True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1079
เสียงของเจี้ยนเสี่ยวซวงดังชัดไปทั่วพื้นที่แห่งนี้ กระบี่ในมือนางมีเจตนากระบี่อันแหลมคมวนเวียน เมื่อผู้ฝึกกระบี่บรรลุกระบี่ถึงขั้นสูงสุด เช่นนั้นต่อให้ไม่ฟันกระบี่ออกไป แค่เจตนากระบี่ก็สังหารคนได้แล้ว
นางแทงกระบี่ไปข้างหน้า ระหว่างฟ้าดินเหมือนมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ทันใดนั้นสายฟ้าเส้นหนึ่งก็พุ่งผ่านท้องฟ้ามาที่อี้อวิ๋น
ด้วยนิสัยของเจี้ยนเสี่ยวซวงแล้วนางย่อมใช้พลังที่รุนแรงดุจอัสนีบาตรเมื่อเจอคู่ต่อสู้แบบอี้อวิ๋น นางจะทำให้อี้อวิ๋นเข้าใจถึงความต่างระหว่างเขากับนางด้วยกระบี่นี้
ทุกคนในที่นี้รู้สึกถึงเจตนาอันแหลมคมในลำแสงกระบี่สายนี้ จอมยุทธ์ที่พลังอ่อนแออย่างเหยียนเทียนชงยิ่งรู้สึกขนลุกทั้งตัวและรู้สึกอันตรายถึงชีวิต
นี่ก็คือเจตนากระบี่ ขนาดไม่ได้เผชิญหน้าตรงๆ ก็รู้สึกเหมือนมีกระบี่จ่ออยู่กลางหว่างคิ้ว
‘ข้ากับเจี้ยนเสี่ยวซวงห่างชั้นกันขนาดนี้เชียวหรือ…’
เหยียนเทียนชงรู้สึกพ่ายแพ้ในใจ ปราณคุ้มครองร่างของเขาถูกกระตุ้นออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่ออยู่ภายใต้เจตนากระบี่อันทรงพลังนี้
“เทพธิดากระบี่ช่างสมคำล่ำลือจริงๆ แม้แต่ข้าก็ต้องบังคับใช้พลังส่วนหนึ่งเมื่อเจอกระบี่นี้” ปรมาจารย์ฮว่าอวี่พูดเรียบๆ
ขณะที่เหยียนเทียนชงรู้สึกพ่ายแพ้ในใจก็มีสีหน้าชั่วร้ายไปด้วย เขาอยากเห็นว่าอี้อวิ๋นจะรับมืออย่างไร
อี้อวิ๋นตกใจเล็กน้อยเมื่อเผชิญกระบี่นี้
เขาคุ้นเคยกับลำแสงกระบี่นี้อยู่บ้าง ตอนที่อยู่ในแดนลับจักรพรรดินีที่โลกเทียนหยวน เขาเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างราชาชิงหยางกับเทพปีศาจเกราะดำจากแผ่นกลที่ราชาชิงหยางทิ้งไว้
ตอนนั้นกระบี่ของราชาชิงหยางฟันแยกฟ้าดิน เจตนากระบี่ที่แฝงอยู่ภายในก็คลายคลึงกับกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวงมาก
‘ดูแล้วต่อให้พวกเขาจะไม่ใช่ทายาทสายตรงของราชาชิงหยางก็น่าจะสืบทอดมรดกของราชาชิงหยาง’ อี้อวิ๋นคิด
แท้จริงแล้วกระบี่ของราชาชิงหยางที่บันทึกในแผ่นกลสืบทอดมาจากผู้เป็นนายแห่งวังกระบี่หยางบริสุทธิ์ แต่ในเจตนากระบี่ของผู้เป็นนายแห่งวังกระบี่หยางบริสุทธิ์ก็มีความเข้าใจด้านวิถีกระบี่ของราชาชิงหยางแฝงอยู่เช่นกัน
ราชาชิงหยางได้สัมผัสกับวังกระบี่หยางบริสุทธิ์หลังจากที่มาโลกเทียนหยวน ใช้สิ่งที่ได้จากที่นั่นมาพัฒนาวิชากระบี่ของตัวเองและทำให้เจตนากระบี่เปลี่ยนแปลง
เช่นนี้แล้วกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวงจึงขาดเจตนากระบี่ของผู้เป็นนายแห่งวังกระบี่หยางบริสุทธิ์อย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้สำนักกระบี่สระใสยังเพิ่มความเข้าใจของพวกเขาเองลงในมรดกดั้งเดิมของราชาชิงหยาง
ทว่าความเข้าใจเหล่านี้กลับห่างชั้นจากแนวคิดวิถีกระบี่ของผู้เป็นนายแห่งวังกระบี่หยางบริสุทธิ์ไกลเกินไป
ต่อให้สำนักกระบี่สระใสจะเก่งกาจ แต่ความเข้าใจต่อวิถีกระบี่ที่พวกเขาเพิ่มเข้ามามีหรือจะเทียบได้?
