True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1067
ทำให้เซี่ยวเค่อหลินพิการ จากนั้นก็สังหารกงหยางเหนี่ยน บุคคลปริศนาที่เป็นผู้ลงมือผู้นั้นไม่เคยเผยโฉมหน้าสักครั้ง
เมื่อตอนนี้คนจากร้านขยายฟ้ามองไปที่เรือทรายอีกครั้งก็รู้สึกว่าผ้าม่านที่ถูกลมพัดเป็นดั่งมือที่โบกเรียกของเทพแห่งความตาย
ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ท่านประตูใหญ่ก็ถูกเลิกออกประหนึ่งว่าบุคคลปริศนาจะออกมาแล้ว
กุนซื่อหยางตกใจจนขวัญกระเจิงเมื่อเห็นภาพนี้ เขาแทบจะคุกเข่าลงบนพื้นและพูดอย่างรีบร้อนว่า “ท่านผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิต ท่านผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยเป็นแค่คนส่งข่าว ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อคุณหนูสุ่ยเยียนจริงๆ ขอรับ”
กุนซือหยางถือเป็นบุคคลชั้นหนึ่งของร้านขยายฟ้า แม้จะไม่มีระดับยุทธ์สูงอะไร แต่เพราะคิดคำนวณผลกำไรได้เก่งจึงมีตำแหน่งสูง
แต่ตอนนี้เขากลับตกใจจนแทบปัสสาวะอุจจาระราดเพราะมีคนเลิกม่านประตู ภาพนี้ทำให้ทุกคนทอดถอนใจ ตำแหน่งและทรัพย์สมบัติเป็นแค่เรื่องน่าขันเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่แข็งแกร่งโดยแท้จริง
กุนซือหยางคุกเข่าบนพื้นเป็นเวลานานอย่างไม่กล้าเงยศีรษะ เขารู้ดีว่าคนผู้นั้นฆ่าเขาได้โดยไม่กระพริบตา เทียบกับชีวิตแล้วเกียรติยศจะนับเป็นอะไรได้?
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็กลับไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร เขารวบรวมความกล้ามาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องตะลึงงัน
เขาเห็นว่าคนที่เลิกม่านประตูเรือทรายคือสาวใช้ชุดเหลืองท่าทางอายุแค่สิบหกสิบเจ็ดปี ใบหน้ามีความอ่อนเยาว์ นางกำลังมองเขาอย่างตื่นตกใจ
ก่อนหน้านี้ตัวสาวใช้ที่อยู่ในเรือทรายรู้แค่ว่าด้านนอกเกิดความวุ่นวายและคุณหนูตกอยู่ในอันตราย จากนั้นการต่อสู้ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับยุทธ์ของสาวใช้แล้วหากไม่มองด้วยตาก็คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสถานการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ นางคิดไม่ถึงว่ากุนซือหยางผู้มีตำแหน่งสูงจากร้านขยายฟ้าจะทำความเคารพให้นางที่เป็นสาวใช้คนหนึ่งมากถึงเพียงนี้ ท่าทีที่เขาคุกเข่าดูเหมือนสุนัขพันธุ์ปักกิ่งที่เชื่องด้วยซ้ำ เรื่องนี้ทำให้สาวใช้ตื่นตะลึงอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้กุนซือหยางมีสีหน้าเหมือนกลืนอุจจาระอย่างไรอย่างนั้น ดูไม่ได้แล้วดูไม่ได้อีก
เขามีความคิดว่าอยากตายด้วยซ้ำ แม้การตกใจจนปัสสาวะอุจจาระราดต่อหน้าอี้อวิ๋นจะไม่มีเกียรติ แต่มันก็ยังพอผ่านพ้นไปได้
แต่ตอนนี้เขากลับคุกเข่ากราบต่อหน้าสาวใช้คนหนึ่ง นี่ไม่เท่ากับฉีกหน้าเขาหรือ?
เขาไม่เคยอับอายเท่านี้มาก่อนในชีวิต!
