True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1099
“สังหารไอ้หมอนี่ ดึงเส้นเอ็นลอกหนังมัน!”
เหยียนเทียนชงตะโกนเสียงดัง ตอนนี้เขาโมโหถึงขีดสุด คิดไม่ถึงจะมีคนกล้าทำร้ายคนจากร้านขยายฟ้าของเขาในที่ดินของร้านขยายฟ้า ทั้งยังทำต่อหน้าคุณชายหยกโลหิตอีกต่างหาก นี่ไม่ต่างอะไรกับตบหน้าเขาต่อหน้าสาธารณะชน เขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
บรรดาบ่าวรับใช้พากันพุ่งตัวมาจากทุกทิศ ผู้อาวุโสสองคนที่ยืนอยู่หลังเหยียนเทียนชงก็ขนาบข้างอี้อวิ๋นซ้ายขวาเช่นกัน
อี้อวิ๋นมองเหยียนเทียนชง มุมปากที่ผ่านโลกมาโชกโชนยกขึ้นเล็กน้อยจนกลายเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
เมื่อเหยียนเทียนชงเห็นรอยยิ้มนี้ก็ใจกระตุกอย่างประหลาด ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มนี้จึงทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย แต่มองใบหน้าที่ผ่านโลกมาโชกโชนของอีกฝ่ายแล้วก็เห็นชัดว่าเป็นลุงที่ชีวิตไม่สุขสบายนัก เหยียนเทียนชงรู้สึกว่าเขาคงคิดมากไป
เขาพูดยิ้มเยาะว่า “ยังมีอารมณ์ยิ้มอีกหรือ? ลงมือกลางตลาดค่ายกลส่งข้ามถือเป็นการผิดกฎของที่นี่ จับตัวเขาเสีย ตัดมือตัดขา!”
เหยียนเทียนชงเพิ่งพูดจบก็มีบ่าวรับใช้ของร้านขยายฟ้ากลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ทว่าในชั่วพริบตานี้เองที่บนร่างอี้อวิ๋นมีลำแสงพันสายพุ่งออก!
ฉัวะๆๆ!
ดาบบินเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเล่มพุ่งไปรอบทิศ บรรดาบ่าวรับใช้ที่พุ่งเข้ามาตอบสนองไม่ทันแม้แต่น้อย ร่างกายพวกเขาหยุดชะงักอย่างเฉียบพลันและถูกดาบินแล่นผ่าน ทันใดนั้นทั้งโลหิตทั้งแขนขาที่ขาดก็กระเด็นไปทั่ว เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้กลายเป็นลานประหารแห่งอสูรอย่างฉับพลัน
ฉากอันน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้สาวน้อยจากร้านความลับเทพหลายคนหน้าซีด พวกนางไม่รู้ว่าที่นี่มีเทพสังหารเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่ในสายตาพวกนางแล้วแม้เทพสังหารผู้นี้จะน่ากลัว แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าคุณชายหยกโลหิตที่ดื่มเลือดมนุษย์หลายเท่า
“หืม?”
ในที่สุดคุณชายหยกโลหิตก็มองอี้อวิ๋นตรงๆ เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ตายลงพร้อมกันมากขนาดนี้ คนผู้นี้เหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่ใช่จอมยุทธ์อิสระธรรมดา
แต่ถึงกระนั้นคุณชายหยกโลหิตก็ไม่ใส่ใจอี้อวิ๋น “มีความสามารถไม่น้อยนี่ คนเช่นเจ้าไม่น่าไร้ชื่อเสียงเรียงนาม เจ้าชื่ออะไร?”
คุณชายหยกโลหิตคิดไม่ออกว่าแถวทะเลทรายกลบอาทิตย์มีใครใช้ดาบบิน
“คนตายเช่นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อข้า” อี้อวิ๋นมองหยกโลหิตอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
คุณชายหยกโลหิตหัวเราะเสียงดังประหนึ่งได้ยินมุกที่ตลกที่สุดในโลก “ไม่เคยมีใครอวดดีต่อหน้าข้าขนาดนี้มาก่อน อีกอย่างเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแม้แต่น้อย ต่อให้จะรอดเงื้อมมือข้าก็มียอดฝีมือของสำนักกระหายโลหิตอยู่ใกล้ๆ นี้ พวกเขาใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็มาถึงที่นี่แล้ว เจ้าคิดว่าตัวเองจะรอดไปได้หรือ?”
