Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ - ตอนที่ 56 ไปประมูลภารกิจกันเถอะ
Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ
ตอนที่ 56 ไปประมูลภารกิจกันเถอะ
“ไม่น่ามี
อยู่ๆพญานาคห้าเศียรก็ตอบโต้ความคิดของเหนือภพ ทําให้เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ
“จริงๆพวกแปลกๆไม่ใช่มีแค่คน สัตว์ก็มี
เหนือภพคิดในใจโดยลืมไปว่าพญานาคสามารถอ่านความคิดของเขาได้ พญานาคส่งเสียงกระแอมเชิงตักเตือนก่อน เอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงตื่นเต้นระคนแปลกใจเมื่อเพ่งจิตไปยังเฮงเฮง
“เจ้าเด็กคนนั้นมีวิญญาณร้ายสิงสู่ตั้งแต่กําเนิด ไม่แปลกทั้งชีวิตจะมีแต่โชคร้าย
เหนือภพคิดไม่ถึงว่าพญานาคจะมีความสามารถดูออกได้ละเอียดถึงเพียงนั้น แม้เขาจะไม่ได้สนิทกับเฮงเฮงนัก แต่ในฐานะคนที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน เขาก็อยากให้เฮงเฮงอยู่อย่างปลอดภัย
แน่นอนว่าพญานาครู้ว่าเหนือภพต้องการอะไร
“วิธีแก้มก็ถือว่าไม่มี เจ้ารู้ไปก็ทําอะไรไม่ได้ วิญญาณนี้กับเจ้าหนุ่มนี่มีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นที่ตัดไม่ขาด แต่เจ้าวางใจเถอะ แม้ชีวิตมันจะโชคร้ายแต่มันจะไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต สักวันก็จะผ่านพ้นไปได้
พญานาคยังบอกอีกว่า
“วิญญาณร้ายนี้แม้คล้ายว่าจะเอาชีวิต แต่ในความเป็นจริงวิญญาณร้ายนี้กลับปกป้อง เหมือนข้าเคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนแต่ข้าจําไม่ได้ เจ้าวางใจเถอะ ในมุมมองของข้าชีวิตของมันยังดีกว่าหลายคนในใต้หล้าด้วยซ้ํา
เหนือภพรับฟังสิ่งที่พญานาคพูดแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ความโชคร้ายไม่มีทางเป็นเรื่องที่ดีไปได้หรอกน่า เฮงเฮงเคยช่วยมีน้ําใจช่วยเขาไว้ริมหน้าผาเมื่อหลายปีก่อน เขาไม่เคยลืม ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้เฮงเฮงต้องมาตกระกําลําบากแบบนี้ และเพื่อที่จะทําให้เฮงเฮงไปกับเขา เหนือภพจึงตัดสินใจช่วยเฮงเฮงขายของ ภายใต้เงื่อนไขสองข้อ
ข้อแรก กําไรที่ได้ต้องตกเป็นของเขา 7 ส่วนเฮงเฮงได้ 3 ส่วน
ข้อสอง เฮงเฮงต้องทําตามที่เขาสั่ง
เมื่อตกลงกันได้แล้ว เขาก็หลอกให้เฮงเฮงออกจากร้านไปหาของมาขายเพิ่ม หลังจากเฮงเฮงจากไปผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีเกินคาด ภายในเวลาครึ่งวันเหนือภพก็ขายของในร้านได้จนหมดเกลี้ยง ด้วยการค้าขายแบบโปรโมชั่นลดราคา
สมมุติราคาต้นทุนแต่ละชิ้นอยู่ที่ 300 เหรียญเงิน เขาก็ติดป้ายราคา 600 เหรียญเงินแล้วขีดฆ่าราคาด้วยหมึกสีแดงสด จากนั้นเขียนตัวเลข 300 ไว้ข้างๆ ให้เป็นที่เข้าใจกันว่าสินค้านี้ลดราคาถึง 50%
