True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1066
“อ้ากกก! เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”
กงหยางเหนี่ยนคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำรุนแรงถึงเพียงนี้ เขาร้องเสียงดังและเผาแก่นโลหิตอย่างไม่ลังเล!
เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู่ของคนปริศนานี้ เทียบกับถูกทำให้พิการแล้ว การเผาแก่นโลหิตจะนับเป็นอะไรได้?
กงหยางเหนี่ยนชักดาบสีทองเล่มใหญ่ออกมาจากแหวนมิติ ลำแสงดาบนับไม่ถ้วนฟันออกด้วยอานุภาพที่พิชิตภูเขาแม่น้ำ!
ลำแสงดาบเหล่านี้พุ่งเข้ามารับลำแสงกระบี่
เปรี้ยง!
ลำแสงดาบกับลำแสงกระบี่เข้าปะทะกัน!
อย่างไรกงหยางเหยี่ยนก็เป็นจอมยุทธ์ระดับวังวิถีสามชั้น ทั้งเขายังเผาแก่นโลหิต พลังที่ลำแสงดาบส่งออกมาจึงเหนือกว่าลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นด้วยซ้ำ
แต่ระยะห่างของกฎไม่อาจทดแทนได้
ลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นเชื่อมโยงกับกฎวิถีใหญ่ ลำพังแค่ความเข้าใจด้านกฎอย่างเดียว กงหยางเหนี่ยนที่เป็นจอมยุทธ์ระดับวังวิถีก็ด้อยกว่าอี้อวิ๋นมาก
ตูม!
ลำแสงดาบลำแสงกระบี่ระเบิดออกพร้อมกัน พลังไหลบ่าออก กงหยางเหนี่ยนถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว เขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายมาต้านลำแสงกระบี่ได้สำเร็จ!
ต้านไว้ได้!
กงหยางเหนี่ยนที่รอดพ้นรู้สึกดีใจมาก เขาเชื่อว่าเพียงแค่ถ่วงเวลาไว้ระยะหนึ่ง ร้านขยายฟ้าก็จะส่งคนมาช่วยเขาแน่นอน เพราะอย่างไรเขาก็ยังมีประโยชน์ต่อร้านขยายฟ้าอยู่
ในหัวกงหยางเหนี่ยนเพิ่งมีความคิดนี้แล่นผ่าน จู่ๆ เขาก็พบว่าในบรรดาแสงกระบี่สีทองหลายสายมีลำแสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งซ่อนอยู่ มันเคลื่อนที่เร็วมากจนไม่อาจไล่ทัน
“เฮ่อ!”
กงหยางเหนี่ยนระเบิดเสียงร้อง เขาฟันดาบออกไปอีกครั้งด้วยพลังทั้งหมด!
เพราะใช้แก่นโลหิตเกินขีดจำกัด ดาบนี้จึงส่งผลต่อต้นกำเนิดชีวิตเขา แต่ความพยายามของเขาก็ใช่ว่าจะไร้ผล เพราะท้ายที่สุดแล้วลำแสงกระบี่สีเทาสายนี้ก็ถูกกงหยางเหนี่ยนฟันแตก!
ฟู่…
พายุระเบิดหายไป กงหยางเหนี่ยนร่วงลงจากอากาศอย่างโซเซ
เขายังคงถือดาบทองไว้ในมือ เส้นผมหลุดลุ่ย สีหน้าซีดขาว แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่
แม้จะต้องเผาแก่นโลหิต แต่การที่รอดจากกระบวนท่าที่รุนแรงขนาดนี้ได้ก็ทำให้ผู้คนรอบๆ มองด้วยสายตาทึ่งๆ
กงหยางเหนี่ยนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ระดับวังวิถีชั้นสามก็คือระดับวังวิถีชั้นสาม เทียบกับเซี่ยวเค่อหลินแล้วก็แข็งแกร่งกว่ามาก
กงหยางเหนี่ยนเช็ดเลือดที่มุมปาก แม้เขาจะต้องจ่ายราคาไม่น้อยแต่ก็พอใจกับผลงานเมื่อครู่ของตัวเอง เขาตะโกนอย่างเร่งรีบว่า “ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร จริงอยู่ว่าเจ้าแข็งแกร่ง แต่เมืองแสงหยกไม่อนุญาตให้ต่อสู้หรือฆ่าแกงกัน หากฝ่าฝืนก็มีโทษสถานเบาเป็นทำลายพลังยุทธ์ สถานหนักคือประหารต่อหน้าสาธารณะชน เจ้าคิดว่าแค่แข็งแกร่งก็มองข้ามกฎของเมืองแสงหยกและเปิดฉากสังหารในเมืองนี้ได้หรือ? ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ต้านทั้งเมืองแสงหยกได้เพียงลำพังหรือ?”