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ที่อยู่ด้านหลังคุณชายหยกโลหิตหัวเราะออกมาเช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ปรมาจารย์ฮว่าอวี่มีสหายอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเช่นกัน พวกเขาเองก็จะถึงที่นี่โดยเร็ว ถึงเวลานั้นอี้อวิ๋นก็เป็นสัตว์ในกรงแล้ว ย่อมไม่อาจปิดบังตัวตนได้อีก
“สำนักกระหายโลหิตหรือ?”อี้อวิ๋นหัวเราะอย่างเย็นชา ตอนที่เขาลงมือเมื่อครู่ก็ได้กวาดการรับรู้ออกไปรอบด้าน พวกคนที่น่ากลัวจริงๆ อย่างรองประมุขวังวิถีเจ็ดดาราต่างอยู่ในส่วนลึกของทะเลทรายกลบอาทิตย์กันหมด
แม้รอบค่ายกลส่งข้ามจะมียอดฝีมืออยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้อี้อวิ๋นเกรงกลัว แต่แน่นอนว่าตัวตนของเขาไม่อาจเปิดเผย ไม่เช่นนั้นจะดึงดูดการล้อมสังหารของวังวิถีเจ็ดดาราเข้ามา
อี้อวิ๋นเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างฉับพลัน พลังสีดำเทากลุ่มหนึ่งแผ่ออกจากร่าง
พลังกลุ่มนี้ให้ความรู้สึกกว้างใหญ่ทรงพลังที่ยากจะบรรยาย เมื่อมันแผ่ไปรอบด้านก็ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่อาจหลบเลี่ยง ประหนึ่งว่าพลังนี้ปิดตายฟ้าดินจนพวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในจักรวาลอื่น
“นี่คืออะไร?”
หยกโลหิตกับปรมาจารย์ฮว่าอวี่ตกใจ พลังประหลาดผนึกพื้นที่แห่งนี้จนพวกเขาเหมือนตัดขาดกับโลกภายนอก
“ค่ายกล? เจ้ามีค่ายกลโบราณหรือ?”
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่พูดอย่างตื่นตกใจ เขามองว่ามีเพียงแผ่นค่ายกลโบราณที่ผนึกพื้นที่ได้ภายในพริบตา
อี้อวิ๋นหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายศีรษะพูดว่า “นี่คือเขตแดนวิถีของข้า”
แขตแดนวิถีใบนี้คือแขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างของอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นใช้เขตแดนมาห่อหุ้มพื้นที่ตรงนี้จนพวกหยกโลหิตกับปรมรจารย์ฮว่าอวี่ถูกห่อไว้ตรงกลาง เช่นนี้แล้วพื้นที่ภายในจึงตัดขาดจากภายใน ไม่ว่าเขาจะใช้กระบวนท่าแบบไหนก็ไม่ถูกคนภายนอกรับรู้ ดังนั้นตัวตนย่อมไม่ถูกเปิดเผยเช่นกัน
นอกเสียจากว่าหยกโลหิตกับปรมาจารย์ฮว่าอวี่จะทำลายเขตแดนใบนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะถูกขังอยู่ที่นี่!
“เขตแดนวิถี? เลิกคุยโวเถอะ!” หยกโลหิตเป็นคนมีความรู้เช่นกัน เขตแดนวิถีที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังนี้ทำให้เหมือนเผชิญกับทั้งจักรวาล จะเป็นสิ่งที่เกิดจากคนไม่โดดเด่นได้อย่างไร เกรงว่าแม้แต่ประมุขวังวิถีเจ็ดดาราก็อาจไม่มีเขตแดนวิถีระดับนี้
อี้อวิ๋นขี้เกียจเถียงด้วย เขาพูดต่อว่า “ลืมบอกไปว่าเวลาในเขตแดนวิถีของข้าจะถูกเร่งความเร็ว ข้ามีเวลาจัดการพวกเจ้าได้เหลือเฟือโดยที่คนภายนอกไม่รับรู้แม้แต่น้อย”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็โบกมืออย่างฉับพลัน!
