True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1061
ฉึกๆๆ!
หนอนพิษรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในขณะที่ร้องเสียงแหลมไปด้วย พวกมันอยากพาชีวิตจีสุ่ยเยียนออกไปด้วยในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ทว่าเพียงชั่วพริบตา ทุกอย่างของหนอนพิษก็ถูกกฎแห่งการทำลายล้างตัดขาด
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
มีเสียงเบาๆ ดังขึ้นสองครั้ง หนอนพิษสองตัวถูกทำลายสลายวับไป!
อี้อวิ๋นมือไวตาไว มือตั้งสองของเขาเคลื่อนไปกดขมับซ้ายขวาของจีสุ่ยเยียน!
ลายวิถีแห่งการทำลายล้างในมืออี้อวิ๋นปะทุอย่างรวดเร็วและกลายเป็นกงล้อหมื่นมารเกิดดับที่รวมกันในสมองจีสุ่ยเยียน
ฟึ่บ!
หนอนทาสตัวสุดท้ายถูกอี้อวิ๋นทำลาย!
กฎแห่งการทำลายล้างน่ากลัวเกินไป มันทำลายได้ทุกอย่าง
สมองคือจุดที่เปราะบางเป็นพิเศษ เดิมทีมันรับกฎแห่งการทำลายล้างไม่ไหว แต่เพราะอี้อวิ๋นเข้าใจกฎนี้ถึงระดับสูง หลังจากที่รวมผลวิถีแห่งการทำลายล้างเก้าใบก็ควบคุมทั้งหมดนี้ง่ายเหมือนกระดิกนิ้ว
เขาควบคุมกฎแห่งการทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำลายหนอนทาสสามตัวติดกัน ขณะเดียวกันก็ลดความอันตรายที่มีต่อจีสุ่ยเยียนให้ต่ำที่สุด
จีสุ่ยเยียนรู้สึกอย่างฉับพลันว่าความเจ็บที่เหมือนจะฉีกวิญญาณได้หายไปแล้วจนนางตั้งตัวไม่ทัน จากนั้นมือข้างหนึ่งของอี้อวิ๋นก็กดลงที่หน้าท้องนาง พลังปราณหลายสายส่งเข้ามาเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตให้นาง
กระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งอึดใจอี้อวิ๋นก็หยุดมือ จากนั้นเขาก็นำเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ เขามอบให้จีสุ่ยเยียนและพูดเรียบๆ ว่า “เรียบร้อยแล้ว ใส่เสียเถอะ”
“เรียบร้อยแล้ว?”
จีสุ่ยเยียนตอบสนองไม่ทันเล็กน้อย อะไรเรียบร้อยแล้ว?
จู่ๆ ความเจ็บปวดบนร่างก็หายไป เรื่องนี้ทำให้ใจนางเกิดความคาดเดารางๆ แต่ความเป็นไปได้นี้กลับทำให้นางไม่อาจเชื่อ นับจากที่อี้อวิ๋นลงมือจนจบก็ใช้เวลาไม่กี่อึดใจ แค่นี้ก็รักษานางหายหรือ?
นางรีบใช้การรับรู้มาตรวจสอบร่างกายก็พบว่าหนอนพิษสามตัวที่เคยอยู่ในจุดตันเถียน หัวใจและสมองได้หายไปแล้วจริงๆ พวกมันไม่ใช่แค่ตาย แม้แต่ซากศพก็ไม่เหลือด้วยซ้ำ ประหนึ่งสลายไปในอากาศอย่างไรอย่างนั้น
จีสุ่ยเยียนตะลึงงัน การรับรู้ไม่มีทางโกหกนางแน่นอน อี้อวิ๋นทำได้อย่างไร?
