True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1063
เมื่อตัดสินใจแล้วอี้อวิ๋นก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ เขารับศิลาเทพหยางบริสุทธิ์สองสามเม็ดนี้มาและพูดกับจีสุ่ยเยียนว่า “ในเมื่อแม่นางสุ่ยเยียนพูดเช่นนี้ข้าก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ ศิลาเทพเหล่านี้มีประโยชน์กับข้า เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้แล้ว”
“ท่านผู้อาวุโสโปรดรับไว้” จีสุ่ยเยียนฟังคำของอี้อวิ๋นแล้วก็ไม่มีอะไรเสียดายแต่กลับดีใจด้วยซ้ำ นางมองว่าอี้อวิ๋นแข็งแกร่งเกินไป ส่วนตัวนางก็อ่อนแอมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หากมีอะไรที่นางช่วยอี้อวิ๋นได้ก็จะดีใจมาก
อี้อวิ๋นพูดต่อว่า “ข้าคิดว่าจะอยู่ที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์สักระยะหนึ่ง ข้าไม่รู้จักใครที่นี่ คงต้องรบกวนแม่นางสุ่ยเยียนสักระยะหนึ่งแล้ว การที่ข้าตามแม่นางสุ่ยเยียนกลับไปที่ร้านความลับเทพอาจช่วยขจัดปัญหาปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้”
อี้อวิ๋นช่วยจีสุ่ยเยียนอย่างไม่คิดอะไร เขาไม่รู้สึกว่าเป็นบุญคุณครั้งใหญ่ ทั้งข้อมูลทั้งสิ่งของที่จีสุ่ยเยียนมอบให้ต่างมีค่าต่อเขามาก ช่วยเหลือจีสุ่ยเยียนจึงเป็นเรื่องเหมาะสม
อี้อวิ๋นรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดสมเหตุสมผลดี แต่เมื่อจีสุ่ยเยียนได้ยินเรื่องนี้กลับดีใจมาก
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้นางคาดหวังให้อี้อวิ๋นกลับไปที่ร้านความลับเทพกับนางเป็นที่สุดและช่วยกำราบร้านขยายฟ้า แต่อี้อวิ๋นเป็นถึงคนระดับไหน? คนที่ฆ่ายายเฒ่าสกุลเริ่นภายในเสี้ยววินาทีและกำจัดหนอนทาสได้อย่างง่ายดาย ยอดฝีมือขนาดนี้นางจะเชิญหรือกล้าเอ่ยปากได้อย่างไร?
แม้นางจะสาบานแล้วว่าจะตอบแทนบุญคุณที่อี้อวิ๋นให้ชีวิตใหม่ ยินดีทำทุกอย่างเพื่อเขา เพียงแค่อี้อวิ๋นพยักหน้าก็ยอมเป็นสาวใช้ให้ด้วยซ้ำ แต่ก่อนถึงขั้นนั้นก็ต้องให้อี้อวิ๋นยินยอมก่อน หากเขาไม่ชอบและจากไป เช่นนั้นก็คงไม่เหมาะสมที่นางจะตามเขาหรอกใช่ไหม?
ด้วยเหตุนี้ ตอนจบของจีสุ่ยเยียนที่อยู่เมืองแสงหยกจึงยังคงเป็นการไร้หนทาง มันแค่ดีกว่าตอนที่ยายเฒ่าสกุลเริ่นอยู่เล็กน้อยก็เท่านั้น
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสเจ้าค่ะ…”
จีสุ่ยเยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เสียงนางสั่นเครือเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น นางรู้ว่าตัวเองได้พบกับบุคคลชั้นสูง การได้เจอกับอี้อวิ๋นทำให้ชะตาชีวิตนางเปลี่ยนไป
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ที่ข้าอยู่ที่นี่ก็ย่อมมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง อีกอย่าง เจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านผู้อาวุโส ข้าไม่ได้อายุมากกว่าเจ้าเท่าไร”
ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นเคยบอกอายุตัวเองไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อจีสุ่ยเยียนเห็นว่าอี้อวิ๋นเก่งกาจถึงเพียงนี้ก็คิดว่าอายุที่อี้อวิ๋นบอกอาจไม่ใช่เรื่องจริง ทว่าเมื่อตอนนี้อี้อวิ๋นพูดขึ้นอีกครั้งนางก็ตะลึงงัน
อายุมากกว่านางไม่เท่าไรจริงๆ หรือ?