ฉัวะๆๆ!
ลำแสงหลายสิบสายพุ่งเข้าใส่กุนซือหยาง!
“อ้า!”
กุนซือหยางตกใจกลัว เขาไม่อาจต้านทานอะไรแม้แต่น้อย ดาบบินหลายสิบเล่มแทงทะลุร่างกาย แขนขาทั้งสี่ถูกลำแสงดาบฟันเป็นชิ้นๆ ดาบบินที่ทะลุผ่านหน้าอกปักเขาเข้าที่แท่นหิน โลหิตไหลนองไปทั่ว
แท่นหินนี้อยู่ใต้เท้าสาวน้อยเหล่านี้ พวกนางตกใจอ้าปากค้าง แววตามีทั้งความกลัวมีทั้งความประหลาดใจ พวกนางไม่อยากจะเชื่อว่ากุนซือหยางผู้มีตำแหน่งสูงส่ง เป็นผู้ควบคุมชะตาชีวิตพวกนาง ทำชั่วในเมืองแสงหยกมาเป็นร้อยปีและมีรากอิทธิพลฝังลึกจะมาตายเช่นนี้ ตายอยู่ใต้เท้าพวกนาง
ดวงตากุนซือหยางพร่ามัว ในปากมีเลือดไหล เขาหายใจออกมาก หายใจเข้าน้อย ดูท่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน
เขาออกแรงดิ้นรน ริมฝีปากพูดคำที่ฟังไม่รู้เรื่องอย่างไม่ยอมใจ จนจะตายแล้วเขาก็เหมือนไม่กล้าเชื่อว่านี่คือจุดจบของตัวเอง
“ตอนนั้นจีสุ่ยเยียนแค่ตัดแขนขาเจ้า ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อ คิดไม่ถึงว่าสุนัขแก่เช่นเจ้าจะถูกช่วยออกมา ทั้งยังต่อแขนขากลับเข้าไปใหม่ วันนี้ข้าตัดพวกมันออกทั้งหมด ดูซิว่าคราวนี้เจ้าจะรอดอย่างไร?”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็โบกมือ ลำแสงดาบโถมลง กุนซือหยางร้องโหยหวน เขาถูกลำแสงนี้กลืนกินอย่างสมบูรณ์ โลหิตสาดกระเซ็นและสิ้นใจลง
ตอนนี้เหยียนเทียนชงไม่มีใจมาสนความตายของกุนซือหยางแล้ว เพราะคำพูดของอี้อวิ๋นทำให้เขาสะดุ้งตกใจ!
“เจ้าว่าอะไรนะ? จีสุ่ยเยียนหรือ!?”
จีสุ่ยเยียนจับตัวกุนซือหยางและตัดแขนขาของเขา เรื่องนี้เป็นแค่เล็กๆ หากเป็นจอมยุทธ์จากภายนอกก็ไม่มีทางสนใจเรื่องนี้
เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้รู้จักจีสุ่ยเยียน พลังที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านี้ก็ทำให้ในหัวเหยียนเทียนชงมีความคิดที่ทำให้ต้องตัวสั่นแล่นผ่าน
“เจ้าคืออี้อวิ๋น!?”
เหยียนเทียนชงถูกอี้อวิ๋นทำให้ตกใจกลัวมานานแล้ว แต่อี้อวิ๋นถูกคนของวังวิถีเจ็ดดาราล้อมโจมตีอยู่ที่สำนักกระบี่สระใสไม่ใช่หรือ? เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
อี้อวิ๋นไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธเรื่องนี้ เขาไม่คิดจะปิดบังฐานะตัวเองอยู่ วินาทีที่เขาเปิดเขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างออกก็ตัดสินใจแล้วว่าคนจากร้านขยายฟ้าที่อยู่ในเขตแดนต้องตายกันหมด