True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1081
“ข้ายอมแพ้”
ประมือจนถึงขั้นนี้ก็เห็นความต่างชัดเจนแล้ว หากไม่ใช่เพราะอี้อวิ๋นจงใจยอมในกระบี่เมื่อครู่ เช่นนั้นต่อให้นางจะพอรับไหวก็คงลำบากมาก ไม่จำเป็นต้องสู้ต่ออีก
นางรู้แล้วว่าตัวเองห่างชั้นกับชายหนุ่มผู้นี้ไกลเกินไป เมื่อครู่พวกนางแลกกระบี่กันแค่สองครั้ง อีกฝ่ายไม่เพียงแค่ใช้กระบวนท่ากระบี่ที่คล้ายคลึงกับนางมากแต่ยังมีแนวคิดเหนือกว่า นี่ทำให้ดูเหมือนว่าจงใจให้คำชี้แนะแก่นาง
เจี้ยนเสี่ยวซวงเองก็นับว่ามีชื่อเสียงแต่กลับถูกคนวัยเดียวกันชี้แนะ ทั้งกระบวนท่ากระบี่ของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะเทียบได้ เรื่องนี้ทำให้เจี้ยนเสี่ยวซวงสับสน นางคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองอยู่ระดับสูงสุดของเด็กรุ่นเยาว์ เทียบกับอัจฉริยะจากสำนักชั้นยอดก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมาก เหตุใดเมื่อสู้กับอี้อวิ๋นแล้วจึงห่างชั้นเพียงนี้?
“ยินดี หากเทพธิดาเสี่ยวซวงสนใจก็ประมือกันใหม่ในวันหน้าได้” อี้อวิ๋นประสานมือพูด
เขารู้สึกว่ามรดกของราชาชิงหยางไม่ครบสมบูรณ์ เกรงว่าคงตกหล่นไม่น้อย หลายปีมานี้สำนักกระบี่สระใสคงมีอัจฉริยะไม่น้อยที่นำความเข้าใจของตัวเองมาเพิ่มเข้าในมรดกของสำนัก แต่สิ่งที่เพิ่มเข้าไปเหล่านี้ล้วนไม่เพียงพอและบกพร่อง
อี้อวิ๋นมีมรดกสุดท้ายที่ราชาชิงหยางทิ้งไว้ ทั้งยังเก็บเอาความเข้าใจต่อวิถีกระบี่และวิถีหยางบริสุทธิ์ของคนอื่นมาพัฒนาตนเอง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำนักกระบี่สระใสจะเทียบได้
ราชาชิงหยางมีบุญคุณต่ออี้อวิ๋น หากได้เจอทายาทของราชาชิงหยางก็อยากช่วยพวกเขา
ตอนนี้เขาได้ประมือกับเจี้ยนเสี่ยวซวง ความจริงคือเขาลองเสริมให้วิชาและกระบวนท่าของนางสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
“เยี่ยมยอด! การต่อสู้ในวันนี้ทำให้ข้าได้เปิดโลกกว้าง คุณชายอี้ช่างเป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะโดยแท้!”
เจี้ยนอู๋เฟิงลุกออกมาพูด เขาชื่นชมในตัวอี้อวิ๋นมาก อี้อวิ๋นมีพรสวรรค์เกินกว่าที่เขาจินตนาการ เขาอยากผูกมิตรกับอี้อวิ๋นแต่ถามเรื่องที่มาของมรดกจากราชาชิงหยาง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
“คุณชายอี้ทิ้งตราส่งเสียงไว้ได้หรือไม่?”
