียเอ๋อร์ เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้าอยู่ที่ไหน พวกเขาทำอะไรเจ้า?’ แววตาอี้อวิ๋นเย็นยะเยือกขึ้นมา
หลิงเสียเอ๋อร์ไม่ตอบคำถามอี้อวิ๋น นางทำแค่พูดอย่างขาดช่วงว่า ‘พี่อี้อวิ๋น ข้าโง่เกินไปเอง… เดิมทีข้าคิดจะขังพวกเขาเอาไว้…คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายถูกขังเสียเอง’
‘พี่อี้อวิ๋น นับแต่ที่ข้ามีสติปัญญาก็อยู่ที่นี่เพียงลำพังมาหลายร้อยล้านปี กระทั่งเมื่อท่านปรากฏตัวจึงได้พูดคุยด้วยสองสามประโยค นับดูอย่างละเอียดแล้วจนถึงวันนี้ก็พูดมาหลายสิบประโยค ชีวิตข้ายืนยาวมากแต่ก็เหมือนจะสั้นมากเช่นกัน…’
‘ข้าอาจต้องตายแล้ว ข้าชอบชื่อที่พี่อี้อวิ๋นตั้งให้มาก…’
เสียงของหลิงเสียเอ๋อร์ค่อยๆ อ่อนแรงลง คำพูดท่อนยาวประโยคสุดท้ายเหมือนพลังเฮือกสุดท้ายก่อนตาย
อี้อวิ๋นฟังคำพูดเช่นนี้แล้วก็รู้สึกทิ่มแทงหัวใจมาก
เขาจมอยู่ในการบรรลุ ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นที่โลกภายนอก คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลาระหว่างนี้จะเกิดเรื่องมากขนาดนี้ หลิงเสียเอ๋อร์ออกจากค่ายกลเพื่อปกป้องเขาแน่นอน นางเสี่ยงอันตรายไปขังตัวคนจากวังวิถีเจ็ดดาราแต่กลับถูกขังเสียเอง
เด็กน้อยไร้ประสบการณ์เช่นนางจะต่อกรกับคนจากวังวิถีเจ็ดดาราได้อย่างไร?
“หลิ่วหรูอี้ เจ้าสติฟั่นเฟืองไปแล้วจริงๆ!”
อี้อวิ๋นกัดฟันแน่น เขาร้องตะโกนว่า “เสียเอ๋อร์ เสียเอ๋อร์!”
ทว่า…แม้อี้อวิ๋นจะส่งจิตเข้าในเปลวไฟสีเทา เสียงของหลิงเสียเอ๋อร์ก็ไม่ดังขึ้นอีก
ฟึ่บ!
ชั่วพริบตานี้เปลวไฟสีเทาเหมือนจะมีความเศร้าโศกแผ่ออกมา
ทันใดนั้นใจอี้อวิ๋นก็ประหนึ่งถูกมือข้างหนึ่งบีบอย่างแรง!
“เสียเอ๋อร์!”
อี้อวิ๋นกำหมัดทั้งสองข้างแน่นจนเล็บฝังลงในเนื้อ เบื้องหน้าเขาเหมือนมีภาพบทสนทนาระหว่างเขากับหลิงเสียเอ๋อร์ปรากฏขึ้น
‘เจ้ามีชื่อหรือไม่? …เช่นนั้นข้าจะตั้งชื่อให้แล้วกัน ต่อไปนี้เจ้าก็ชื่อหลิงเสียเอ๋อร์เถอะ…’
จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์จะสังหารกันเองเพื่อผลประโยชน์ พวกเขาหลอกลวงกันไปมาในแดนลับ ฆ่าคนเพื่อปล้นสมบัติ ไม่รู้ว่าสังหารชีวิตมามากเท่าไรเพื่อให้เป้าหมายของตัวเองบรรลุ หลิงเสียเอ๋อร์มีปฏิสัมพันธ์กับเขาแค่ผิวเผินแต่กลับปกป้องเขาเช่นนี้
กลายเป็นว่าเชื้อเพลิงเทพมารนี้มีนิสัยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุดในโลก
“หลิงเสียเอ๋อร์…” อี้อวิ๋นเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเขามีจิตสังหารที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งปรากฏ!
“วังวิถีเจ็ดดารา! วันหน้าข้าจะบุกไปสังหารถึงที่จนพวกเจ้าก็แหลกเป็นผุยผงทั้งหมดแน่นอน!”
อี้อวิ๋นมองไปที่เชื้อเพลิงเทพมาร เดิมทีเขาแค่คิดจะทำลายค่ายกลเพื่อพาหลิงเสียเอ๋อร์ออกไปเท่านั้น แต่ตอนนี้…
‘เสียเอ๋อร์ เจ้าได้ยินข้าไหม? เดิมทีข้าแค่จะทำลายค่ายกลเพื่อพาเจ้าออกไป แต่ตอนนี้วิญญาณเจ้าถูกกักขัง ข้าจำเป็นต้องใช้พลังของเจ้ามาสังหารศัตรูพวกนี้’ อี้อวิ๋นพูดจบก็พุ่งตัวไปทางแผ่นภูมิสังสารวัฏ
มีค่ายกลฟ้าดินอยู่ นอกจากตัวหลิงเสียเอ๋อร์แล้วก็ไม่มีใครเข้าใกล้แผ่นภูมินี้ได้ แต่ตอนนี้ใต้เท้าอี้อวิ๋นแผดเผาไปด้วยเปลวเพลิง กงล้อหมื่นมารเกิดดับในมือพุ่งเข้าสู่ค่ายกล
ตูมตูมตูม!