อายุไม่ถึงร้อยปีแต่สังหารจอมยุทธ์ระดับวังวิถีสี่ชั้นได้อย่างง่ายดาย? อี้อวิ๋นต้องอัจฉริยะถึงขั้นไหนกัน?
จีสุ่ยเยียนย่อมไม่คิดว่าอี้อวิ๋นโกหกนางอีก เขาไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้
นางตกอยู่ในความตะลึงงัน รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดของอี้อวิ๋นอยู่เหนือจินตนาการนางอย่างสิ้นเชิง อัจฉริยะที่นางเคยเจอก่อนหนานี้ไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้นเมื่อเทียบกับอี้อวิ๋น
“เอาล่ะ ข้าต้องเก็บตัวฝึกฝน ระหว่างนี้อย่ารบกวนข้า ไว้ให้ถึงร้านความลับเทพค่อยเรียกข้าแล้วกัน”
“ดะ…ได้…” จีสุ่ยเยียนพยักหน้าอย่างงุนงงก่อนที่จะถอยออกไป
……
คณะการค้าออกเดินทางอีกครั้ง เหล่าองครักษ์ของร้านความลับเทพไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้แค่ว่าหลังจากที่นักฆ่าปรากฏตัวก็ถูกอี้อวิ๋นจัดการ คุณหนูของพวกเขาปลอดภัยดี
จากนั้นพวกเขาก็ไม่เห็นอี้อวิ๋นออกมาจากเรือทรายอีก จีสุ่ยเยียนมอบห้องพักที่ดีที่สุดในเรือให้อี้อวิ๋น อี้อวิ๋นเก็บตัวฝึกในห้องนี้จนกระทั่งถึงเมืองแสงหยก
เมื่อมาถึงนอกเมืองแสงหยก อี้อวิ๋นก็ใช้การรับรู้มากวาดออกไปและอดที่จะชื่นชมความรุ่งเรืองของเมืองนี้ไม่ได้
เมืองแสงหยกมีพื้นที่เกือบร้อยลี้ ตอนที่อี้อวิ๋นอยู่โลกสวรรค์หมื่นปีศาจก็เคยเห็นเมืองใหญ่หลายเมืองของที่นั่น เมืองของโลกสวรรค์หมื่นปีศาจโอ่อ่ายิ่งใหญ่ มักมีค่ายกลฟ้าดินและเกาะลอยฟ้าต่างๆ นี่เองก็มีความเกี่ยวข้องกับนิสัยที่ใฝ่หาเกียรติยศของเผ่าปีศาจโบราณ แต่ในแง่ของความรุ่งโรจน์ เมืองของโลกสวรรค์หมื่นปีศาจกลับเทียบเมืองแสงหยกที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้
ในฐานะที่เป็นเมืองของเผ่ามนุษย์ ร้านค้าในเมืองแสงหยกจึงมีผู้คนไปมาหนาแน่น
เมืองแสงหยกมีร้านค้าสองร้านใหญ่อันได้แก่ความลับเทพกับขยายฟ้า ทั้งยังมีร้านประมูล ทุกวันจะมีสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนค้าขายในกลุ่มอิทธิพลทั้งสาม
สำนักงานใหญ่ของร้านความลับเทพตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแสงหยก สำนักงานใหญ่ของร้านกินพื้นที่เจ็ดแปดลี้ ภายในมีวิมานหยกและศาลาริมน้ำ เทียบกับพระราชวังก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
การจะเข้าสู่เมืองต้องผ่านประตูชั้นในหนึ่งชั้น เมื่อเรือทรายลำใหญ่อยู่ต่อหน้าประตูเมืองบานยักษ์ก็ดูเล็กจ้อยไปเล็กน้อย
