True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1076
“ใช่แล้ว ที่นี่แหละ” เจี้ยนอู๋เฟิงพยักหน้าตอบอย่างสั้นกระชับเป็นอย่างยิ่ง
“นี่…” อี้อวิ๋นครุ่นคิดเล็กน้อย เขาไม่ถือสาที่ประมือที่นี่ แต่เจี้ยนอู๋เฟิงไม่กังวลว่ามรดกของราชาชิงหยางจะแพร่งพรายแม้แต่น้อยเลยหรือ?
ตอนนี้อี้อวิ๋นสงสัยขึ้นมาว่าสำนักกระบี่สระใสมีความเกี่ยวข้องกับราชาชิงหยางจริงหรือเปล่า
อี้อวิ๋นมาถึงยังแคว้นจงแห่งดินแดนสวรรค์ เขาย่อมหวังที่จะได้พบทายาทของราชาชิงหยางและช่วยอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง หากหาไม่เจอก็คงผิดหวังมาก
“ก็ได้”
อี้อวิ๋นพยักหน้า หากอีกฝ่ายไม่มีความเกี่ยวข้องกับราชาชิงหยาง เช่นนั้นเขาก็จะไม่ใช้มรดกของราชาชิงหยาง จะได้ไม่ถูกเปิดเผยตัวตน
หลายคนให้ความสนใจกับการต่อสู้นี้เป็นพิเศษเมื่อได้ยินว่าอี้อวิ๋นกับเจี้ยนเสี่ยวซวงจะประมือกัน
กลุ่มอิทธิพลท้องที่ของเมืองแสงหยกย่อมไม่พลาดเรื่องสนุกเช่นนี้
พวกเขาได้ยินชื่อเสียงของเจี้ยนเสี่ยวซวงมานาน ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของสำนักกระบี่สระใสที่ท่องไปในโลก เจี้ยนเสี่ยวซวงจึงถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปีของสำนัก ยากจะมีคนในวัยเดียวกันเป็นคู่ต่อสู้ได้ เจี้ยนเสี่ยวซวงไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในทะเลทรายกลบอาทิตย์ ในพื้นที่อันกว้างใหญ่รอบๆ ก็มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นกัน
คนในเมืองแสงหยกอยากเห็นว่าเจี้ยนเสี่ยวซวงที่เป็นที่กล่าวขานนี้แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่
แต่กลุ่มอิทธิพลที่มาจากนอกเมืองแสงหยกกลับไม่ค่อยสนใจการประลองนี้นัก พวกเขามองเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องฆ่าเวลาก่อนที่งานซื้อขายจะเริ่มขึ้น
สำหรับสำนักใหญ่ที่แท้จริงแล้วพวกเขาไม่เห็นเมืองแสงหยกอยู่ในสายตา จอมยุทธ์ท้องที่ในเมืองเป็นแค่จอมยุทธ์อิสระที่เดินทางไปทั่วสำหรับพวกเขา ไม่มีมรดกที่สืบทอดกันมา ไม่มีขุมกำลังที่ลึกล้ำและประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ เช่นนี้จอมยุทธ์จากเมืองแสงหยกจะแข็งแกร่งได้แค่ไหนกันเชียว? ส่วนใหญ่มีแค่ผลวิถีสองสามใบ
“เจี้ยนอู๋เฟิงเป็นอะไรไปน่ะ เหตุใดจอมยุทธ์ไร้ชื่อเสียงในเมืองแสงหยกจึงทำให้เขาสนใจขนาดนี้ได้? คิดไม่ถึงว่าจะให้ศิษย์ประจำกายตัวเองประมือกับอีกฝ่าย ไม่เข้าใจจริงๆ”
นักพรตที่สวมชุดนักบวชและเครายาวถึงหน้าอกคนหนึ่งพูดอย่างไม่เข้าใจ อี้อวิ๋นเพิ่งมามีชื่อเสียงในเมืองแสงหยกเมื่อไม่กี่วันมานี้ หากออกจากเมืองแสงหยกไปก็คงไม่มีใครรู้จัก
ในสายตาของสำนักใหญ่ อัจฉริยะในสำนักกับจอมยุทธ์ที่ท่องไปในใต้หล้าก็อยู่คนละโลกโดยสิ้นเชิง หากไม่ใช่เพราะปรากฏการณ์ในทะเลทรายอาทิตย์ก็ยากที่จะปะปนกัน
“ท่านนักพรตสวีสุ่ย สหายอู๋เฟิงน่าจะมีความคิดเป็นของตัวเอง พวกเราดูกันไปก่อนเถอะ”