“อี้อวิ๋นกำลังเหม่ออะไรน่ะ?” ทุกคนเห็นว่าอี้อวิ๋นยืนปล่อยมือไว้ข้างตัวอย่างไม่ขยับในขณะที่เผชิญกับกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวง เขามีสีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“คงกำลังเค้นสมองว่าควรรับมืออย่างไรจึงจะไม่ขายหน้ากระมัง แต่หากเขายังไม่ลงมืออีกก็ไม่เพียงแต่จะขายหน้า แต่ยังจะจบชีวิตด้วย” เหยียนเทียนชงพูดเย็นๆ
เขาเพิ่งพูดจบอี้อวิ๋นก็เงยหน้าขึ้น
สีหน้าอี้อวิ๋นนิ่งสงบประหนึ่งสิ่งที่ฟันเข้ามาไม่ใช่กระบี่ที่ทรงพลังแต่เป็นแค่สายลมเย็นๆ
อี้อวิ๋นพลิกมือ กลางฝ่ามือมีกระบี่ธรรมดาเล่มหนึ่งปรากฏ ทันใดนั้นสายฟ้าสีฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งผ่านอากาศ ลำแสงกระบี่ประหนึ่งทะลุมิติเวลามาจากยุคดึกดำบรรพ์!
‘แสงฟ้าทะลุอาทิตย์ทำลายจันทร์โลหิต วิญญาณน้ำแข็งโดดเดี่ยวผนึกเหวเทพ!’
“กระบี่ควรเป็นเช่นนี้” ลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นส่งออกมาทีหลังแต่กลับถึงก่อน ในชั่วพริบตาที่ส่งออกมา สายฟ้าสีฟ้าขนาดยักษ์นี้ก็เข้าปะทะกับลำแสงกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวง!
กระบี่นี้มีเจตนากระบี่ของราชาชิงหยาง ทั้งยังมีมรดกจากผู้เป็นนายแห่งวังกระบี่หยางบริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นวิถีกระบี่ของอี้อวิ๋นเอง!
ฟิ้ว!
ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านฟ้าดิน มันกลายเป็นสิ่งเดียวในโลกนี้ ประตูมังกรทั้งเจ็ดเหมือนจะถูกทะลวงผ่านทั้งหมด
ใบหน้าอันเย็นชาของเจี้ยนเสี่ยวซวงเกิดความเปลี่ยนแปลงเมื่อเห็นลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นที่พุ่งเข้ามา!
ฉัวะ!
สายฟ้าฟาดลงพื้นจนเกิดเสียงระเบิด ไฟหยางบริสุทธิ์กับสายฟ้าหยางบริสุทธิ์กลืนกินลำแสงกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวง
เจี้ยนเสี่ยวซวงถอยตัวออกไป อานุภาพของพลังหยางบริสุทธิ์ไม่ลดลง ม่านแสงแต่ละชั้นของประตูมังกรพากันแตกออก!
เจี้ยนเสี่ยวซวงถูกกระบี่นี้ทำให้ถอยออกมาถึงสามแท่นประลองจึงจะร่อนลงบนพื้น
ตั้งแต่แท่นประลองที่สี่ที่เจี้ยนเสี่ยวซวงอยู่ไปถึงแท่นประลองที่เจ็ดมีรอยกระบี่อันแหลมคมทอดตัวออกมา รอยกระบี่นี้ตรงเหมือนไม้บรรทัดและขยายไปข้างหน้า
รอยกระบี่กว้างแค่นิ้วมือ กลางรอยมีไฟหยางบริสุทธิ์เผาไหม้ พลังเปลวไฟลุกโชน มองเพียงแวบเดียวก็รู้สึกถึงความร้อนอันน่ากลัว
หางตาผู้อาวุโสเฟิงสิงกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อเห็นภาพนี้
ก่อนหน้านี้เขาคุยโวถึงความแข็งแกร่งของค่ายกลในแท่นประตูมังกร ค่ายกลโบราณในแท่นประตูมังกรมาจากยุคโบราณก็จริง แต่ตัวแท่นประลองกลับถูกสร้างโดยพวกเขา
แต่ถึงกระนั้น ด้วยทรัพย์สมบัติอันมากมายของร้านประมูลเจ็ดดาราแล้ววัสดุที่ใช้สร้างแท่นประลองก็ล้วนแต่ล้ำค่าทั้งสิ้น ทุกตารางนิ้วมีค่ายกลป้องกันและฟื้นฟูความเสียหายได้เอง
แต่ภายใต้ลำแสงกระบี่สีฟ้า รอยกระบี่ทอดตัวยาวถึงสี่แท่นประลอง รอยกระบี่ถูกไฟหยางบริสุทธิ์แผดเผาและถูกเจตนากระบี่ยับยั้ง ความเร็วในการฟื้นฟูของมันจึงช้าจนดูเหมือนไม่ขยับ
อี้อวิ๋นโจมตีไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“นะ…นี่คือพลังที่แท้จริงของเขา?”
