True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1075
เจี้ยนอู๋เฟิงมองอี้อวิ๋นอย่างรอคำตอบ
อี้อวิ๋นมีความประทับใจแรกต่อเจี้ยนอู๋เฟิงไม่เลว แต่เมื่ออีกฝ่ายถามว่าอาจารย์เขาเป็นใครก็ลังเลเล็กน้อย แม้ระยะทางระหว่างทั้งสิบสองยอดสวรรค์จะห่างกันไกล แต่ในฐานะที่ราชาสายฝนเป็นเทพราชาของโลกสวรรค์หมื่นปีศาจจึงน่าจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง หากพูดชื่อราชาสายฝนก็อาจมีคนรู้จัก
เช่นนั้นในฐานะที่เขาเป็นศิษย์ของราชาสายฝนแต่กลับเดินทางระยะไกลจากโลกสวรรค์หมื่นปีศาจมาที่โลกสวรรค์เทพหยางก็คงอธิบายไม่ได้แน่ อาจทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากที่ไม่จำเป็น
เจี้ยนอู๋เฟิงเกิดความเข้าใจเมื่อเห็นอี้อวิ๋นลังเล เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเสียมารยาทนักที่เจอกันครั้งแรกก็ถามเรื่องอาจารย์ของสหายน้อยเลย ข้าเห็นว่าสหายน้อยอายุไม่มาก เจี้ยนเสี่ยวซวงผู้เป็นศิษย์ของข้าก็ฝึกยุทธ์มาไม่นานเช่นกัน ถือว่าพอมีผลงานใช้ได้ ลองแลกเปลี่ยนกับสหายน้อยดูได้”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดแล้วก็มองเจี้ยนเสี่ยวซวง “เสี่ยวซวง ทำความรู้จักกับคุณชายอี้เสียสิ”
เจี้ยนเสี่ยวซวงอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อเจี้ยนอู๋เฟิงพูดเช่นนี้ นางเป็นคนหยิ่งทะนง หากไม่ใช่เพราะทะเลทรายกลบอาทิตย์มีปรากฏการณ์ปรากฏก็ไม่อยากรู้จักกับจอมยุทธ์พื้นเมืองของที่นี้แม้แต่น้อย
นางมีพรสวรรค์ด้านยุทธ์ที่โดดเด่น แม้จะอยู่ในสำนักกระบี่สระใสที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะก็เป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปี เพราะนางมีชื่อเลื่องลือ ก่อนหน้านี้จึงมีสำนักไม่น้อยมาสู่ขอ คนที่สู่ขอนางต่างก็เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากสำนักมีชื่อเสียงและพรสวรรค์โดดเด่น แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่สนใจคนเหล่านี้แม้แต่น้อย ให้ท่านอาจารย์ช่วยนางปฏิเสธไปให้หมด เจี้ยนอู๋เฟิงเองก็ยินดีให้เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีสินสอดมากแค่ไหนก็ปฏิเสธหมด
แต่ตอนนี้เจี้ยนอู๋เฟิงกลับให้นางเป็นฝ่ายผูกมิตรกับคนแปลกหน้า ในคำพูดยังมีความหมายที่ประทับใจชายหนุ่มผู้นี้เป็นพิเศษ ใจของเจี้ยนเสี่ยวซวงจึงไม่เต็มใจนัก
คนผู้นี้ก็แค่จอมยุทธ์พื้นเมืองของทะเลทรายกลบอาทิตย์ไม่ใช่หรือ มีอาจารย์ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไร้สำนักนิกาย พูดตามตรงแล้วก็มีฐานะต่ำสุดในโลกของจอมยุทธ์ เป็นจอมยุทธ์อิสระที่ไม่มีที่พึ่ง
แต่แน่นอนว่าเพราะท่านอาจารย์ออกคำสั่ง เจี้ยนเสี่ยวซวงจึงทำความเคารพ อี้อวิ๋นเองก็ทำความเคารพตอบเช่นกัน
ขณะที่อี้อวิ๋นกำลังทำความเคารพตอบ ข้างหูเขาก็มีปราณเสียงของจีสุ่ยเยียนส่งเข้ามา จีสุ่ยเยียนพูดเรื่องสถานการณ์ของสำนักกระบี่สระใสและฐานะของเจี้ยนเสี่ยวซวงกับเจี้ยนอู๋เฟิงให้อี้อวิ๋นฟังอย่างรวดเร็ว ทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา จีสุ่ยเยียนไม่รู้ว่าทั้งคู่มาด้วยเจตนาอันใด นางกังวลว่าอี้อวิ๋นจะต้อนรับพวกเขาไม่ดี
อี้อวิ๋นยิ้ม จีสุ่ยเยียนอยู่เมืองแสงหยกมาหลายปีจนมีนิสัยระวังตัวกับทุกเรื่อง
เจี้ยนอู๋เฟิงพยักหน้าอย่างพอใจต่อการทำความเคารพของเจี้ยนเสี่ยวเฟิง เขาพูดว่า “เสี่ยวซวงฝึกยุทธ์มาหกสิบปี ไม่ทราบว่าอายุต่างจากสหายน้อยแค่ไหน?”