สตรีรูปงามที่สวมเสื้อผ้าตัวบางพูดยิ้มๆ นางมาจากสำนักคว้าจันทร์ เป็นคนมีชื่อเสียงเช่นกัน
ความจริงคนที่ถูกร้านประมูลเจ็ดดาราเชิญมาที่นี่ล้วนแต่ก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น ทว่าท่ามกลางคนเหล่านี้เจี้ยนอู๋เฟิงก็มีฐานะโดดเด่น ได้ความเคารพจากหลายคน สาเหตุสำคัญเป็นเพราะพลังอันแข็งแกร่งของเขา
“ทุกท่าน ห้องโถงนี้ไม่เหมาะกับการต่อสู้ หากสนใจที่จะดูการต่อสู้ก็ไปสนามฝึกกับข้าเถิด” เจี้ยนอู๋เฟิงเอ่ยปากพูด ในขณะที่เจี้ยนอู๋เฟิงเพิ่งพูดจบ เหยียนเทียนชงก็ลุกออกมาพูดว่า “ท่านผู้อาวุโสอู๋เฟิง ข้าน้อยมีข้อเสนอแนะ ไม่ทราบว่าควรพูดหรือไม่”
จีสุ่ยเยียนขมวดคิ้วเมื่อเห็นเหยียนเทียนชงปรากฏตัวอย่างฉับพลัน นางสังหรณ์ใจว่าเหยียนเทียนชงคงไม่เสนอเรื่องดีแน่นอน แต่ตอนนี้นางอยู่ในงาน ด้วยฐานะของจีสุ่ยเยียนแล้วก็ไม่อาจพูดอะไรได้
“เจ้าพูดมาเถอะ” เจี้ยนอู๋เฟิงมองเหยียนเทียนชงอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้รู้สึกเกลียดคนที่ชอบหาช่องทางแบบเหยียนเทียนชง เพราะผ่านไปไม่กี่วันเขาก็คงลืมอีกฝ่ายแล้ว ความคิดของเจี้ยนอู๋เฟิงจดจ่ออยู่ที่เส้นทางแห่งยุทธ์เท่านั้น เรื่องอื่นเป็นแค่เมฆที่ลอยในอากาศ
กว่าจะหาโอกาสพูดแทรกได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เหยียนเทียนชงตั้งใจกับการแสดงครั้งนี้ของตัวเองมาก เขากระแอมไอและพูดว่า “เป็นเกียรติของข้าน้อยที่จะได้เห็นความแข็งแกร่งของเทพธิดาเสี่ยวซวงกับตา ข้าน้อยรู้สึกว่าหากการประมือครั้งนี้ใช้สนามฝึกธรรมดาจะทำให้เทพธิดาเสี่ยวซวงเสื่อมเสียเกินไป ข้าน้อยขอแนะนำให้ใช้แท่นประตูมังกรของร้านประมูลเจ็ดดารา ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเฟิงสิงจะอนุญาตหรือไม่?”
แท่นประตูมังกร?
บรรดาคนจากสำนักภายนอกย่อมไม่รู้จักเมื่อพูดถึงแท่นประตูมังกร ทว่าจอมยุทธ์ท้องที่ของเมืองแสงหยกกลับรู้จักเป็นอย่างดี
แท่นประตูมังกรมีชื่อเสียงโด่งดัง มันคือสถานที่ประลองที่มีมาตรฐานสูงสุดในเมืองแสงหยก การคัดเลือกอัจฉริยะของร้านประมูลเจ็ดดาราที่มีทุกๆ สิบปีก็จัดที่นี่เช่นกัน
เจี้ยนอู๋เฟิงไม่สนใจว่าจะเป็นแท่นประตูมังกรหรือสนามฝึก เขาตอบตกลงทันที
ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดว่า “ในเมื่อทุกท่านให้ความสนใจกับการประลองครั้งนี้ เช่นนั้นข้าจะพาทุกท่านไปที่แท่นประตูมังกร ข้าขอแนะนำแท่นประตูมังกรนี้ให้ทุกคนทราบก่อน หากจะขึ้นประลองก็ต้องผ่านประตู ประตูมังกรนี้ย่อมไม่มีความยากต่อเทพธิดาเสี่ยวซวง แต่มันมีข้อจำกัดอยู่เล็กน้อย… เนื่องจากการคัดเลือกอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของร้านประมูลเจ็ดดาราจำเป็นต้องกำหนดอายุกระดูก ดังนั้นจอมยุทธ์ที่อายุเกินข้อจำกัดจึงไม่อาจข้ามผ่านประตู”
ทุกคนเข้าใจทันทีเมื่อผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดเช่นนี้
ที่แท้เหยียนเทียนชงก็พูดเรื่องข้อจำกัดอายุเพื่อพิสูจน์อายุของอี้อวิ๋น!