เหยียนเทียนชงหน้าซีดใจสั่น ปราณคุ้มครองร่างของเหยียนเทียนชงถูกกระตุ้นถึงขีดสุดท่ามกลางพลังกระบี่อันน่ากลัวเมื่อครู่นี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกแสบผิว โลหิตทั้งร่างไหลอย่างบ้าคลั่ง!
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนักเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าต้องบังคับใช้พลังส่วนหนึ่งเพื่อรับมือกับลำแสงกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวง แต่แท้จริงแล้วก็พูดเพื่อโอ้อวดพลังต่อสู้ของตัวเองก็เท่านั้น
เมื่อตอนนี้มาเผชิญกับกระบี่ของอี้อวิ๋นก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะสู้ด้วยซ้ำ เพราะใจเขารู้ดีว่ากระบี่เมื่อครู่ของอี้อวิ๋นยังไม่โถมพลังทั้งหมด หากเขาต้องต้านกระบี่ที่อี้อวิ๋นทุ่มกำลังทั้งหมดจะเป็นอย่างไร?
นี่ใช้เด็กรุ่นเยาว์ที่ฝึกมาไม่ถึงหกสิบปีจริงๆ หรือ? ตัวเขาอยู่มาหลายหมื่นปีแล้วนะ!
ตอนนี้เจี้ยนเสี่ยวซวงร่อนตัวลงพื้นเบาๆ เส้นผมปลิวสะบัด ดวงตาที่เป็นดังกระบี่จ้องมาที่อี้อวิ๋น “กระบี่ของเจ้าคืออะไรกัน?”
ตอนที่ลำแสงกระบี่ของเจี้ยนเสี่ยวซวงปะทะกับอี้อวิ๋น นางก็รู้สึกได้ชัดเจนว่ากระบี่ของอี้อวิ๋นมีเจตนากระบี่บางส่วนที่คล้ายคลึงกับนางแต่อานุภาพรุนแรงกว่ามาก กฎแห่งวิถีกระบี่ที่แฝงอยู่ภายในก็ลึกล้ำกว่า
คำพูดของเจี้ยนเสี่ยวซวงทำให้ทุกคนตกใจ เมื่อหวนนึกถึงกระบวนท่ากระบี่เมื่อครู่ก็พบว่าเป็นความจริง
“หรือการครุ่นคิดเมื่อครู่ของอี้อวิ๋นจะทำขึ้นเพื่อศึกษากระบี่นี้ของเจี้ยนเสี่ยวซวง?”
ศึกษากระบวนท่าของศัตรูได้ภายในชั่วพริบตา ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เป็นเพียงความคิดชั่วขณะของผู้คนเท่านั้น
“อี้อวิ๋นคงเคยศึกษากระบวนท่าที่คล้ายคลึงกันมาก่อนกระมัง มรดกโบราณบางอย่างไม่ได้มีฉบับเดียว เป็นเรื่องปกติ”
แม้ทุกคนจะพูดเช่นนี้แต่เจี้ยนเสี่ยวซวงกลับรู้ว่าลำแสงกระบี่นี้เป็นวิชาแก่นหลังของสำนักกระบี่สระใส ไม่มีทางที่คนนอกจะล่วงรู้ นางมองอี้อวิ๋นด้วยแววตาที่ทั้งสงสัยทั้งตกตะลึง
ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรขึ้นได้และหันไปมองเจี้ยนอู๋เฟิงผู้เป็นอาจารย์