ทุกคนยิ่งตกตะลึงเมื่อเจี้ยนอู๋เฟิงพูดเช่นนี้ หลายคนในงาน รวมไปถึงกลุ่มอิทธิพลท้องที่ของทะเลทรายกลบอาทิตย์และกลุ่มอิทธิพลภายนอกต่างอดที่จะสนใจที่ไม่ได้
คำถามของเจี้ยนอู๋เฟิงฟังดูแปลกๆ ให้เจี้ยนเสี่ยวซวงเป็นฝ่ายผูกมิตรกับอี้อวิ๋นก็ผิดปกติแล้ว นี่เขายังเป็นฝ่ายบอกอายุของเจี้ยนเสี่ยวซวงและถามอีกฝ่ายว่าอายุต่างกันเท่าไร…ปกติแล้วคงมีแค่คนที่เป็นพ่อสื่อแม่สื่อที่จะถามเช่นนี้กระมัง?
แต่แน่นอนว่าเจี้ยนอู๋เฟิงเป็นคนเยือกเย็นสุขุม แม้คำถามจะดูประหลาดแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเขาอยากให้ศิษย์ตัวเองแต่งงานกับอี้อวิ๋น เจี้ยนเสี่ยวซวงมีพรสวรรค์สูงส่งเกินไป ชาติกำเนิดก็ดี ฐานะต่างกันเกินไป
อี้อวิ๋นลังเลเล็กน้อย เขาปิดบังเรื่องที่ราชาสายฝนเป็นอาจารย์ไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเรื่องอายุอีก เขาพูดอย่างคลุมเครือว่า “ข้าน้อยฝึกยุทธ์มาไม่ถึงร้อยปี”
ไม่ถึงร้อยปีก็ถือว่ามากเกินจริงแล้ว
ทว่าคำพูดนี้ของอี้อวิ๋นกลับทำให้คนส่วนใหญ่ตกตะลึง
แม้อี้อวิ๋นจะเพิ่งมาเมืองแสงหยกได้ไม่นาน แต่ก่อนหน้านี้เขามีเรื่องกับร้านขยายฟ้า กลุ่มอิทธิพลจากภายนอกยังไม่รู้จักอี้อวิ๋นดี แต่กลุ่มอิทธิพลท้องที่ในเมืองแสงหยกที่รู้ข่าวสารไวต่างรู้ว่าร้านความลับเทพเชิญแขกต่างแดนที่แข็งแกร่งมากมาอยู่ด้วย
คนผู้นี้ไม่เพียงแต่พลังแข็งแกร่ง นิสัยยังดุร้ายเจ้าอารมณ์ สังหารอย่างเด็ดขาด ยากที่จะรู้ระดับยุทธ์ ในความคิดของทุกคนแล้วอี้อวิ๋นน่าจะเป็นชายชราที่ฝึกฝนมานาน แต่เขาใช้วิชาลับหยุดหน้าตาบางอย่างจึงยังดูหนุ่ม นี่เองก็เป็นสาเหตุที่หลายคนรู้สึกว่าฐานะของอี้อวิ๋นกับเจี้ยนเสี่ยวซวงต่างกัน
แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกลับบอกว่าตัวเองฝึกยุทธ์ไม่ถึงร้อยปี?
ล้อกันเล่นหรือไร
ไม่ถึงร้อยปีก็เป็นเด็กรุ่นเยาว์ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมีพลังขนาดนี้?
หลายคนไม่เชื่อคำพูดของอี้อวิ๋น เหยียนเทียนชงยิ่งพ่นจมูกเหยียดหยาม ตัวเขาอายุสามร้อยปี หากอี้อวิ๋นอายุไม่ถึงร้อยปีแต่มีพลังขนาดนี้จริง เช่นนั้นตัวเขาที่อายุสามร้อยปีก็ไม่เท่ากับใช้ชีวิตมาอย่างเปล่าประโยชน์หรือ
“คนผู้นี้จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว เขาจงใจลดอายุตัวเองเพื่อผูกสัมพันธ์กับเทพธิดาเสี่ยวซวง”
เหยียนเทียนชงพูดเหยียดหยาม หลายคนเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
ความจริงระดับยุทธ์และอายุกระดูกของใครหลายคนก็พอรู้ได้คร่าวๆ จากประสบการณ์และการรับรู้ แต่หากฝึกวิชาลับบางอย่างและจงใจปิดบังก็ยากที่จะมองออก
พวกเขาเชื่อว่าอี้อวิ๋นเป็นสถานการณ์เช่นนี้
“ไม่ถึงร้อยปี ดีเลย” เจี้ยนอู๋เฟิงไม่สงสัยคำพูดอี้อวิ๋นแม้แต่น้อย “ในเมื่ออายุใกล้เคียงกับเสี่ยวซวง เช่นนั้นพวกเจ้าก็แลกเปลี่ยนฝีมือกันได้ ไม่ทราบว่าสหายน้อยคิดเห็นอย่างไร”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดขึ้นอย่างฉับพลัน เป้าหมายที่เขาถามก่อนหน้าก็เพราะอยากให้อี้อวิ๋นกับเจี้ยนเสี่ยวซวงประมือกัน อี้อวิ๋นไม่บอกชื่ออาจารย์ตัวเอง แต่เขากลับรู้สึกถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยจากร่างอี้อวิ๋น เขาอยากรู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้จากกระบวนท่าของอี้อวิ๋น
ตอนนี้อี้อวิ๋นก็มีความคิดแบบเดียวกัน ความจริงในใจเขาก็มีความคาดเดาบางอย่าง
เขาสงสัยว่าสำนักกระบี่สระใสอาจเป็นทายาทของราชาชิงหยาง อาจถึงขั้นเป็นทายาทสายตรงด้วยซ้ำ!
