True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1085
“เจี้ยนอู๋เฟิง…เจ้าทำลายค่ายกลส่งผ่านของวังวิถีเจ็ดดารา!?”
เสียงของผู้อาวุโสเฟิงสิงสั่นเทา ค่ายกลส่งผ่านนี้ตัดผ่านระยะทางเป็นสิบล้านลี้ เป็นค่ายกลชิ้นสำคัญของวังวิถีเจ็ดดาราและมูลค่าสูงจนน่ากลัว ในฐานะที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงเป็นผู้ดูแลร้านประมูลเจ็ดดาราของเมืองแสงหยก ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไรเขาก็ไม่อาจปัดภาระเมื่อค่ายกลส่งผ่านเกิดความเสียหาย
ผู้อาวุโสเฟิงสิงรู้สึกเย็นในใจเมื่อนึกถึงกฎอันเข้มงวดของวังวิถีเจ็ดดารา ด้วยฐานะอันต่ำต้อยของเขาในสำนักก็เรียกได้ว่าต่อให้ฆ่าเขาก็ไม่อาจชดเชยความเสียหายที่ค่ายกลส่งผ่านถูกทำลาย!
“ทำลายแล้วทำไม?”
เจี้ยนอู๋เฟิงเก็บกระบี่กลับคืนด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถ้าไม่ทำลายค่ายกลส่งผ่าน เมื่อคนของร้านประมูลเจ็ดดาราส่งข่าวออกไปด้านนอกจนมีคนจากวังวิถีเจ็ดดารามาเพิ่ม เช่นนั้นเขาคงจบสิ้นอยู่ที่นี่แน่ๆ
สู้กับทูตอวี้เหิงคนเดียวคือขีดจำกัดของเจี้ยนอู๋เฟิงแล้ว เขาโจมตีสำเร็จ ทั้งยังมีโอกาสเพราะอี้อวิ๋น
ว่าไปแล้วเจี้ยนอู๋เฟิงก็ทึ่งในความน่ากลัวของอี้อวิ๋น แม้กระบี่เมื่อครู่ของอี้อวิ๋นจะถูกทูตอวี้เหิงทำลายอย่างง่ายดายแต่ก็ยังคงทำให้เจี้ยนอู๋เฟิงสั่นสะพรึง กระบี่นี้รุนแรงกว่าตอนที่สู้กับเจี้ยนเสี่ยวซวงหลายเท่า กฎที่เด็กหนุ่มผู้นี้บรรลุช่างน่าตะลึงจริงๆ อนาคตไม่อาจคาดการณ์!
บรรยากาศเงียบลง ทุกคนถอยห่างออกมาหลายสิบหมี่นานแล้ว ปราณกระบี่อันแข็งแกร่งจากการประมือชั่วพริบตาเมื่อครู่ได้ทำลายศาลาโดยรอบ สระบัวพังทรุดเหมือนถูกพายุพัดผ่าน
ทูตอวี้เหิงโบกมือ แส้หางไม้ที่ตกบนพื้นลอยกลับมาอยู่ในมือเขา แผลกระบี่บนไหล่ถูกเจาะทะลุ แม้โลหิตจะหยุดไหล แต่ปราณกระบี่ที่ทิ้งไว้ในแผลกลับยังคงทำลายเส้นลมปราณ ยากที่จะขจัดไปชั่วขณะ
เรื่องนี้ทำให้ทูตอวี้เหิงตกใจเงียบๆ เจี้ยนอู๋เฟิงแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ!
