True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1069
แม้อี้อวิ๋นจะบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการให้จีสุ่ยเยียนรินสุรารินน้ำชาให้เขาแต่นางก็ยังยืนกรานว่าจะรับใช้อยู่ข้างกายอี้อวิ๋น ส่วนสาวใช้ประจำกายนางก็ถูกส่งไปเฝ้าหน้าประตู
เพราะก่อนหน้านี้ในจวนมีการกวาดล้าง ตอนนี้จึงเป็นเวลาดึกแล้ว พระจันทร์ดวงหนึ่งลอยอยู่เหนือยอดไม้ แสงจันทร์ส่องลงมาในห้องและสะท้อนเข้าที่ศิลาจันทราสองสามเม็ดจนทั้งห้องสว่างไปหมด
ทุกอย่างในห้องเหมือนมีทรายเงินชั้นหนึ่งปกคลุม สุราในกาที่รินออกมาก็ดูลึกล้ำเหมือนเงิน
จีสุ่ยเยียนที่นั่งเงียบอยู่ใต้แสงจันทร์สวมเสื้อผ้าชุดบาง ใบหน้างดงาม มองแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหญิงบริสุทธิ์ใต้ดวงจันทร์ เกรงว่าคนในร้านความลับเทพคงคิดไม่ถึงว่าราชินีของพวกเขาจะมีด้านที่งดงามเงียบสงบเช่นนี้
“ข้ากินเสร็จแล้ว ต่อไปนี้อาหารที่เตรียมไม่ต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้อีก”
อี้อวิ๋นรู้สึกจริงๆ ว่าอาหารเช่นนี้น่าเสียดายเกินไป หากนำวัตถุดิบล้ำค่ามาหลอมเป็นโอสถก็จะมีสรรพคุณดีกว่าทำเป็นอาหารมากนัก เพราะการทำอาหารต้องคำนึกถึงปัญหาด้านรสชาติ จะเทียบโอสถได้อย่างไร?
ยิ่งเป็นอาหารที่ล้ำค่า สรรพคุณโอสถที่เสียไปก็ยิ่งมาก
“อื้ม”
จีสุ่ยเยียนตอบเบาๆ นางยังคงคุกเข่าอยู่ข้างอี้อวิ๋น
นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน คอเสื้อเปิดไม่สูงจึงเห็นลำคอสีขาวและร่องหน้าอกที่ปรากฏให้เห็นรางๆ รูปร่างของจีสุ่ยเยียนเอิบอิ่มมาก กระโปรงชุดนี้ถูกหน้าอกนางขับดุนอย่างสมบูรณ์ เพราะนางกำลังนั่งคุกเข่า กระโปรงที่อยู่ใต้ขาจึงถูกดึงให้ตึงจนเผยให้เห็นบั้นท้ายอันโค้งมน
ขณะที่อี้อวิ๋นกำลังกินข้าวก็รู้สึกถึงกลิ่นหอมจางๆ ที่วนเวียนอยู่รอบจมูก เมื่อตอนนี้มาเห็นจีสุ่ยเยียนก็นับว่าเป็นภาพน่าชม
“โอ้? ใบหน้าเจ้าหายดีแล้วนี่”
อี้อวิ้นค้นพบอย่างฉับพลันว่าแม้จีสุ่ยเยียนจะใช้ผ้าคลุมมาปิดใบหน้าครึ่งหนึ่ง แต่รอยแผลเป็นจางๆ บนใบหน้าก็หายไปแล้ว
“อื้ม…เพราะคุณชายช่วยข้ากำจัดหนอนทาสในร่าง เมื่อพิษจากตัวหนอนหายไป การรักษาแผลบนใบหน้าจึงทำได้ง่ายขึ้น… อีกอย่าง ก่อนหน้านี้สุ่ยเยียนมีแผลเป็นบนใบหน้าก็เพราะถูกทำร้ายบ่อยๆ เมื่อโดนซ้ำหลายครั้งก็ไม่อยากรักษาอีก แต่แน่นอนว่าตอนนี้ต่างออกไป…”
ขณะที่จีสุ่ยเยียนพูดก็ดึงผ้าคลุมหน้าออกจนเผยให้เห็นใบหน้าอันงดงาม ค่ำคืนนี้นางเป็นดังดอกกล้วยไม้ชุ่มน้ำค้างที่เบ่งบานใต้ดวงจันทร์เงียบๆ
อี้อวิ๋นอดที่จะชื่นชมความงามของจีสุ่ยเยียนไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงหลินซินถงอย่างไม่ตั้งใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องหาหลินซินถงให้เจอก่อน แต่สิบสองยอดสวรรค์กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ การจะหาคนคนหนึ่งจึงยากเกินไป
เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งก่อนจึงจะท่องไปในโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้
อี้อวิ๋นดื่มสุราในมือจนหมดเมื่อคิดถึงตรงนี้และพูดขึ้นว่า “ข้าจะพักผ่อนแล้ว”
ห้องที่เขาพักในร้านความลับเทพย่อมมีจีสุ่ยเยียนเป็นคนจัดการ จีสุ่ยเยียนพยักหน้าและพาอี้อวิ๋นไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง
ห้องนอนนี้มีขนาดกว้างขวางมาก ตรงกลางมีเตียงที่นอนได้ถึงสี่ห้าคน หน้าเตียงมีพรมที่ทอขึ้นจากขนนกวิญญาณ รอบเตียงมีผ้าม่านล้อมรอบ ห้องนี้ตกแต่งอย่างประณีตหรูหรา
ตัวเตียงถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว มีหมอนผ้าห่มที่ทำจากไหมสวรรค์และมีค่ายกลรวมวิญญาณติดตั้ง เตียงนี้ทั้งใช้ฝึกทั้งใช้พักผ่อนได้
สาวใช้ประจำกายจีสุ่ยเยียนยืนอยู่หน้าประตูอีกครั้ง จีสุ่ยเยียนกางผ้าห่มให้อี้อวิ๋นด้วยตัวเอง หลังจากที่กางเสร็จก็ไม่ได้ออกจากห้องแต่อย่างใด นางมองอี้อวิ๋นพร้อมกัดริมฝีปากเบาๆ ดูท่าทางเหมือนมีอะไรจะพูด
“มีอะไรหรือ?” อี้อวิ๋นถาม
“คุณชายอี้…สุ่ยเยียนอยากถามว่าคุณชายจะอยู่เมืองแสงหยกนานแค่ไหนหรือเจ้าคะ?”
จีสุ่ยเยียนถามคำถามที่เก็บในใจมาโดยตลอด นางรู้ดีว่าวิธีการรวดเร็วเด็ดขาดและเหี้ยมโหดก่อนหน้านี้เกิดได้เพราะปัจจัยแรกคือ…อี้อวิ๋นอยู่ที่ร้านความลับเทพ
ตอนนี้ผู้คนเกรงกลัวนางเพราะความเด็ดขาดเหี้ยมโหด ไม่มีใครกล้าดูถูกจีสุ่ยเยียนอีก แต่เมื่ออี้อวิ๋นจากไป ความเลือดเย็นและเด็ดขาดนี้ของนางก็จะกลับกลายเป็นเรื่องน่าขัน คนที่เคยถูกนางกำราบจะเอาคืนอย่างบ้าคลั่ง จีสุ่ยเยียนไม่กล้านึกถึงจุดจบของตัวเองเลยจริงๆ มันต้องเป็นความอัปยศและเจ็บปวดอันไร้สิ้นสุดแน่นอน คิดจะตายยังยาก
แม้จีสุ่ยเยียนจะอยากให้อี้อวิ๋นอยู่ต่อที่ร้านความลับเทพเป็นอย่างมาก แต่นางก็รู้ว่าอี้อวิ๋นเป็นคนที่ใจใฝ่ทางยุทธ์ สิ่งที่เขาไล่ตามคือวิถียุทธ์ขั้นสูงสุด ไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กๆ อย่างร้านความลับเทพ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากอี้อวิ๋นอยู่เมืองแสงหยกได้สักระยะหนึ่งก็เป็นพระคุณครั้งใหญ่สำหรับจีสุ่ยเยียนแล้ว นางจะหวังให้อี้อวิ๋นช่วยเหลืออย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนได้อย่างไร?
“ตอนนี้ยังไม่แน่นอน อย่างนานก็เป็นปี อย่างสั้นก็สองสามเดือนกระมัง…”
มีหรือที่อี้อวิ๋นจะไม่รู้ว่าจีสุ่ยเยียนคิดอะไร แต่เขาไม่อาจอยู่เมืองแสงหยกไปตลอด ที่นี่เล็กเกินไป ที่อี้อวิ๋นยังอยู่ก็เพราะแก่นหยางกับวัตถุดิบล้ำค่า แต่วัตถุอย่างแก่นหยางเป็นสิ่งที่จะเจอหรือไม่ก็ขึ้นกับวาสนา หากผ่านไปปีหนึ่งแล้วยังหาไม่เจอ เช่นนั้นอี้อวิ๋นจะอยู่ที่นี่ต่อได้อย่างไร?