กงล้อหมื่นมารเกิดดับกับสังสารวัฏภูมิวิถีหกปะทะเข้าด้วยกันจนเกิดคลื่นพลังที่รุนแรงประหนึ่งเบิกฟ้าแยกดิน ทั่วทั้งโลกใต้ดินสั่นสะเทือนไปหมด
แต่ท่ามกลางคลื่นพลังนี้เงาร่างอี้อวิ๋นกลับพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลางแรงปะทะ เขาเข้าสู่ค่ายกลแล้วยื่นมือไปรองเปลวไฟสีเทาลูกนั้น
นี่คือเพลิงเทพที่เกิดในร่องสมุทร ตอนนั้นเทพโอสถนำเพลิงบริสุทธิ์จักรพรรดิฟ้ากับเชื้อเพลิงเทพมารมาผสานรวมกัน จากนั้นเพลิงบริสุทธิ์จักรพรรดิฟ้าก็ถูกเชื้อเพลิงเทพมารกลืนจนทำให้เชื้อเพลิงนี้กลายเป็นเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ตามหลักแล้วก็ไม่ใช่แค่อี้อวิ๋นที่อยู่ระดับรวมวิถี แต่ให้เป็นคนระดับอรหันต์ก็ทำอะไรเพลิงที่ทรงพลังขนาดนี้ไม่ได้เช่นกัน แม้แต่เทพราชาเองก็ต้องระมัดระวัง ไม่กล้ารับประกันว่าจะสกัดสำเร็จ
แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกลับประคองเพลิงนี้ไว้ในมือ
เปลวเพลิงที่เผาทำลายได้ทั้งจักรวาลกลับไม่ทำอันตรายต่อมือทั้งสองของอี้อวิ๋นแม้แต่น้อย
เชื้อเพลิงเทพมารนี้สงบลงอย่างประหลาดเมื่ออยู่ในมืออี้อวิ๋นด้วยซ้ำ มันเป็นดังภูติพรายที่กระโดดไปมากลางค่ำคืน ส่งความอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายอี้อวิ๋น
“เทพโอสถใช้ค่ายกลนี้มาหลอมโอสถคืนชีพ วันนี้ข้าก็จะใช้ตัวเองเป็นหม้อบรรจุเชื้อเพลิงเทพมาร!”
ฟึ่บ!
เชื้อเพลิงเทพมารเข้าสู่ร่างอี้อวิ๋นเหมือนมีชีวิต
ขณะเดียวกันกงล้อหมื่นมารเกิดดับกับสังสารวัฏก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ กงล้อเกิดดับสีแดงหมุนอยู่ใต้เท้าอี้อวิ๋น พลังในร่างเขาเพิ่มขึ้นไม่หยุด ดวงตาที่ลึกล้ำดังราตรีก็มีเปลวไฟสองลูกลุกโชนขึ้นมา
เปลวไฟนี้ไม่ได้เป็นสีแดงแต่เป็นสีเทา มันส่ายไหวไปมาไม่หยุดจนอี้อวิ๋นดูเหมือนเทพมารที่มาจากนรก
พลัง เขาต้องการพลัง!
อี้อวิ๋นรู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่มีทางชนะรองประมุขของวังวิถีเจ็ดดารา เขาต้องทำให้พลังตัวเองพัฒนาถึงขีดสุด
เชื้อเพลิงเทพมารลอยเข้าสู่จุดตันเถียนของอี้อวิ๋น จากนั้นก็ผสานลงในต้นไม้เทพไม้ฟ้า ตอนนี้ต้นไม้เทพเหมือนมีพระอาทิตย์ดวงหนึ่งผุดขึ้นในร่าง กิ่งก้านทั้งหมดกลายเป็นสีแดงเพลิง ไม้เทพเติบโตอย่างบ้าคลั่ง ลำต้นหนาขึ้นเรื่อยๆ กิ่งไม้หลายเส้นงอกเงย ใบไม้แตกหน่อด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและโตขึ้นไม่หยุด!
ใบไม้เหล่านี้มีรูปร่างแตกต่างกันไป ไม่มีแบบไหนที่ซ้ำกันสองใบ พวกมันเป็นเหมือนหม้อใบเล็กเล็กๆ เหมือนกระบี่ เหมือนแผนผังแปดทิศ… ลวดลายบนใบถูกสลักไว้ด้วยหลักการแห่งวิถีใหญ่
ตอนนี้อี้อวิ๋นรู้สึกได้ชัดเจนว่าเชื้อเพลิงเทพมารผสานทุกอย่างเข้ากับตัวเขา มันส่งพลังทั้งหมดเข้าสู่จุดตันเถียนของอี้อวิ๋น!
นี่คือพลังฟ้าที่อยู่มาหลายร้อยล้านปี รวบรวมไว้ซึ่งพลังฟ้าดินของทะเลทรายกลบอาทิตย์
ภายใต้การรวมตัวของพลังอันยิ่งใหญ่นี้ ระดับรวมวิถีช่วงปลายของอี้อวิ๋นก็พุ่งทะยานขึ้น!
แต่นี่ยังห่างไกลจากขีดจำกัดของพลังนี้!