เดิมทีทูตอวี้เหิงไม่เห็นสำนักกระบี่สระใสอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตัวเองประเมินพลังของเจี้ยนอู๋เฟิงต่ำไปมาก นี่เป็นศัตรูที่รับมือยากคนหนึ่งแน่นอน ต่อให้ไม่ใช่เพราะก่อนหน้ารับมือกับอี้อวิ๋น แม้จะสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับอีกฝ่ายก็ไม่กล้าพูดว่าจะชนะเจี้ยนอู๋เฟิงแน่นอน
“เจี้ยนอู๋เฟิง เหตุใดจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับวังวิถีเจ็ดดาราของข้า บอกเหตุผลมา! หากเจ้าอยากได้เข็มทิศความลับสวรรค์ เช่นนั้นข้าก็รับปากได้ว่าเมื่อนำเข็มทิศกลับไปที่สำนักความลับสวรรค์แล้วจะแบ่งปันกับเจ้า”
การที่ค่ายกลส่งผ่านถูกทำลายทำให้ทูตอวี้เหิงร้อนใจเล็กน้อย เขาชนะเจี้ยนอู๋เฟิงไม่ได้ หากเจี้ยนอู๋เฟิงพาอี้อวิ๋นหนีไปสำเร็จก็จะทำให้ชื่อเสียงของเขาที่วังวิถีเจ็ดดาราเสียหาย
“แบ่งปันเข็มทิศความลับสวรรค์กับข้า? เหอะ! ข้ารู้เรื่องในวันนี้ดี ไม่จำเป็นต้องพูดคำสวยหรู ทำมาพูดว่าจะนำเข็มทิศกลับไปที่สำนักความลับสวรรค์ แท้จริงแล้ววังวิถีเจ็ดดาราของเจ้าอยากได้สมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์ต่างหาก ก่อนหน้านี้ข้าคงประเมินสมบัตินี้ต่ำไป คิดไม่ถึงว่ามันจะทำให้วังวิถีเจ็ดดาราถึงขั้นไม่เลือกวิธี ทูตจากวังวิถีเจ็ดดาราถึงขั้นลงมือกับเด็กอายุหกสิบและสาวน้อยอ่อนแอ ช่างน่าไม่อายจริงๆ!”
คำพูดเสียดสีของเจี้ยนอู๋เฟิงทำให้ทูตอวี้เหิงยิ่งมีสีหน้าไม่น่ามอง
“ดูท่าเจ้าสำนักสระใสจะไม่บอกเหตุผลกับข้าสินะ”
ทูตอวี้เหิงพูดอย่างชั่วร้าย เขาเคยได้ยินว่าเจี้ยนอู๋เฟิงเป็นคนซื่อตรง แต่ต่อให้จะซื่อตรงอย่างไรก็ไม่มีทางเดิมพันด้วยชีวิตของศิษย์ทั้งสำนักเพื่อคนที่เพิ่งรู้จัก ในนี้ต้องมีสาเหตุอะไรแน่นอน
แม้แต่สมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็ไม่เพียงพอให้เจี้ยนอู๋เฟิงทำเช่นนี้ เพราะต่อให้ได้เข็มทิศความลับสวรรค์มาก็ช่วยเพิ่มความหวังที่จะเจอสมบัติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้รับประกันอะไร
เจี้ยนอู๋เฟิงไม่พูดอะไร เขาโบกมือโยนเจดีย์ขนาดเล็กออกมา
อี้อวิ๋นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจดีย์ เขารู้ว่าเจดีย์นี้น่าจะเป็นที่พำนักพกพา มันมีส่วนคล้ายคลึงกับเจดีย์เทพจุติแต่คุณภาพด้อยกว่ามาก ดูท่าสำนักกระบี่สระใสคงมีบันทึกเกี่ยวกับเจดีย์เทพจุติ ชนรุ่นหลังของสำนักคงสร้างเลียนแบบตามบันทึกเหล่านี้
“พวกเจ้าเข้าไปในที่พำนักพกพาของข้าเสีย!”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดไปด้วย กระบี่ในมือก็ชี้ไปทางทูตอวี้เหิงไปด้วย
ดวงตาทูติอวี้เหิงมีประกายเย็นชาอันน่ากลัว เขารู้ว่าเจี้ยนอู๋เฟิงจะพาคนหนีไปแล้ว เขาอยากขัดขวางแต่ก็บาดเจ็บอยู่ หากสู้ขึ้นมาจริงๆ ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนอู๋เฟิง ไม่มีทางขัดขวางอีกฝ่าย
“ทุกท่าน! ข้าขอเป็นตัวแทนวังวิถีเจ็ดดาราในการออกคำสั่ง ผู้ใดที่ช่วยข้าจับตัวเจี้ยนอู๋เฟิงในวันนี้จะได้รับการตอบแทนจากวังวิถีเจ็ดดาราในอนาคตอย่างเต็มที่แน่นอน!”