แน่นอนว่าของแต่ละชิ้นมีราคาต้นทุนไม่เท่ากัน ดังนั้นเหนือภพจึงใช้วิธีการขายหลากหลายรูปแบบไม่ใช่แค่ลดราคาเหมือนกันหมด สินค้าบางชิ้นมีคุณภาพดีทั้งยังไม่เหมือนใคร ถึงแม้ผลงานเกือบทั้งหมดภายในร้านเป็นของที่เฮงเฮงทําขึ้นมาเอง เป็นงานฝีมือที่แม้จะไม่ได้สวยงามประณีตอย่างผู้ไร้พรสวรรค์ทํา แต่มันก็ถือเป็นสินค้าที่มีความพิเศษมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ส่วนใหญ่ถูกสร้างมาจากวัตถุดิบ จากสัตว์อสูรระดับสูง ต้นไม้หรือแร่หินหายากนานาชนิดที่มีคุณค่าภายในตัวอยู่แล้ว
ดังนั้นสิ่งไหนที่เพิ่มราคาได้เขาจะทํา สิ่งไหนที่ควรจะขาย แบบลดแลกแจกแถมเขาก็จะทํา
สี่ชั่วโมงต่อมา
เหนือภพนั่งนับเงินกําไรอยู่ท่ามกลางร้านที่โล่งโจ้ง ขณะเดียวกับเฮงเฮงก็กลับมาด้วยใบหน้าสะบักสะบอม เป็นอย่างที่เหนือภพคาดไว้ เฮงเฮงไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย
“ข้าขอโทษ ข้าไม่เอาไหนเอง”
เฮงเฮงเอยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาชีวิตของเขาทําอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง แต่เหนือภพตบบ่าปลอบใจเฮงเฮง ก่อนจะยกถุงผ้าที่มีขนาดเท่าลูกบอลยื่นให้กับเฮงเฮง
“ไม่มีอะไรมาขายก็ช่างเถอะ ไปกันได้แล้ว”
เฮงเฮงรับถุงผ้าหนักอึ้งด้วยสองมืออย่างงงงวย เขาเพิ่งสังเกตร้านของตัวเอง มันเตียนโล่ง สินค้าทั้งหมดถูกขายไปหมดแล้ว เขาแทบไม่เชื่อสายตา แต่เมื่อเปิดปากถุงผ้าดูเหรียญที่มีทั้งสีทองแดงสีเงิน สีทอง รวมไปถึงตัวเงินมากมาย นี่มันมากกว่ากําไรที่เขาเคยคาดหวังเอาไว้ด้วยซ้ํา
“ช่างล้ําเลิศ เขาทําได้ยังไง
เฮงเฮงรีบเก็บถุงผ้าใส่กระเป๋าสะพายหลัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความนับถือ
“ท่านอาจารย์ รอเดี๋ยว”
เฮงเฮงรีบเข้าไปเก็บของบางส่วนโดยเฉพาะอาวุธคู่กาย ดาบทรงไทยหนึ่งเล่มที่เขาซ่อนไว้กับข้าวของอีกจํานวนหนึ่งก่อนจะวิ่งตามเหนือภพออกไป
เหนือภพกับเฮงเฮงเดินไปในตลาดเรื่อยเปื่อยเพื่อหาอะไรทํา จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าป้ายขนาดใหญ่ที่ข้อความถูกเปลี่ยนไปในแต่ละวัน
งานเทศกาลประมูลระดับแคว้น ครั้งที่ 60
วันที่ 3 ภารกิจระดับสูง
เริ่ม 20.00 นาฬิกา
“ภารกิจระดับสูง
เหนือภพอ่านทวน ก่อนจะมองไปทางเฮงเฮงอย่างต้องการคําตอบ แม้เฮงเฮงจะเป็นพวกดวงซวยจนไม่น่าคบหา แต่ในด้านความรอบรู้เขากลับมีมากจนเหนือภพต้องยอมศิโรราบ
“ส่วนใหญ่ภารกิจที่นํามาประมูลจะเป็นภารกิจใหญ่ที่ได้รับการประเมินว่ายากเกินระดับ จะไม่สามารถรับภารกิจระดับนี้ได้จากสํานักงานฮันเตอร์ทั่วไป มีผลตอบแทนสูง และยากที่จะสําเร็จ”
