True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1082
อี้อวิ๋นได้กระบี่หักหยางบริสุทธิ์มานานมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องคุณภาพของกระบี่เล่มนี้อีก แต่น่าเสียดายที่มันหักครึ่ง ทั้งยังผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลาหลายร้อยล้านปี นี่จึงทำให้ประสิทธิภาพของมันไม่ดีเหมือนเก่า หากน้ำค้างบำรุงวัตถุนี้พอซ่อมบำรุงได้เล็กน้อย แม้จะเล็กน้อยมากก็เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งครั้งใหญ่สำหรับอี้อวิ๋น
‘ข้าอยากได้น้ำค้างบำรุงวัตถุ’
อี้อวิ๋นส่งเสียงพูดกับจีสุ่ยเยียน อี้อวิ๋นมีเงินทองไม่มาก ‘คัมภีร์สุดยอดวิชาหมื่นปีศาจ’ ที่มีมูลค่ามากมหาศาลก็ไม่อาจนำออกมา ดังนั้นหากจะได้น้ำค้างบำรุงวัตถุนี้จึงต้องพึ่งร้านความลับเทพ
‘ข้าพยายามสุดกำลังเจ้าค่ะคุณชายอี้’
จีสุ่ยเยียนกัดฟัน นางรู้ว่าอี้อวิ๋นเป็นมังกรแท้บนฟากฟ้า เขาไม่อาจอยู่ที่เมืองแสงหยกไปตลอด แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะพยายามคว้าสิ่งที่อี้อวิ๋นต้องการมาให้ได้
“น้ำค้างบำรุงวัตถุเป็นของดีก็จริง น่าเสียดายที่ข้าใช้ไม่ได้ นี่คือของที่ข้านำออกมาแลกเป็นอย่างอื่น หากสนใจก็มาแลกไปได้” นักพรตซวีสุ่ยนำขวดหยกใบหนึ่งออกมา
เขาเปิดฝาขวดออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมอันน่าประหลาดก็ลอยออกมา
“นี่คือโอสถหมื่นชาดจำนวนหนึ่งเม็ด” นักพรตซวีสุ่ยพูด
โอสถหมื่นชาดคือโอสถที่ช่วยให้จอมยุทธ์ระดับวังวิถีข้ามผ่านระดับ คนส่วนใหญ่จะเก็บไว้กับตัว ไม่เอาออกมาแลกเปลี่ยนเมื่อได้โอสถชนิดนี้ เมื่อตอนนี้มาปรากฏในงานซื้อขายก็ทำให้หลายคนตาเป็นประกายทันที
โอสถชั้นยอดมีประโยชน์ต่ออี้อวิ๋นเช่นกัน แต่เขายอมเลือกน้ำค้างบำรุงวัตถุมากกว่า ร้านความลับเทพก็มีโอสถชั้นยอดเช่นกัน แต่น้ำค้างบำรุงวัตถุมีเพียงหนึ่งเดียว
ตอนนี้ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดขึ้นว่า “โอสถหมื่นชาดนี้ร้านประมูลเจ็ดดาราของข้ายินดีรับซื้อ ไม่ทราบว่านักพรตซวีสุ่ยอยากให้ใช้อะไรมาแลกหรือ?”