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องร้านขยายฟ้า ข้าจะช่วยเจ้าจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้ก่อนไป”
“ขอบคุณคุณชายอี้เจ้าค่ะ…” จีสุ่ยเยียนพูดเสียงเบา นางรู้ว่าหากไม่มีพลังรักษาสมบัติของตัวเองในทะเลทรายกลบอาทิตย์แห่งนี้ เช่นนั้นต่อให้ไม่มีร้านขยายฟ้า ยังไงร้านความลับเทพก็ถูกกลุ่มอิทธิพลอื่นยึดครองอยู่ดี
ตอนนี้นางมีเวลาเพียงไม่กี่เดือน ยากที่จะเสาะหายอดฝีมือที่ภักดีต่อนางภายในเวลาแค่นี้
จีสุ่ยเยียนไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมา นางรู้ว่าอี้อวิ๋นทำอะไรเพื่อร้านความลับเทพมากพอแล้ว
“แม่นางสุ่ยเยียนยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?”
อี้อวิ๋นเตรียมตัวที่จะพักผ่อนแล้ว จีสุ่ยเยียนปูผ้าห่มให้เขาแต่กลับไม่ออกจากห้อง เพราะจีสุ่ยเยียนเอาแต่ก้มหน้าอยู่ตลอด เมื่อมองจากด้านบนลงไปจึงเห็นหน้าอกที่ทำจินตนาการไปไกล
อี้อวิ๋นมองเพียงแวบเดียวก็ไม่มองอีก
จีสุ่ยเยียนหน้าแดงเล็กน้อย นางอยากพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่พูด
หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงพูดขึ้นว่า “คุณชายอี้มีบุญคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้สุ่ยเยียน สุ่ยเยียนไม่รู้จะตอบแทนคุณชายอย่างไร น่าเสียดายที่สิ่งที่สุ่ยเยียนมองว่าสำคัญที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณชายพอใจ แต่สุ่ยเยียนมีเข็มทิศความลับสวรรค์อยู่ชิ้นหนึ่ง มันน่าจะช่วยคุณชายได้”
จีสุ่ยเยียนพูดแล้วก็หยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ เมื่อเปิดออกก็เห็นแผ่นโลหะสีเทา
กลางแผ่นโลหะมีลายปลาไท่จี๋หยินหยาง รอบๆ มีลายค่ายกลซับซ้อน ดูแล้วโบราณและลึกล้ำ
“นี่คือ…”
เมื่ออี้อวิ๋นรับเข็มทิศความลับสวรรค์มาไว้ในมือก็รู้สึกหนัก ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร
จีสุ่ยเยียนพูดว่า “ตอนที่ท่านปู่ออกจากสำนักความลับสวรรค์ได้นำเข็มทิศแม่ลูกออกมาด้วยคู่หนึ่ง เข็มทิศนี้สามารถใช้ตามหาสมบัติ เมื่อทะเลทรายกลบอาทิตย์เกิดปรากฏการณ์ในเวลาต่อมา ท่านปู่ก็ได้นำเข็มทิศตัวแม่ไปตามหาแก่นหยางแต่ก็ไม่ได้หวนกลับมาอีก เข็มทิศความลับสวรรค์ตัวแม่จึงหายสาบสูญไปในทะเลทรายกลบอาทิตย์ด้วยกันกับท่านปู่ เข็มทิศที่อยู่กับสุ่ยเยียนคือตัวลูก”
“แม้คุณชายอี้จะไม่ใช้เข็มทิศนี้ก็ไม่เป็นไร เพียงแค่เข้าใกล้เข็มทิศตัวแม่ ตัวทิศตัวลูกนี้ก็จะเกิดการตอบสนองขึ้นเอง เช่นนี้แล้วคุณชายอี้ก็จะได้เจอตำแหน่งที่ท่านปู่ของข้าเกิดเรื่อง สุ่ยเยียนเชื่อว่าที่นั่นต้องอยู่ไม่ไกลจากแก่นหยางแน่นอน”