“แล้วทําไมต้องมาประมูลให้วุ่นวาย จะแปะไว้ที่สมาคมฮันเตอร์ก็ไม่ต่างกัน “
“นั่นก็จริง แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น ในงานประมูลภารกิจระดับสูง มันมีนัยบางอย่างที่มีผลกับอํานาจ การเปลี่ยนแปลงและก็ชื่อเสียง ดังนั้นภารกิจระดับสูงไม่สามารถไว้ที่สํานักงานฮันเตอร์ได้ มันจะก่อเกิดปัญหาความขัดแย้งและการแย่งชิงกันไม่สิ้นสุด จึงจําเป็นต้องมีการประมูลเพื่อถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ ใครมีความสามารถและมีเงินก็จะได้รับภารกิจนี้ไป โดยไม่ต้องกังวลว่ากลุ่มอื่นๆ จะมาแย่งภารกิจไปทํา มันก็ถือเป็นความปลอดภัยอย่างหนึ่ง”
เหนือภพพยักหน้าเชิงเข้าใจ ก่อนเอ่ยถามต่อไปว่า
“แล้วเงินรางวัลขั้นต่ํามันอยู่ที่เท่าไหร่”
“ไม่แน่นอนครับ แต่ถ้าจะเอาสถิติเก่าๆ มาอ้างเมื่อสี่ปี ที่แล้วบ้านฉิมพลีของตระกูลสุบรรณเวนไตยได้ประมูลภารกิจระดับสูง ระดับ D ผลตอบแทนหลังจากที่พวกเขาทําสําเร็จก็มีมูลค่าเท่ากับค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง 10 ปี”
เหนือภพอึ้งกิมกี่ จากนั้นตาของเขาก็ค่อยๆ ทอประกายวิบวับ
“พวกเราไปประมูลภารกิจกันเถอะ”
“เอาจริงหรือครับ”
“ข้าเหนือภพพูดจริงทําจริง”
“ด้วยเงินแค่นี้ ?”
เฮงเฮงชี้ไปที่ถุงเงินของเขาและของเหนือภพอย่างไม่แน่ใจ
“เชื่อมือข้าเถอะ”
ในมุมมองของเหนือภพ ปัญหาเรื่องเงินมันไม่ได้ยากขนาดนั้น ไม่มีเงินก็แค่ทํางานหาเงินเท่านั้น เขาถือคติที่ว่า “คนขยันไม่มีทางยากจน”
ตะวันเริ่มบ่ายคล้อย เหนือภพกับเฮงเฮงวิ่งวุ่นรับงานทั่วไปตามร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะช่วยค้าขายเรียกลูกค้า ล้างจาน ขนของ หรือแม้กระทั่งช่วยขับไล่อันธพาล เหนือภพทําทุกอย่างที่ว่ามา ส่วนเฮงเฮงกลับตรงกันข้าม ชื่อนี้ไม่ได้ให้โชคอย่างที่คิด ไม่ว่าเขาจะโผล่หน้าไปร้านใดหากร้านนั้นไม่เจ๊ง ก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา ที่ทําได้คือเดินเตร่ๆไปมาเพื่อไม่ให้ไปก่อเรื่องอะไร
มันเป็นภาพที่น่าขบขันเมื่อคนหนึ่งพยายามหาเงิน อีกคนพยายามอยู่ห่างๆอย่างหวาดระแวงเพื่อไม่ให้ไปก่อเรื่องจนต้องเสียเงิน
“เจ้าภพคิดเงินโต๊ะ 11 แล้วเอาจานนี้ไปส่งที่โต๊ะ 10 ด้วย”
“ได้ๆเถ้าแก่”
เหนือภพเดินขนอาหารไปอย่างรวดเร็วคล่องแคล่ว เมื่อถึงโต๊ะ 10 เขาก็ผงะเล็กน้อย เมื่อแขกที่นั่งอยู่โต๊ะ 10 คือองค์หญิงน้ําเพชรกับองครักษ์เวนไตย
“ไม่เจอกันนานนะ”
บุษย์น้ําเพชรเริ่มบทสนทนาอย่างเป็นมิตร มันเป็นเรื่องยากมากที่เธอต้องมาขอคืนดีคนที่เธอเคยขับไล่ไสส่งไปแล้ว
“นี่คือตับไก่ผัดพริกหวานกับซุปเยื่อเห็ดหิมะ ทานให้อร่อยนะครับคุณลูกค้า”
เหนือภพไม่สนใจจะพูดคุยด้วย เขาหันหลังกลับในทันที แต่บุษย์น้ําเพชรก็ยังพูดด้วยน้ําเสียงเป็นมิตร