ปกติแล้วเมื่อหมอรักษาคนไข้ก็ต้องมีกระบวนการให้คนไข้ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นอย่างน้อยเพื่อมีความหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ ท้ายที่สุดจึงจะค่อยๆ หายดี สิ่งที่เรียกว่าโรคมาเหมือนภูเขาถล่ม จากไปเหมือนดึงผ้าไหมก็คือหลักการเช่นนี้
วิชาแพทย์อันฉับพลันที่เปลี่ยนแปลงและมหัศจรรย์จนน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้จีสุ่ยเยียนรู้สึกเหมือนกำลังฝัน
นางช่วยคนแบบไหนมากันแน่ เหตุใดคนที่เก่งกาจเช่นนี้จึงนอนบาดเจ็บหนักอยู่กลางทะเลทราย?
“ท่านผู้อาวุโส…เป็นวิชาแพทย์ด้วยหรือ?”
จีสุ่ยเยียนย่อมรู้ว่าอี้อวิ๋นไม่ได้ใช้วิชาหนอนพิษมารักษานาง ทั้งเขาก็ไม่ได้ป้อนโอสถให้นางแต่อย่างใด จึงมีแต่วิชาแพทย์เท่านั้นที่ทำได้
“วิชาแพทย์หรือ?” อี้อวิ๋นส่ายหน้า “ข้าไม่ได้เป็นวิชาแพทย์ แต่หากแค่ฆ่าแมลงอะไรพวกนี้ก็พอทำได้อยู่”
กฎแห่งการทำลายล้างของอี้อวิ๋นใช้ได้แค่ทำลาย มันฆ่าหนอนง่ายแต่หากจะใช้ฟื้นฟูร่างกายก็ไม่ได้แน่นอน
ทว่าจีสุ่ยเยียนกลับหัวเราะร้องไห้ไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
ฆ่าแมลง?
แม้แต่ปรมาจารย์หนอนพิษก็ยังต้องปวดหัวและรู้สึกรับมือยากเมื่อต้องกำจัดหนอนทาส แต่นี่อี้อวิ๋นฆ่าหนอนทาสสามตัวได้อย่างสบายๆ จนไม่เหลือแม้แต่ซากศพ คำที่เขาพูดก็ดูไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้ หากไม่รู้เรื่องราวมาก่อนก็คงคิดว่าอี้อวิ๋นแค่เหยียบแมลงตายไปสองสามตัว
สำหรับจีสุ่ยเยียนแล้ว แรงสั่นสะเทือนที่อี้อวิ๋นสังหารยายเฒ่าชุดแดงไม่รุนแรงเท่าการที่เขาสังหารหนอนทาส
จีสุ่ยเยียนดีใจจนน้ำตาไหลเมื่อนึกถึงยายเฒ่าชุดแดงที่ตายไปแล้ว
ตอนนี้นางไม่ค่อยกล้าเชื่อว่าดาบที่ลอยอยู่เหนือศีรษะนางมาโดยตลอดจนทำให้หายใจไม่ออกจะถูกอี้อวิ๋นทำลายเช่นนี้
ทั้งภัยคุกคาม หนอนทาสและความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าตายหายไปหมดภายในไม่กี่สิบอึดใจ
“ท่านผู้อาวุโส!” จีสุ่ยเยียนนำเสื้อมาคลุมแล้วหมุนตัวมาทำความเคารพให้อี้อวิ๋น “ท่านผู้อาวุโสให้ชีวิตใหม่แก่ข้าถึงสองครั้ง สุ่ยเยียนไม่มีวันลืม สุ่ยเยียนขอสาบานว่านับจากวันนี้หากท่านมีคำสั่งหรือความต้องการอะไรก็จะทำสุดความสามารถแน่นอน ต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็จะไม่อิดออดแม้แต่น้อย”
จีสุ่ยเยียนพูดอย่างจริงจัง
อี้อวิ๋นหัวเราะแล้วพูดว่า “แม่น้ำสุ่ยเยียนพูดเกินไปแล้ว แม้ข้าจะช่วยเจ้า แต่ก่อนหน้านี้เจ้าก็ช่วยข้าเช่นกัน”
จีสุ่ยเยียนส่ายหน้า “เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นของสุ่ยเยียนไม่อาจนับเป็นอะไรได้เมื่อเทียบกับท่านผู้อาวุโส อีกอย่าง ต่อให้ท่านผู้อาวุโสจะไม่มีใครช่วยก็เกรงว่าคงตื่นขึ้นเองในไม่นาน”
“หากเป็นเช่นนั้นก็คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง” อี้อวิ๋นหัวเราะอย่างขมขื่น หากไม่ใช่เพราะจีสุ่ยเยียนก็อาจต้องนอนอยู่แบบนั้นหนึ่งถึงสองปี ใครจะรู้ว่าในระหว่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังทำให้เขาเสียเวลาฝึกยุทธ์อีก
แต่เมื่อจีสุ่ยเยียนได้ยินเรื่องนี้กลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ การต้องรอระยะหนึ่งกับสิ่งที่นางเจอมาทั้งหมดจะนับเป็นอะไรได้?