กงหยางเหนี่ยนจงใจนำการบังคับใช้กฎหมายของเมืองแสงหยกออกมาพูด เรื่องที่ว่าจะถูกคณะคุมกฎออกหมายจับเมื่อสังหารคนไม่ใช่เรื่องโกหก แต่คณะคุมกฎที่พูดถึงนี้ก็เป็นเพียงกลุ่มที่ก่อตั้งโดยร้านค้าใหญ่ทั้งสองกับร้านประมูลเจ็ดดารา ตอนนี้ร้านความลับเทพถอนตัวออก แท้จริงแล้วจึงเหลือแค่กลุ่มอิทธิพลอีกสองกลุ่ม
กงหยางเหนี่ยนบอกว่าอี้อวิ๋นต้องสู้กับทั้งเมืองเพื่อให้เขากลัว เขาแน่ใจว่าอี้อวิ๋นเป็นคนนอกที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ของเมืองแสงหยกนักจึงใช้วิธีนี้มาถ่วงเวลา
เป็นดังที่กงหยางเหนี่ยนคิด เรือทรายตกอยู่ในความเงียบเมื่อเขาพูดจบ ลำแสงกระบี่ที่ปลิดชีวิตก็ไม่ปรากฏออกมาอีก
กงหยางเหนี่ยนถอนใจด้วยความโล่งอก เขารู้ว่าคนปริศนานี้น่าจะพะวงเรื่องกฎของเมืองแสงหยก พลังยุทธ์ของเขาถูกรักษาไว้ได้
ผู้คนโดยรอบวิเคราะห์อะไรหลายอย่างจากภาพเหตุการณ์นี้ออก กุนซือหยางลูบหนวดตัวเองในขณะที่ประเมินพลังของบุคคลปริศนาผู้นี้
เขาเดาว่าบุคคลปริศนาคือคนที่จีสุ่ยเยียนพบในขณะเดินทางหรือไม่ก็มีความสัมพันธ์กับร้านความลับเทพแต่ไม่ได้ลึกล้ำมาก นี่ก็หมายความว่าคนผู้นี้ไม่ได้ช่วยร้านความลับเทพแบบถึงขั้นทุ่มเทชีวิต หากเขาเห็นว่าไม่อาจทำอะไรได้ก็จะถอนตัวกลางคัน
บุคคลปริศนาสังหารเซี่ยวเค่อหลินได้ภายในเสี้ยววินาทีแต่กลับทำเช่นนี้กับกงหยางเหนี่ยนไม่สำเร็จ ทั้งอีกฝ่ายยังเกรงกลัวกฎของเมืองแสงหยก เช่นนั้นพลังของเขาก็น่าจะอยู่ราวๆ ระดับวังวิถีชั้นห้า
พลังระดับนี้ย่อมไม่เลวสำหรับเมืองแสงหยกแต่ก็ไม่ถึงขั้นไร้เทียมทาน ไม่พูดถึงร้านประมูลเจ็ดดาราที่ลุ่มลึกจนไม่อาจคาดเดา แค่ร้านขยายฟ้าของพวกเขาก็ต้านทานได้แล้ว
ผู้วางแผนสองสามคนของร้านขยายฟ้ากำลังคิดว่าจะให้บุคคลปริศนานี้จ่ายราคาแสนสาหัสได้อย่างไร แต่ในตอนนี้เองที่มีคนพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“พวกเจ้าดูกงหยางเหนี่ยนสิ ท้องของเขาเป็นอะไรไปน่ะ?”
ประโยคที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ทุกคนพากันมองไปที่กงหยางเหนี่ยน พวกเขาเห็นว่าท้องของกงหยางเหนี่ยนมีลายวิถีสีเทาหลายสายสว่างวาบขึ้น ลายวิถีเหล่านี้ลึกล้ำมาก พวกมันสะท้อนลงบนอากาศและหมุนตัวช้าๆ ด้วยซ้ำ
“นี่…นี่…”
กงหยางเหนี่ยนเพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนท้องตัวเอง เขาพบว่าลายวิถีสีเทาเหล่านี้รวมตัวเป็นกงล้อ ในกงล้อมีเงามารเทพจำนวนหนึ่งให้เห็นรางๆ และใจกลางของกงล้อนี้ก็ตรงกับจุดตันเถียนของเขาพอดี!