เมื่อคณะการค้ามาถึงหน้าประตูเมือง อี้อวิ๋นก็เห็นว่าที่นอกประตูมีคนตั้งแถวต้อนรับ
การต้อนรับนี้ค่อนข้างยิ่งใหญ่ มีคนสามสิบกว่าคนที่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกัน บนพื้นมีน้ำราดทำความสะอาด
อี้อวิ๋นทอดถอนใจ จีสุ่ยเยียนได้การสนับสนุนจากร้านความลับเทพไม่น้อยเลยจริงๆ แค่กลับจวนก็มีคนตั้งแถวต้อนรับถึงหน้าเมือง ทว่าความคิดนี้เพิ่งแล่นหัวอี้อวิ๋นก็รู้ว่าเขาอาจคิดผิด เขาเห็นว่าจีสุ่ยเยียนไม่ใช่แค่ไม่ดีใจแต่มีสีหน้าไม่สู้ดีด้วยซ้ำ
อี้อวิ๋นเลิกคิ้วขึ้น ในใจมีความคาดเดารางๆ จากนั้นก็มีคนที่เป็นผู้นำกลุ่มคนหนึ่งในแถวต้อนรับเดินออกมาพูดว่า “หยางเหยียนกวงจากร้านขยายฟ้ารอรับคุณหนูอยู่ที่นี่มานานแล้ว คุณชายเหยียนให้ข้าบอกว่าได้ทำการจัดงานเลี้ยงที่จวนเพื่อเลี้ยงต้อนรับให้คุณหนู หวังว่าคุณหนูสุ่ยเยียนจะให้เกียรติมาร่วมงาม”
หยางเหยียนกวงมีระดับยุทธ์ไม่สูงและไว้หนวดเหมือนกุนซือ เขาโค้งตัวเคารพให้จีสุ่ยเยียนด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
อี้อวิ๋นลูบคาง เห็นได้ชัดว่าร้านขยายฟ้ารู้ข่าวตั้งแต่ตอนที่ร้านความลับเทพยังไม่ทันกลับถึงเมืองจึงจัดงานเลี้ยง หากจีสุ่ยเยียนไปร่วมงานด้วยก็เกรงว่าคงเป็นลูกแกะเข้าปากเสือ ได้ไปไม่ได้กลับ
จีสุ่ยเยียนโมโหที่ร้านขยายฟ้าบีบบังคับ หลายวันมานี้ร้านขยายฟ้าเหมือนแน่ใจแล้วว่าท่านปู่ของนางตายและกำเริบเสิบสานขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ยังมาเชิญนางไปจวนร้านขยายฟ้าอีก พวกเขาวางแผนที่จะก้าวขึ้นตำแหน่งในก้าวเดียว!
แม้จะมีอี้อวิ๋นเป็นเสาค้ำทะเลแต่จีสุ่ยเยียนก็คงไม่ฉีกหน้ากับร้านขยายฟ้าอย่างไม่เกรงกลัว แม้นางจะอยากทำเช่นนั้นมากก็ตาม
นางกลัวว่าอี้อวิ๋นจะมีปัญหามากเกินไป อย่างไรร้านขยายฟ้าก็ไม่ใช่จะหาเรื่องง่ายๆ นางอดกลั้นความโมโหในใจและพูดว่า “ลำบากให้ท่านกุนซือหยางต้องมารับสุ่ยเยียนแล้ว แต่สุ่ยเยียนเดินทางมาเหนื่อย บรรดาผู้ติดตามเองก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า กลับเมืองแสงหยกครั้งนี้ก็ต้องพักผ่อน ไว้ค่อยไปเยี่ยมที่จวนวันหลัง”
“คุณหนูสุ่ยเยียนพูดเช่นนี้ข้าน้อยก็ลำบากใจสิขอรับ หากข้าน้อยไม่อาจทำเรื่องที่คุณชายเหยียนสั่งมาให้สำเร็จก็ต้องโดนลงโทษเมื่อกลับไป” หยางเหยียนกวงลูบหนวดตัวเอง แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนซ่อนความคิดชั่วร้าย
จีสุ่ยเยียนหนักใจ นางรู้ว่าเรื่องวันนี้คงไม่อาจหลุดไปง่ายๆ
……………………………………………………………………………………………