เจี้ยนอู๋เฟิงเป็นฝ่ายพูด ท่ามกลางคนในที่แห่งนี้เจี้ยนอู๋เฟิงก็นับว่ามีตำแหน่งไม่ธรรมดา ทว่าเมื่อเจอกับอี้อวิ๋นที่เป็นเด็กรุ่นเยาว์ก็ไม่เพียงแต่เป็นฝ่ายผูกมิตร น้ำเสียงที่พูดยังจริงใจและเป็นมิตร เรื่องนี้ทำให้หลายคนทอดถอนใจ อี้อวิ๋นมีอนาคตไร้ขีดจำกัดจริงๆ
สำหรับคนอื่นๆ แล้วการทำความรู้จักอี้อวิ๋นก็ไม่มีผลเสีย นี่จึงทำให้ตอนนี้หลายคนยอมเป็นฝ่ายเข้าหาอี้อวิ๋นและทิ้งตราส่งเสียงเอาไว้
แม้อี้อวิ๋นจะไม่สนใจที่จะทำความรู้จักกับกลุ่มอิทธิพลภายนอกเหล่านี้แต่ก็ไม่เสียมารยาทกับอีกฝ่าย เขารับตราส่งเสียงเอาไว้ทั้งหมด
เหยียนเทียนชงดูอยู่ด้านข้างอย่างไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร เขามาร่วมงานซื้อขายนี้ก็เพื่อรู้จักกับบุคคลสำคัญจากภายนอกเหล่านี้ ทว่าตอนนี้เขากลับไม่แม้แต่จะแทรกตัวได้
เทียบกับอัจฉริยะผู้เป็นเอกอย่างอี้อวิ๋น ฐานะของเหยียนเทียนชงที่เป็นผู้สืบทอดของร้านขยายฟ้าจึงไม่มีค่าให้พูดถึง
“ทุกท่าน งานซื้อขายครั้งนี้ของพวกเราควรเริ่มได้แล้วหรือไม่”
ในที่สุดผู้อาวุโสเฟิงสิงก็พูดด้วยสีหน้าขมขื่นเมื่อเห็นว่ามีคนเข้าไปผูกมิตรกับอี้อวิ๋นมากขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีงานรวมตัวที่ร้านประมูลเจ็ดดาราจัดในครั้งนี้ก็มีขึ้นเพื่อหารือและซื้อขายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ในทะเลทรายกลบอาทิตย์ แต่เพราะมีอี้อวิ๋นเข้ามา แก่นหลักของงานนี้จึงเปลี่ยนไป หลายคนสนใจแต่จะคุยกับอี้อวิ๋น ตัวเขาที่เป็นเจ้าภาพถูกปัดไปด้านข้าง
“แน่นอน งานซื้อขายควรเริ่มได้แล้ว ก่อนที่เราจะไปทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็ควรหารือซึ่งกันและกัน”
นักพรตซวีสุ่ยพูดขึ้น พวกเขาเหล่านี้มาที่นี่ก็เพื่อทำการซื้อขาย วัตถุล้ำค่าหลายอย่างจะมีให้เห็นในงาน
คนทั้งกลุ่มออกจากแท่นประตูมังกรโดยมีผู้อาวุโสเฟิงสิงเป็นผู้นำทางและมาถึงยังศาลาที่ตั้งอยู่กลางสระบัว
ผู้อาวุโสเฟิงสิงกระแอมไอ “ทุกท่านเดินทางมาจากแดนไกล ร้านประมูลเจ็ดดาราของข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก งานซื้อขายครั้งนี้จะเริ่มโดยร้านประมูลเจ็ดดารา นับว่าใช้อิฐมาล่อหยก” ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูด
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสเฟิงสิงไม่พูดไร้สาระแม้แต่น้อย เขาเข้าหัวข้อตั้งแต่เริ่ม
“ยกขึ้นมา” ผู้อาวุโสเฟิงสิงโบกมือ
แขกจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ พากันมองไปที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงทันที
สาวน้อยวัยแรกแย้มสองนางยกกล่องไม้ใบหนึ่งมายืนข้างผู้อาวุโสเฟิงสิง ทั้งสองยิ้มอย่างอ่อนหวานและทำความเคารพให้ผู้ชมล่างเวทีก่อนที่จะวางกล่องไม้ลง
ตุบ!