ตอนนี้อี้อวิ๋นยังไม่ปรากฏตัว กุนซือหยางไม่มีความกล้าที่จะลุกขึ้น แต่จะให้คุกเข่าต่อก็ไม่ใช่ เขาอยากกลายเป็นมูลสุนัขเสียจริงๆ เช่นนี้จะได้ไม่มีใครสนใจ
“คะ…คือ…คุณหนูขะ…ข้ามาแจ้งข่าว…”
สาวใช้ชุดเหลืองกระพริบตาพร้อมพูดอย่างยากลำบาก มีคนมองนางมากถึงเพียงนี้ คนที่มีตำแหน่งในร้านขยายฟ้ายังคุกเข่าทำความเคารพให้นางอีก นางเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ที่ไหนกัน เป็นธรรมดาที่จะพูดตะกุกตะกัก
“อื้ม เหอเอ๋อร์พูดมาเถอะ”
จีสุ่ยเยียนพูด ตอนนี้ใจนางสงบที่ไหนกัน? ตอนแรกร้านความลับเทพกำลังจะถึงคราวจบสิ้นแล้ว เซี่ยวเค่อหลินกับกงหยางเหนี่ยนเนรคุณไปอยู่ฝ่ายศัตรูจนจีสุ่ยเยียนโมโหจนเกือบกระอักเลือด แต่เพียงพริบตา อี้อวิ๋นก็ใช้พลังอันแข็งแกร่งมากำจัดสองคนนี้และกอบกู้สถานการณ์ไว้ได้ ความรู้สึกที่ได้ชำระบุญคุณความแค้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้จีสุ่ยเยียนมีความสุขมาก ถูกกดอัดมานาน ในที่สุดก็ได้เงยหน้าอ้าปาก! ตอนที่ท่านปู่ยังอยู่ก็ไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกที่มีพลังควบคุมสถานการณ์แบบนี้ด้วยซ้ำ
นางรู้สึกขอบคุณอี้อวิ๋นมากจริงๆ ควรจะพูดว่าอิจฉาอี้อวิ๋นมากกว่า คนเราก็ควรเป็นเช่นนี้ แม้ทรัพย์สมบัติมากมายเทียบเท่าอาณาจักรที่การทำการค้านำมาให้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีแต่ก็เป็นเหมือนภาพลวงตาที่พังลงได้ทุกเมื่อ สะใจเท่าการได้ควบคุมฟ้าดินด้วยพลังอันแข็งแกร่งที่ไหนกัน?
“คุณชายอี้บอกว่าส่วนที่เหลือให้คุณหนูเป็นคนจัดการ คุณชายบอกว่าจัดการได้ตามต้องการ ไม่จำเป็นต้องปราณีเจ้าค่ะ”
อี้อวิ๋นลงมือจัดการคนที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนให้แล้ว แม้เขาจะดูเหมือนลงมืออย่างไม่ลังเล แต่แท้จริงแล้วก็สังหารแค่คนของร้านความลับเทพ
คนทรยศของร้านความลับเทพย่อมต้องมีร้านความลับเทพเป็นคนจัดการ ร้านขยายฟ้าไม่อาจตำหนิอะไรในเรื่องนี้
แต่ที่อี้อวิ๋นไม่แตะต้องคนจากร้านขยายฟ้าก็ไม่ใช่เพราะกลัว เขาแค่ไม่รู้ว่าจีสุ่ยเยียนคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ อย่างไรเสียสถานการณ์ระหว่างร้านความลับเทพกับร้านขยายฟ้าก็ต้องมีจีสุ่ยเยียนเป็นผู้ตัดสิน อี้อวิ๋นเป็นแค่คนนอก ไม่อยากยื่นมือไปยุ่งมากเกินไป
ขณะเดียวกันเขาก็อยากดูความสามารถและท่าทีของจีสุ่ยเยียนจากวิธีการที่นางใช้จัดการเรื่องนี้
กุนซือหยางดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขารู้ว่าตัวเองรอดแล้ว
ขอแค่ไม่เกี่ยวข้องกับเทพสังหารผู้นั้นก็ไม่เป็นไร
ส่วนเรื่องจีสุ่ยเยียนเขาก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย นางจะมีความสามารถแค่ไหนกันเชียว? บุคคลปริศนาผู้นั้นแข็งแกร่ง ทำอะไรได้อย่างไม่เกรงกลัว อยากฆ่าใครก็ฆ่า
แต่จีสุ่ยเยียนล่ะ นางยังต้องอยู่ที่เมืองแสงหยกต่อไป ตอนนี้ทุกอย่างของร้านความลับเทพยังคงถูกร้านขยายฟ้ากดอัด ต่อให้มีบุคคลปริศนาหนุนหลังจนพอหายใจได้แต่ต้องคำนึงทุกด้าน โดยเฉพาะร้านประมูลเจ็ดดาราที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองแสงหยก นางกล้ามีเรื่องด้วยหรือ?