ทูตอวี้เหิงรู้ตัวว่าเขาจับเจี้ยนอู๋เฟิงไม่อยู่ ได้แต่ยืมมือยอดฝีมือทั้งหลายจากนอกสำนัก
เขาเชื่อว่าหากทุกคนร่วมมือกัน เช่นนั้นต่อให้เจี้ยนอู๋เฟิงมีปีกก็หนีไม่รอด!
เป็นดังที่คิด คำพูดของทูตอวี้เหิงทำให้บางคนเริ่มเคลื่อนไหว
ใจของเจี้ยนอู๋เฟิงจมลง เขาพูดเสียงเย็นว่า “หากวันนี้ผู้ใดลงมือ เช่นนั้นข้าก็ไม่กล้ารับประกันเรื่องอื่น แต่หากดึงคนสักสองสามคนให้ตายไปด้วยก็พอทำได้อยู่!”
อี้อวิ๋นรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งเมื่อเจี้ยนอู๋เฟิงพูดเช่นนี้
บุญคุณที่ช่วยชีวิตเป็นสิ่งหายาก แต่ที่ยากกว่าคือผู้ช่วยชีวิตยอมจ่ายราคามหาศาลและเสี่ยงชีวิต
อี้อวิ๋นประสานมือพูดว่า “อี้อวิ๋นไม่มีวันลืมบุญคุณของผู้อาวุโสในวันนี้!”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็มองไปยังทุกคนในที่นี้ เขาพูดเสียงเย็นว่า “ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ข้าอยู่มาก็ไม่รู้เจอวิกฤตถึงชีวิตมาแล้วกี่ครั้ง บังเอิญที่ดวงข้าแข็งนัก ไปประตูวิญญาณหลายครั้งพญายมก็ไม่รับไว้สักทีจนมีชีวิตถึงตอนนี้ เรียกว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง!”
“วันนี้ข้าขอสัญญาว่าจะจดจำทุกคนที่ลงมือกับข้าและผู้อาวุโสอู๋เฟิงในวันนี้ หากข้ารอดออกไปจนมีผลสำเร็จด้านยุทธ์ในอนาคตก็จะไปเยี่ยมเยียนทุกท่านทีละสำนักแน่นอน!”
เมื่ออี้อวิ๋นพูดประโยคนี้ถึงท่อนสุดท้ายก็มีจิตสังหารอันเย็นยะเยือกแฝงอยู่
เด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งพูดขู่ยอดฝีมือจำนวนมาก เดิมทีนี่คงเป็นเรื่องตลกไร้สาระที่น่าขันจนฟันร่วง แต่เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยอี้อวิ๋นก็กลับไม่มีใครหัวเราะออก
พวกเขารู้ว่าหากอี้อวิ๋นไม่มีสำนักแต่เดินมาถึงผลสำเร็จในวันนี้ได้ก็ต้องมีโชคอยู่กับตัวแน่นอน ที่เขาบอกว่าหลายสิบปีมานี้เจอวิกฤตถึงชีวิตมาครั้งแล้วครั้งเล่าและไปเยือนประตูวิญญาณหลายครั้งก็ไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะหากไม่มีประสบการณ์เช่นนี้แล้วอี้อวิ๋นมีผลสำเร็จแบบวันนี้ได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นเจอวิกฤตถึงชีวิตหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ เช่นนั้นวันนี้พวกเขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าวันนี้จะฆ่าอี้อวิ๋นสำเร็จ? เมื่อศัตรูเช่นนี้เติบโตขึ้นมาก็อาจสังหารพวกเขาทั้งสำนัก!
แม้วังวิถีเจ็ดดาราจะสัญญาเรื่องเงื่อนไขบางอย่าง แต่เงื่อนไขเหล่านี้จะเป็นจริงแค่ไหนก็ยังเป็นปัญหา หลายคนถอยตัวต่อคำขู่ของอี้อวิ๋นในอนาคต
“พวกเจ้า…”
ทูตอวี้เหิงโมโหเมื่อเห็นหลายคนพากันถอย แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เหยียนเทียนชงยิ่งร้อนใจกว่าใคร ก่อนหน้านี้เขาบอกข่าวเรื่องเข็มทิศความลับสวรรค์ก็เพื่อสังหารอี้อวิ๋น แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกลับจะรอดไปแล้ว