เขาไม่เชื่อว่าอี้อวิ๋นอายุพอๆ กับเจี้ยนเสี่ยวซวงจึงจงใจเปิดโปงคำโกหกให้อี้อวิ๋นอับอาย
จีสุ่ยเยียนหวั่นใจเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ แม้นางจะโน้มเอียงไปทางเชื่อคำพูดอี้อวิ๋น ทว่าสติปัญญาก็บอกนางว่าเป็นไปไม่ได้ที่จอมยุทธ์อายุไม่ถึงร้อยปีจะมีพลังเช่นนี้ ต่อให้อี้อวิ๋นจะยังเด็กแต่ก็ไม่น่าเด็กขนาดนี้กระมัง!
ไม่ใช่แค่จีสุ่ยเยียน กลุ่มอิทธิพลท้องที่ของเมืองแสงหยกก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความจริงพวกเขาคิดว่าอี้อวิ๋นอายุเยอะกว่าจีสุ่ยเยียนมาก บอกว่าแปดร้อยปีก็ไม่น้อยเกินไป สามพันปีก็ไม่มากเกินไป
ทุกคนรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ของเหยียนเทียนชงหักหน้ากันเกินไป แต่เดิมทีอี้อวิ๋นก็มีความแค้นกับเหยียนเทียนชงอยู่แล้ว ต่อให้ซ้ำเติมกันก็ไม่มีอะไรให้ตำหนิ
เหยียนเทียนชงไม่สนใจความคิดของทุกคน เขามองอี้อวิ๋นด้วยรอยยิ้มเหมือนแสดงพลัง สีหน้ามีความได้ใจอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้ว่าอี้อวิ๋นแข็งแกร่ง แต่หากคิดจะโดดเด่นในงานซื้อขายก็ต้องผ่านด่านเขาไปก่อน เขาอยากให้เจี้ยนอู๋เฟิงรู้ว่าอี้อวิ๋นเป็นคนอย่างไร รู้ว่าอี้อวิ๋นจงใจโกหกอายุเพื่อเข้าใกล้เจี้ยนเสี่ยวซวง
เดิมทีเจี้ยนอู๋เฟิงก็ตอบตกลงแล้ว แต่เมื่อรู้ถึงความคิดของเหยียนเทียนชงก็มองไปที่อี้อวิ๋นอีกครั้ง เขาชื่นชมเด็กหนุ่มคนนี้มาก ย่อมไม่หวังว่าอีกฝ่ายจะพูดโกหก เขาถามอีกครั้งว่า “สหายน้อยอี้ เจ้าคิดเห็นอย่างไรต่อการประลองที่แท่นประตูมังกร”
“ได้หมด”
อี้อวิ๋นตอบตกลงอย่างไม่ใส่ใจ นี่ทำให้เหยียนเทียนชงที่กำลังได้ใจตะลึงงันทันที
เกิดอะไรขึ้น หรืออี้อวิ๋นจะอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ?
ความสงบของอี้อวิ๋นทำให้เหยียนเทียนชงไม่มั่นใจ แต่เมื่อคิดถึงพลังอันน่ากลัวของอี้อวิ๋นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอายุน้อยขนาดนั้น
“ดี!”
เจี้ยนอู๋เฟิงหัวเราะ เขาพอใจในคำตอบของอี้อวิ๋นมาก
“ไปที่แท่นประตูมังกรกันเถอะ!”
เจี้ยนอู๋เฟิงสาวเท้ายาวๆ นำอยู่ด้านหน้า คนทั้งกลุ่มตามเจี้ยนอู๋เฟิงไปที่แท่นประตูมังกร
หลังจากที่ผ่านอาคารต่างๆ ของร้านประมูลเจ็ดดารา ทุกคนก็เห็นประตูมังกรขนาดยักษ์บานหนึ่งตั้งอยู่กลางสนามฝึกผืนกว้างจากที่ไกลๆ นี่ก็คือแท่นประตูมังกร