หากคิดแต่จะเอาสะใจ เช่นนั้นไม่กลัวว่าเมื่อบุคคลปริศนาจากไปแล้วตัวเองจะถูกร้านขยายฟ้าเอาคืนจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรือ?
กุนซือหยางลุกขึ้นจากพื้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ เขามีความมั่นใจที่จะเผชิญกับจีสุ่ยเยียน จำเป็นต้องคุกเข่าที่ไหนกัน?
เขายืนตัวตรง จัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ดีดฝุ่นที่เกาะบนเสื้อคลุมออกและพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าว่า “คือแบบนี้นะสุ่ยเยียน… เมื่อครู่ลุงหยางบุ่มบ่ามไปหน่อย ตัวเจ้าเหนื่อยแล้วก็ย่อมต้องพักผ่อน ลุงหยางจะให้เจ้าไปเป็นแขกที่ร้านขยายฟ้าให้ได้ ตัวลุงเป็นฝ่ายผิดเอง ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ สุ่ยเยียนก็ใจเย็นๆ พักผ่อนที่จวนให้สบายเถอะ ข้าจะอธิบายกับคุณชายเหยียนเอง ต่อให้นี้ร้านความลับเทพก็ทำให้ดี หากร้านขยายฟ้าได้ประโยชน์ เช่นนั้นร้านความลับเทพก็ย่อมได้ด้วยเช่นกัน”
กุนซือหยางราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ประหนึ่งว่าคนที่ตกใจจนปัสสาวะอุจจาระราดและดูไม่ได้เมื่อครู่นี้ไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น
จีสุ่ยเยียนนิ่งเงียบ นางมองการเปลี่ยนแปลงก่อนหลังของกุนซือหยางอยู่เงียบๆ ในใจยิ่งตระหนักถึงความสำคัญของความแข็งแกร่ง มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะควบคุมทุกอย่างได้โดยแท้จริง สิ่งอื่นเป็นแค่ภาพลวงตา
แม้จะยืมพลังจากอี้อวิ๋น แต่การปฏิบัติที่กุนซือหยางมีต่ออี้อวิ๋นกับนางก็ต่างราวฟ้ากับดิน กุนซือหยางไม่เห็นนางในสายตา คำที่พูดเมื่อครู่ก็มีความหมายว่าร้านขยายฟ้าดูแลร้านความลับเทพซ่อนอยู่รางๆ
แม้ในใจจะรู้ว่าเป็นเช่นนี้แต่จีสุ่ยเยียนก็ไม่อาจสังหารกุนซือหยาง อย่างน้อยที่สุดก็ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ เพราะทันทีที่ฉีกหน้ากับร้านขยายฟ้าอย่างสมบูรณ์ เมื่อนั้นก็จะเกิดสงครามที่ไม่อาจเลี่ยง
ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่จีสุ่ยเยียนไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นจะยอมเข้าสู่ศึกนี้หรือเปล่า สิ่งสำคัญคือต่อให้สู้ชนะ ร้านความลับเทพก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมายอยู่ดี
นกกับหอยทะเลาะกัน แต่คนตกปลาได้ประโยชน์ ภายใต้สถานการณ์ที่ร้านความลับเทพไม่ได้วางแผน สมบัติของร้านขยายฟ้าอย่างหน้าร้านหรือดินแดนก็จะถูกร้านขยายฟ้าได้มาไม่เท่าไร พวกมันส่วนใหญ่จะถูกร้านประมูลเจ็ดดาราเข้ายึด หรือจะให้ร้านความลับเทพทำลายร้านขยายฟ้าแล้วไปสู้กับร้านประมูลเจ็ดดาราต่อหรือ?