“ท่านไม่คิดว่าพวกเราควรจะปรับเข้าใจกันหรือ”
เหนือภพชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงตรงไปเก็บเงินโต๊ะ 11 ตามที่เจ้าของร้านสั่ง โดยที่ไม่ได้หันมองโต๊ะ 10 ที่อยู่ใกล้กันแม้แต่น้อย
“ทําไมคุณหนูต้องลดตัวเพื่อมัน หากมันหยิ่งยโสนักก็ช่างหัวมันปะไร”
เวนไตยไม่ชอบเหนือภพแม้แต่น้อย เห็นกี่ครั้งก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
บุษย์น้ําเพชรไม่ได้ให้คําตอบอะไร เธอเพียงยิ้มด้วยแววตาลึกล้ํา แม้เวนไตยจะขอติดตามบุษย์น้ําเพชรมานาน เขาก็ไม่เคยเข้าใจสักครั้งว่าในศีรษะงดงามของเธอกําลังคิดอ่านสิ่งใดอยู่
เหนือภพทํางานอยู่ที่ร้านนี้จนกระทั่งเขาทนความรู้สึกอึดอัดนี้ไม่ได้ จนต้องไปนั่งลงบนเก้าอี้ว่างของโต๊ะ 10 โต๊ะที่มีลูกค้าพิเศษนั่งมาตั้งแต่ช่วงบ่ายจนใกล้จะมืดค่ําก็ยังไม่ลุกไปไหนสักที
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
“ท่านอยากพูดกับเราแล้วหรอ”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า”
เหนือภพไม่พอใจพวกราชวงศ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าบุษย์น้ําเพชรและบุษย์น้ําทองเป็นพี่น้องกันก็ยิ่งทําให้เขารู้สึกเดือดดาล แต่เขาไม่อาจโวยวายออกไป จึงได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ
“เรามาขอโทษ”
“ขอโทษ ? หากเป็นเรื่องจดหมาย
เหนือภพพูดไม่ทันจบน้ําเพชรก็เอ่ยตัดบทว่า
“ไม่ใช่
เหนือภพขมวดคิ้ว
“เรื่องน้องสาวเรา เรายอมรับว่าเราไม่ได้ทําหน้าที่ของเรา ในฐานะผู้ว่าจ้างที่ดีนัก ทั้งในฐานะพี่สาวเราก็ทําได้ไม่ดี ทําให้เกิดเรื่องมากมายกับท่าน เรารู้ว่าท่านเกลียดเรา แค้นเรา แต่อย่างน้อยก็ขอให้เราได้ทําอะไรสักอย่างเพื่อชดเชย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามในฐานะพี่สาว เราจะขอแบกรับทุกอย่างไว้เอง”
“ฆ่านางสิ”
คําตอบของเหนือภพทําให้บุษย์น้ําเพชรชะงัก เธอประสานสายตาแน่วแน่ของชายหนุ่ม เขาไม่ได้ปิดบังความเกลียดชังภายในดวงตาเลย
“เรื่องนี้เกรงว่า…”
เหนือภพหลับตาก่อนจะตัดบทว่า
“ช่างเถอะ”
เขาเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าพี่น้องของตนเอง แม้ว่าบุษย์นําทองจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม เขาอคติมากเกินไป แม้จะเป็นพี่น้องกันก็ใช่ว่าจะรู้เห็นเรื่องทุกอย่างของกันและกัน ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้ว เรื่องนี้ทําให้เขาคิดถึงพันศรีวะรากับ ขุนศรีไชยะ สองพี่น้องที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้ว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเจ้าก็ไปเถอะ อย่ามารบกวนการทํางานของข้า”