ขณะที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดก็เริ่มใช้ปราณเสียงมาพูดคุยกับนักพรตซวีสุ่ย จากนั้นกลุ่มอิทธิพลและร้านค้าต่างๆ ก็พากันนำสมบัติที่แตกต่างกันไปออกมาเสนอ
เพียงครู่เดียวก็เวียนมาถึงคราของร้านขยายฟ้า
ร้านค้าท้องที่ของเมืองแสงหยกมองมาทางร้านขยายฟ้าอย่างสนใจ
การประลองก่อนที่งานซื้อขายจะเริ่มขึ้นทำให้ร้านขยายฟ้าตกอยู่ในสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วน
ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเหยียนเทียนชงผู้เป็นนายน้อยของร้านขยายฟ้าได้ล่วงเกินอี้อวิ๋นอย่างถึงที่สุด อี้อวิ๋นเป็นคนระดับไหนกัน เขามีพรสวรรค์ที่พิสดารยิ่งกว่าเจี้ยนเสี่ยวซวง อนาคตไร้ขีดจำกัดและได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แน่นอน แต่เหยียนเทียนชงเป็นแค่คุณชายจากตระกูลที่พอมั่งคั่งอยู่บ้าง ฐานะไม่อาจเทียบกับอี้อวิ๋นแม้แต่น้อย
หลายคนสงสัยด้วยซ้ำว่าเหยียนเทียนชงคงอายุไม่ยืนแน่แล้ว ด้วยพลังและความเร็วในการพัฒนาของอี้อวิ๋นในตอนนี้ หากเขาจะลอบสังหารเหยียนเทียนชงก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากอี้อวิ๋นเติบโตมากกว่านี้อีกสักปี เช่นนั้นเขาก็อาจถึงขั้นถอนรากถอนโคนร้านขยายฟ้า
หลายคนมองเหยียนเทียนชงอย่างสนุกสนาน แม้แต่ผู้อาวุโสเฟิงสิงจากร้านประมูลเจ็ดดาราที่สนับสนุนเขาก่อนหน้านี้ก็ยังหลับตานิ่งเงียบเพื่อจงใจไม่สนเหยียนเทียนชง เขาแยกความสัมพันธ์จากเหยียนเทียนชงอย่างเห็นได้ชัด
เหยียนเทียนชงมีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเห็นสีหน้าของคนเหล่านี้ โลกของจอมยุทธ์มีความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง หากมีเรื่องกับคนที่สู้ไม่ได้ก็ถึงคราวจบสิ้นแล้ว
“ร้านขยายฟ้ามีสมบัติอะไรมาแลก? หากไม่มีก็ข้ามไปเถอะ” ผู้อาวุโสเฟิงสิงรออยู่นานก็ไม่เห็นว่าเหยียนเทียนชงจะพูดอะไรจึงพูดเสียงแข็ง
แววตาเหยียนเทียนชงมีประกายเย็นๆ แล่นผ่าน เขามองอี้อวิ๋นที่นั่งอยู่ในศาลาฟากตรงข้ามด้วยแววตาชั่วร้าย เขารู้ว่าอี้อวิ๋นคงไม่ปล่อยเขาไปแน่ แต่เหยียนเทียนชงผู้นี้ก็ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ
หากจะเอาชีวิตเขาก็ต้องเตรียมตัวที่จะตายเสียก่อน!
เหยียนเทียนชงลุกขึ้นพูดว่า “ร้านขยายฟ้าของข้าก็สมบัติที่มูลค่ามากที่สุดอยู่ชิ้นหนึ่ง ข้าจะพูดถึงสมบัติชิ้นนี้กับผู้อาวุโสเฟิงสิงเป็นการส่วนตัว”
“หืม?”
ทุกคนฟังคำของเหยียนเทียนชงแล้วก็มีทั้งคนที่สงสัยทั้งคนที่ดูถูก สมบัติอะไรกัน มีมูลค่ามากที่สุดหรือ?
และต่อให้มูลค่ามากแล้วอย่างไร นำออกมาตรงๆ ก็จบ อย่างกับว่าจะมีปล้นเขาจึงต้องทำลับๆ ล่อๆ
“เจ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ” ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดพร้อมขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเหยียนเทียนชงเอาเขามาเกี่ยวด้วย
เหยียนเทียนชงพยักหน้า ริมฝีปากไม่ขยับ เขากำลังส่งเสียงคุยกับผู้อาวุโสเฟิงสิง
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จู่ๆ ผู้อาวุโสเฟิงสิงก็มีสีหน้าน่าเหลือเชื่อ เขาพูดออกมาว่า “เรื่องจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอนขอรับ” เหยียนเทียนชงพูด
ผู้อาวุโสเฟิงสิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา หลังจากที่ลังเลกลับไปกลับมาก็ประสานมือทำความเคารพทุกคนอย่างฉับพลัน “ต้องขออภัยทุกท่านด้วย มีเรื่องบางอย่างที่ข้าไม่อาจตัดสินใจเอง คงต้องขอให้ทุกท่านรอสักครู่”
ขณะที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดก็เดินจากไป
การกระทำเช่นนี้ถือว่าเสียมารยาทแต่ก็ไม่มีใครโมโห แม้พลังของร้านประมูลเจ็ดดาราแห่งเมืองแสงหยกจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่ทุกคนก็รู้ว่าร้านประมูลนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกลุ่มอิทธิพลชั้นยอด ไม่เช่นนั้นกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ก็คงไม่ให้เกียรติร้านประมูลเจ็ดดารา
จากนั้นไม่นานอี้อวิ๋นก็รู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขารู้สึกถึงคลื่นมิติ อี้อวิ๋นเชี่ยวชาญกฎแห่งมิติเวลา รู้ดีว่านี่คือคลื่นพลังจากค่ายกลส่งผ่าน
มีคนเดินทางมาที่เมืองแสงหยกผ่านทางค่ายกลส่งผ่าน
ดูจากความแข็งแกร่งของคลื่นพลังมิตินี้อี้อวิ๋นก็แน่ใจว่าคนผู้นี้เดินทางมาจากสถานที่ที่อยู่ไกลมากแน่นอน
อี้อวิ๋นแผ่การรับรู้ออกไปแต่กลับไม่เจอที่ตั้งของคนผู้นี้ เรื่องนี้ทำให้ใจเขาจมลง เพราะนี่หมายความว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก
เปลือกตาอี้อวิ๋นกระตุกเบา เขาไม่ชอบให้เรื่องราวอยู่เหนือการควบคุมของเขา อี้อวิ๋นไปที่จีสุ่ยเยียนและส่งเสียงพูดว่า ‘ปล่อยเรื่องน้ำค้างบำรุงวัตถุไปก่อน พวกเราควรไปจากงานซื้อขายนี้ชั่วคราว’
‘หืม?’ จีสุ่ยเยียนแปลกใจเล็กน้อย เมื่อครู่นางได้ส่งเสียงคุยเรื่องซื้อน้ำค้างบำรุงวัตถุกับผู้อาวุโสเฟิงสิง ยังไม่ทันตกลงราคากันดีก็มาได้ยินอี้อวิ๋นบอกว่าจะไปจากที่นี่ เรื่องนี้ทำให้จีสุ่ยเยียนเกิดความสงสัยเล็กน้อย แต่อี้อวิ๋นพูดอย่างไรก็ย่อมเป็นอย่างนั้น
นางพยักหน้าและจะออกไปกับอี้อวิ๋น
แต่ในตอนนี้เองที่เหยียนเทียนชงกลับมายืนขวางจีสุ่ยเยียนด้วยรอยยิ้ม “แม่นางสุ่ยเยียน คุณชายอี้ เหตุใดจึงรีบจากไปนักเล่าขอรับ?”
เหยียนเทียนชงเพิ่งพูดจบก็มีเสียงอีกเสียงดังขึ้น “นั่นน่ะสิ แม่นางสุ่ยเยียน ก่อนหน้านี้เจ้าส่งเสียงบอกข้าว่าจะซื้อน้ำค้างบำรุงวัตถุไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังไม่ทันตกลงราคากันดีก็จะไปแล้วล่ะ?”
ผู้พูดคือผู้อาวุโสเฟิงสิง
ร่างกายเข้าโค้งลงเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้ม เขาพูดไปด้วยและเดินนำชายชราสีหน้าซีดเหลืองเข้ามาอย่างเคารพนอบน้อมไปด้วย
เมื่อชายชราผู้นี้ปรากฏก็ดึงความสนใจจากทุกคนทันที เขารูปร่างสูงผอม สวมชุดนักบวชสีฟ้า บริเวณหน้าอกของชุดมีดาวเจ็ดดวงปักเอาไว้ ในดาวทั้งเจ็ดมีลายวิถีส่องสว่างจางๆ
ชายชราเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าสู่ศาลา ทุกย่างก้าวเหมือนเหยียบลงบนจุดใจเต้นของทุกคนจนรู้สึกไม่สบายตัวนัก
ชายชราผู้นี้เป็นใครกัน…
ใจอี้อวิ๋นเคร่งเครียดขึ้นมา เขารู้สึกอย่างฉับพลันว่าพลังของชายชราเพ่งเล็งมาที่เขาอย่างไร้รูป เรื่องนี้ทำให้เขาลูบมือไปที่แหวนมิติของตัวเองตามสัญชาตญาณ