จีสุ่ยเยียนคิดเรื่องเหล่านี้ได้ กุนซือหยางก็ย่อมคิดได้เช่นกัน เขามั่นใจว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแน่นอน ร้านประมูลเจ็ดดาราเป็นถึงกลุ่มอิทธิพลระดับไหน ปกคลุมทั่วเมืองทั้งเจ็ดของทะเลทรายกลบอาทิตย์ แม้แต่บุคคลปริศนาผู้นั้นก็ต้องเจียมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้า ไม่เช่นนั้นอาจถูกสังหารก็เป็นได้
“คือ…สุ่ยเยียน ลุงหยางไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้า ข้าขอตัวก่อนล่ะ”
กุนซือหยางเพิ่งพูดประโยคนี้จบ จู่ๆ จีสุ่ยเยียนก็โบกมือ!
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!
ลำแสงสีขาวแล่นผ่าน กระบี่บินขนาดพกพาสิบสองเล่มพุ่งออกจากแขนเสื้อจีสุ่ยเยียน!
ระดับยุทธ์ของจีสุ่ยเยียนอยู่ต่ำกว่าอี้อวิ๋นเพียงระดับเดียว ตอนที่นางฝึกฝนก็เป็นอันดับหนึ่งในหมู่เด็กรุ่นเยาว์ของร้านความลับเทพ ส่วนหยางเหยียนกวงเป็นแค่กุนซือคนหนึ่ง เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกยุทธ์แต่อย่างใด อยู่ระดับเปิดฐานได้ก็เพราะใช้โอสถต่างๆ พลังต่อสู้อ่อนแอจนใช้ไม่ได้ พลังของทั้งสองจึงไม่อาจนำมาเทียบ
“เจ้า…”
หยางเหยียนกวงตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าจีสุ่ยเยียนจะลงมืออย่างฉับพลัน!
และแม้ตอนนี้ข้างกายเขาจะมียอดฝีมือคนอื่นๆ ที่ต้านกระบี่ของจีสุ่ยเยียนได้อย่างสบายๆ แต่กลับไม่มีใครกล้าขยับเพราะมีอี้อวิ๋นอยู่!
ผลลัพธ์ก็คือ…
ฉึกฉึกฉึก!
กระบี่ขนาดพกพาสิบสองเล่มแทงทะลุร่างหยางเหยียนกวง กระบี่สี่เล่มในนี้ฟันเข้าที่แขนขาทั้งสี่ของหยางเหยียนกวง!
“อ้า!”
หยางเหยียนกวงร้องโหยหวน ร่างกายกระเด็นออกไป เขาเจ็บจนปัสสาวะราด เขามองจีสุ่ยเยียนอย่างไม่เชื่อ ร่างกายกระตุกไม่หยุด โลหิตนองเต็มพื้น
“นังนี่ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
จีสุ่ยเยียนมีสีหน้าเย็นชา นางเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กระบี่ทั้งสิบสองเล่มล้อมรอบหยางเหยียนกวงภายใต้การควบคุมของนาง คมกระบี่ชี้ไปยังจุดสำคัญต่างๆ นางพูดเสียงเย็นว่า “ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเช่นกัน ข้าตัดแขนขาเจ้าก็เพื่อเก็บดอกเบี้ย อีกเรื่องคือ!”
จีสุ่ยเยียนมองคนจากร้านขยายฟ้าที่อยู่โดยรอบเมื่อพูดถึงตรงนี้ “คนที่มาร้านความลับเทพในวันนี้เลิกคิดเรื่องที่จะได้กลับไปได้เลย จับตัวไว้ทั้งหมด! เด็กๆ มาจับพวกเขาไว้ให้หมด!”