เหนือภพพูดอย่างตัดใจ เมื่อบุษย์น้ําเพชรได้พูดอย่างที่เธอต้องการไปหมดแล้ว เธอก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ
เหนือภพทํางานต่อไปตามปกติจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาประมูล เขากับเฮงเฮงก็พากันเดินทางไปยังอาคารประมูล ที่กําลังคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
“กติกาประมูลแบบใหม่งั้นหรอ”
เหนือภพเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นป้ายประกาศ กับคําพูดของผู้คนที่ยื่นออกันหน้าอาคารประมูล ดูเหมือนจะพูดคุยเรื่องนี้กันหนาหู แต่ความสนใจของเขาก็ถูกดึงไปยังคนคนหนึ่งเสียก่อน
“นายท่านทั้งสองไม่มีบัตรเชิญ เข้าไม่ได้จริงๆนะขอรับ”
ฮันเตอร์ผู้มีหน้าที่เฝ้าประตูเอ่ยอย่างจนใจ แต่เขาก็เคยชินเสียแล้วที่จะต้องกีดกันคนจรจัด และคนจนให้ออกห่างจากอาคารประมูลหลักแห่งนี้
“ทําไมพวกข้าถึงเข้าไม่ได้”
ไร้ชื่อเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ ทําที่จะชักดาบเข้าฟาดฟัน แต่ก็ถูก “ใบข้าว” หญิงสาวข้างกายรั้งแขนไว้ก่อน แม้เธอไม่รู้ว่าไร้ที่อคิดจะทําอะไร แต่เธอก็กลัวเขาจะทําอะไรไม่ดี
“ไม่เป็นไรหรอก เราไปที่อาคารประมูลเล็กรอบๆหมู่บ้านก็ได้”
“ไม่ได้ อสูรทะเลสาบรอข้าอยู่ที่ชั้นห้า ข้าต้องไปตามหาเขา”
ไร้ชื่อมีท่าทีขึงขังขึ้นมา เขาจะบุกเข้าไปให้ได้
“เฮ้ ๆ ใจเย็นก่อนพวก”
เหนือภพรีบปรี่เข้าไป แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ เมื่อคมดาบของไร้ชื่อฟันลงไปที่แขนของฮันเตอร์เฝ้าประตู แต่ดาบของเขากลับดีดสะท้อนออกมาด้วยพลังบางอย่าง นั่นไม่ใช่พลังระดับที่ฮันเตอร์เฝ้าประตูจะพึงมี
เหนือภพมองไปอีกทิศทางหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามเฮงเฮง
“เจ้าเห็นคนทําไหม”
เฮงเฮงไม่ตอบ เขาทําเพียงยืนเศษใบมีดชุมเลือดที่แตกหัก จากใบดาบของไร้ชื่อ แล้วกระเด็นมาปักที่แขนของตนให้กับเหนือภพ
เหนือภพสะดุ้ง มองเฮงเฮงที่ตอนนี้มีสีหน้าเป็นเชิงว่า “อีกละ เหนือภพพ่นลมหายใจออกมา พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรับรู้
เพราะต้องคอยระวังไม่ให้เกิดเรื่องกับตัวเองเสมอมา เฮงเฮงจึงมีสายตาเฉียบคม ทําให้เขาสามารถเก็บรายละเอียด ที่เกิดขึ้นในครรลองสายตาได้ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามความสามารถในการระวังภัยขั้นสุดยอดของเขาก็ไม่เคยใช้ได้ผล มันเพียงช่วยให้เขาเจ็บน้อยลงเท่านั้นเอง
“ข้าไม่รู้จัก แต่ดูจากอายุแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับ
พวกเรา”
เฮงเฮงให้คําตอบเพียงเท่านั้น จากนั้นเขาก็กลับเข้าสู่สภาวะระแวดระวังตัวต่อไป