เสียงอันหนักทุ้มดังขึ้น สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที พวกนางสองคนยกกล่องไม้เหมือนกำลังยกผืนผ้าอันเบานุ่ม ทว่าเมื่อวางลงพื้นกลับเกิดเสียงหนักทุ้มเช่นนี้
“นี่คือไม้หยินล้านปี เกิดในดินแดนที่ผู้แข็งแกร่งในยุคโบราณจบชีวิต เติบโตจากการดูดซึมแก่นหยิน ร้านประมูลเจ็ดดาราของข้าได้มาและสร้างเป็นกล่องไม้ใบนี้ หากผู้ใดไม่ใช่ผู้ฝึกหยินบริสุทธิ์และสัมผัสกับกล่องไม้นี้ก็จะถูกปราณหยินเข้าร่าง อย่างเบาก็แค่รู้สึกไม่สบายตัว อย่างหนักก็ถึงชีวิต” ในที่สุดผู้อาวุโสเฟิงสิงก็หาความมั่นใจคืนมาได้เล็กน้อย เขาพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า
แม้ร้านประมูลเจ็ดดาราของพวกเขาจะมีพลังด้านยุทธ์สู้จอมยุทธ์จากสำนักเหล่านี้ไม่ได้ แต่วัตถุชิ้นนี้มาจากร้านประมูลเจ็ดดาราสาขาใหญ่ในทะเลทรายกลบอาทิตย์ ย่อมไม่ด้อยแน่นอน
“เปิดมันออก” ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดกับสาวน้อยสองคนนั้น
กลุ่มอิทธิพลต่างๆ พากันมองกล่องไม้นี้ แต่ละคนต่างมีสายตาเฉียบแหลม ลำพังแค่กล่องไม้นี้ก็เป็นสมบัติแล้ว
‘หืม? นี่คือ…’ ใจอี้อวิ๋นสั่นไหว เขารู้สึกถึงปราณเย็นที่ยากจะบรรยายจากในกล่องไม้นี้
เขาเห็นว่าในกล่องไม้มีหยกที่แกะสลักเป็นรูปดอกบัวสีเขียวอยู่หนึ่งดอก บนใบของบัวก็มีของเหลวสีเขียวเดียวกันหนึ่งประคองรองเอาไว้
ของเหลวนี้ใสสะอาดแวววาว เห็นแล้วเกิดความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ประหนึ่งกำลังเผชิญกับละอองฝนที่พัดเข้าหน้า
“น้ำค้างบำรุงวัตถุ?”
เจี้ยนอู๋เฟิงตาเป็นประกายและพูดขึ้น
“ถูกต้อง เจ้าสำนักสระใสสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก นี่ก็คือน้ำค้างบำรุงวัตถุจำนวนหนึ่งประคอง น้ำค้างนี้หายากมาก มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากแก่นฟ้าดิน วัตถุล้ำค่าที่เกิดขึ้นเองต้องมีวัตถุธาตุหยางบริสุทธิ์มาบรรจุจึงจะรับประกันได้ว่าแก่นพลังจะไม่หลุดรั่ว”
“แต่เทียบกับความหายากแล้วสรรพคุณของมันกลับไม่ท้าทายสวรรค์นัก ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลต่อมูลค่าของมันเล็กน้อย ประโยชน์ของน้ำค้างบำรุงวัตถุก็คือ…ฟื้นฟูของวิเศษที่ได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นของวิเศษระดับใด เมื่อใช้น้ำค้างบำรุงวัตถุมาฟื้นฟูหลังจากที่เสียหายก็อาจไม่ถึงขั้นว่าฟื้นคืนดังเดิม แต่อย่างน้อยก็ทำให้อานุภาพเพิ่มขึ้นมาก”
ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดจบก็มองมาที่ทุกคน
ยอดฝีมือจากภายนอกหลายคนสนใจในน้ำค้างบำรุงวัตถุ แต่วัตถุที่ใช้ฟื้นฟูของวิเศษไม่มีค่าเท่าวัตถุที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้โดยตรง หลายคนก็ไม่มีของวิเศษที่เสียหาย ต่อให้มี ของวิเศษที่เสียหายนี้ก็ใช่ว่าจะมีค่าเท่าน้ำค้างบำรุงวัตถุ เช่นนั้นก็สู้ไม่ซ่อมแซมจะดีกว่า
ทว่าท่ามกลางกลุ่มคน อี้อวิ๋นที่เห็นวัตถุเช่นนี้กลับใจสั่น กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ที่เขาใช้มาโดยตลอดก็เป็นของวิเศษที่ได้รับความเสียหายไม่ใช่หรือ?