เมื่อหลายสิบล้านปีก่อน ราชาชิงหยางได้สร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ขึ้นในแคว้นจงของดินแดนสวรรค์ ทว่าท้ายที่สุดก็ถูกคนทำร้ายจนพลังยุทธ์ถดถอยเสียหาย เดินทางจากโลกสวรรค์เทพหยางมาที่โลกเทียนหยวน ได้รู้จักกับจักรพรรดินีโบราณ ร่วมมือกันผนึกเทพมารทั้งเจ็ดกับจักรพรรดินี สร้างแดนลับจักรพรรดินีและจบชีวิตลง
เมื่ออี้อวิ๋นกับหลินซินถงเข้าสู่แดนลับจักรพรรดินีก็ได้รับมรดกส่วนหนึ่งของราชาชิงหยาง มรดกนี้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตต่ออี้อวิ๋น ไม่เช่นนั้นเสินถูหนานเทียนก็คงเอาชีวิตเขาไปได้
ต่อมาเจดีย์เทพจุติที่ราชาชิงหยางทิ้งไว้ก็ไม่รู้ช่วยอี้อวิ๋นมาตั้งกี่ครั้ง อี้อวิ๋นรู้สึกขอบคุณราชาชิงหยางอย่างสุดซึ้ง
เขาเคยตัดสินใจไว้ว่าหากได้มาสิบสองยอดสวรรค์ก็จะช่วยแก้แค้นให้ราชาสายฝนให้ได้ ตรวจหาโฉมหน้าที่แท้จริงที่ทำร้ายราชาชิงหยางเมื่อตอนนั้น
ตอนนี้อี้อวิ๋นได้เจอทายาทของราชาชิงหยาง เขาย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะได้ทำความรู้จัก
ทายาทของราชาชิงหยางมีความเป็นอยู่ดีกว่าที่อี้อวิ๋นคิดไว้ แต่หากเทียบกับตอนที่ราชาชิงหยางก่อตั้งอาณาจักรก็ย่อมด้อยกว่ามาก
สำหรับตัวอี้อวิ๋นที่มีความรู้กว้างไกล สำนักกระบี่สระใสก็เป็นแค่สำนักที่ไม่เลวและมีโอกาสพัฒนาก็เท่านั้น
แต่เขาไม่อาจถามตัวตนของอีกฝ่ายได้ตรงๆ
ชื่อของราชาชิงหยางยังค่อนข้างอ่อนไหวสำหรับที่นี่ เขาถูกไล่สังหารเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน ตอนนี้เหตุการณ์เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เกรงว่าสถานการณ์ของแคว้นจงแห่งดินแดนสวรรค์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย ศัตรูของราชาชิงหยางยังปกครองที่นี่อยู่หรือไม่ก็ไม่อาจรู้ อี้อวิ๋นเองก็ไม่อาจถามอีกฝ่ายตรงๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับราชาชิงหยางหรือเปล่า
หากไม่เกี่ยวข้องกันล่ะ? เช่นนั้นหากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปเขาก็อาจเจอความยุ่งยาก
ต้องค่อยๆ สืบเสาะจึงจะดีที่สุด
คิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้วอี้อวิ๋นก็พูดว่า “ได้รับความกรุณาจากผู้อาวุโสอู๋เฟิง ข้าน้อยยินดีประมือกับเทพธิดาเสี่ยวซวง”
“เยี่ยมมาก!” เจี้ยนอู๋เฟิงดีใจ เขาพูดทันทีว่า “ยังมีเวลาก่อนที่งานซื้อขายนี้จะเริ่มขึ้นอีกระยะหนึ่ง เริ่มสู้ตอนนี้เลยดีไหม?”
อี้อวิ๋นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำของเจี้ยนอู๋เฟิง อีกฝ่ายเป็นคนนิสัยเฉียบขาดรวดเร็วจริงๆ บอกว่าจะทำอะไรก็ทำตั้งแต่เดี๋ยวนั้น
อี้อวิ๋นถามอย่างอดไม่ได้ว่า “สู้ที่นี่หรือ?”
อี้อวิ๋นพะวงเล็กน้อยที่ต้องประมือต่อหน้าฝูงชน เขาไม่รู้ว่าหากใช้กระบวนท่ากระบี่ของราชาชิงหยางแล้วจะมีคนมองออกหรือไม่และนำความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นเข้ามา