“อ้อใช่แล้วแม่นางสุ่ยเยียน ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้าว่ายายเฒ่านี่กับตัวเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกัน? ร้านเทพยนต์ของเจ้าไม่มีจอมยุทธ์ระดับวังวิถีหรือ? เหตุใดเจ้าจึงถูกนางควบคุมถึงเพียงนี้?”
จีสุ่ยเยียนมีสีหน้าเจ็บปวดจางๆ เมื่อได้ยินคำถามของอี้อวิ๋น นางส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “เดิมทีร้านเทพยนต์ของข้าก็มีจอมยุทธ์ระดับวังวิถีดูแล ท่านปู่ของสุ่ยเยียนเป็นหัวหน้าของร้านเทพยนต์ ท่านอยู่ระดับวังวิถีห้าชั้น ในร้านเทพยนต์ก็มีผู้อาวุโสและแขกต่างแดน รวมกันแล้วก็มีจอมยุทธ์ระดังวังวิถีมากกว่าสิบคน”
“แต่ต่อมา…ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับท่านผู้อาวุโสว่าทะเลทรายกลบมาทิศมีปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา ร้านเทพยนต์ของข้าคือผู้พบปรากฏการณ์นี้เป็นพวกแรก ท่านปู่คิดว่ามีสมบัติลับปรากฏจึงเดินทางไปสำรวจร่วมกับผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดสองสามคน คิดไม่ถึงว่าคลื่นลูกนี้จะใหญ่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มากจึงเกิดเรื่องร้ายขึ้น…0
“นั่นคือจุดเปลี่ยนพลิกของร้านเทพยนต์ ท่านปู่กับผู้อาวุโสสองสามคนหายสาบสูญ สำหรับทะเลทรายกลบอาทิตย์แล้วหากมีแค่เงินแต่ไม่มีความแข็งแกร่งก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแกะที่รอวันตาย ข้าไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้และพยายามปกปิดสุดกำลัง ไม่เช่นนั้นร้านเทพยนต์ก็คงถูกฉีกแบ่งในชั่วข้ามคืนแน่นอน”
“แต่โลกนี้ไม่มีอะไรเป็นความลับได้ตลอด ร่องรอยเบาะแสบางอย่างถูกคนอื่นพบเข้า ร้านขยายฟ้ารู้ข่าวนี้เข้า พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อจะลงมือแต่ก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ใช้วิธีค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในร้านเทพยนต์ แขกต่างแดนระดับวังวิถีของร้านเทพยนต์ก็ถูกสำนักขยายฟ้าดึงไปเป็นพวกเมื่อไม่กี่เดือนก่อน”
“ท่านปู่ไม่อยู่ ตัวข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ร้านเทพยนต์ตกอยู่ในอันตรายที่ถูกกินได้ทุกเมื่อ นี่คือเวลาที่ยายเฒ่าชุดแดงปรากฏตัว…”
………………………………………………………………………………………..