อีกฝ่ายสร้างตราประทับลงบนจุดตันเถียน ทว่าตัวเขากลับไม่รู้?
“ชะ…ช้าก่อน! ผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิต อ้า…”
กงหยางเหนี่ยนร้องโหยหวนอย่างฉับพลัน ทุกคนเห็นกับตาว่าจู่ๆ กงล้อสีดำนั่นก็เปล่งแสงจ้าตา จากนั้นเลือดเนื้อบริเวณท้องของกงหยางเหนี่ยนก็ถูกกงล้อนี้ปั่นละเอียด!
ไม่ว่าคนหรือปีศาจ เมื่อร่างกายถูกปั่นแหลกก็จะมีโลหิตไหลเป็นจำนวนมาก ภาพที่โลหิตกับเนื้อเละๆ อยู่รวมกันเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนมาก
แต่ตอนนี้ท้องของกงหยางเหนี่ยนกลับไม่มีเลือดไหลสักหยด ควรพูดว่าในเสี้ยวพริบตาที่โลหิตและเศษเนื้อเหล่านั้นปรากฏก็ถูกกงล้อสีดำทำลายทิ้งจะถูกต้องกว่า
นี่คือการสลายเป็นเถ้าอย่างแท้จริง ไม่มีอะไรเหลือทั้งนั้น!
กงหยางเหนี่ยนเห็นภาพที่เกิดบนร่างเขากับตาตัวเอง ไม่มีอะไรบรรยายความน่ากลัวและสิ้นหวังนี้ได้จริงๆ
“ท่านผู้อาวุโส! ท่านผู้อาวุโส!”
เขาร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่ทั้งท้อง จุดตันเถียนและวังวิถีของเขาล้วนถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ในพายุที่ทำลายล้างทุกอย่างนี้จนไม่เหลืออะไร
จากนั้นร่างทั้งร่างของกงหยางเหนี่ยนก็ถูกปั่นเข้าสู่น้ำวนที่เกิดจากกงล้อสีดำ ร่างเขาถูกกลืนกินอย่างสมบูรณ์
น้ำวนคงอยู่เป็นเวลาไม่กี่อึดใจก็ค่อยๆ สลายไป เมื่อทุกอย่างสงบลงก็ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ทุกคนเห็นว่าจุดที่กงหยางเหนี่ยนเคยอยู่ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยดหรือเศษผ้าสักชิ้น คนคนนี้เป็นสลายเป็นไอต่อหน้าทุกคน
จอมยุทธ์ที่ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนรู้ดีว่าอาจตายกลางทาง แต่ไม่ว่าจะตายอนาถเพียงใดก็ต้องเหลือเศษเนื้ออยู่บ้าง ถูกปีศาจโบราณกินก็เหลือกระดูก วิธีการตายนี้ลบร่องรองของคนคนหนึ่งออกจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิงจนทุกคนขนลุก นี่มันกฎอะไรกัน?
ตอนแรกทุกคนคิดว่าเซี่ยวเค่อหลินอนาถมากพอแล้ว เขาถูกทำลายพลังยุทธ์จนทรมานยิ่งกว่าตาย แต่เมื่อเทียบกับกงหยางเหนี่ยนแล้วเขากลับโชคดี อย่างน้อยต่อให้ฆ่าตัวตายก็ยังเหลือศพทั้งร่าง
ทุกคนมองไปทางเรือทรายที่จอดอยู่นิ่งๆ อีกครั้งด้วยความกลัว ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น คนจากร้านขยายฟ้าพากันรู้สึกไม่ปลอดภัย ใบหน้าของกุนซือหยางที่เป็นหัวหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองที่อยู่ที่นี่คือคนโง่
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้าจากไป คนในเรือทรายคือดาวเคราะห์ร้ายชัดๆ หากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาคิดหนีก็คงลงมือกำจัดเขาได้ง่ายไม่ต่างอะไรกับบี้แมลงตัวหนึ่ง
…………………………………………………………………………………………………………