Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ - ตอนที่ 50
เหนือภพลากไร้ชื่อหนีออกมาจนพ้นเขตตลาด ในขณะที่เขากําลังโล่งอกเพราะคิดว่าตัวเองรอดแล้ว ก็ต้องตะลึงค้างอยู่กับที่มีบางอย่างผิดปกติ
เขาสงบใจขยายการรับรู้ของตัวเองไปรอบๆก็พบกลุ่มพลังอันเข้มแข็ง แม้จะรู้สึกว่าพลังนี้เข้มแข็งน้อยกว่าสุภัชชา แต่มันก็น่าจะเป็นพลังที่เหนือกว่าหลวงภามหลายระดับและที่สําคัญมันมีความมุ่งร้ายที่พุ่งออกมาหาเขาอย่างชัดเจน
ไร้ชื่อเองก็สัมผัสมันได้เช่นกัน ใบหน้าเขาขมวดเป็นปมพลางมองไปรอบๆจนหยุดค้างในทิศทางหนึ่ง ไร้ชื่อชักดาบขึ้นเตรียมพร้อมปะทะ ทว่าเหนือภพไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนั้นอีก
“มันเป็นของข้า จําไว้ให้ดี บ้านเมืองมีกฎของมันอยู่ เจ้าจะฆ่าใครชี้ชั่วไม่ได้”
เหนือภพอย่างจริงจัง แต่ไร้ชื่อดูเหมือนจะไม่เข้าใจ เพราะถ้าฝ่ายนั้นทําร้ายเรา เราก็ต้องต่อสู้สิ เหนือภพจนใจจึงต้องชี้ไปที่ดาบของไร้ชื่อพร้อมทําท่าประกอบ
“ใช้มันฆ่าคนไม่ได้ใช้แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น ห้ามฆ่า ห้ามฟันตรงนี้ ตรงนี้ และก็ตรงนี้ จุดพวกนี้จะทําให้ตาย ฟันแค่พอประมาณ เจ้าเข้าใจไหม”
“ได้ อสูรภูเขาจะฟังเจ้าจ้าวอสูรทะเลสาบ”
ไร้ชื่อพยักหน้าด้วยท่าทางเหมือนเด็กเล็ก ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ทําให้ไร้ชื่อดูน่ารักไปอีกแบบ
“เอางี้ พวกเราแยกกัน เจ้าไปทางโน้นแล้วไปเจอข้าที่อาคารประมูลชั้น 5 ห้องของตึกลําธารตกลงไหม”
“ได้ อสูรภูเขาจะไปเจอเจ้าที่นั่นนั้น”
ไร้ชื่อรับคําเสร็จก็เคลื่อนตัวจากไปทันที แม้เขาจะไม่รู้ว่าอาคารประมูลที่ว่าคืออะไร แต่เขารู้ว่าชั้น 5 คืออะไร ชั้น 5 เป็นคําเรียกของบ้านที่มีมากถึง 5 ชั้น และชั้น 5 ก็อยู่ภายในบ้านนั้น คิดได้เพียงเท่านั้นไร้ชื่อก็จากไปอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้า เบิกบานแจ่มใส
เหนือภพแยกตัวหนีไปอีกทางหนึ่ง เขาวิ่งไปไม่หยุดพัก จนมาถึงพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่งที่นี่คงจะเป็นสุดเขตของหมู่บ้า นลมหวน เพราะมีซากต้นไม้ ต้นหญ้าที่ถูกถางออกจนเตียน คล้ายกับว่ามีคนมาเตรียมพื้นที่สําหรับการขยายงานก่อสร้าง
เหนือภพยืนเด่นท้าลมแรงอยู่ตรงกลางลานโล่ง จากนั้นก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา ผู้ชายคนนี้ตามเหนือภพอย่างห่างๆ แต่เมื่อเห็นว่าเหนือภพรู้ตัวแล้ว เขาจึงปรากฏตัวขึ้นห่างจากเหนือภพ 10 เมตร
ชายแปลกหน้าในเครื่องแบบมือปราบยืนเอามือไขว้หลังไว้ดูท่าทางผ่อนคลาย ทว่ามือที่แอบอยู่ข้างหลังนั้นกุมอาวุธไว้ตลอดเวลา สายตาดุจเหยี่ยวของเขาจ้องเหนือภพตาไม่กะพริบ จากนั้นเขาก็ถามเหนือภพด้วยน้ําเสียงราบเรียบ แต่แฝงความดุดัน
“ข้ามีคําถามบางอย่างจะถามเจ้า”
เหนือภพนิ่วหน้า จากนั้นก็ค่อยๆผ่อนคลายตัวเอง
“ลองว่ามาสิ ถ้าข้าตอบได้ข้าก็จะตอบ”
“เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลนาคราชหรือเปล่า”
เหนือภพส่ายหน้า
“ไม่ หากเกี่ยวกับพวกพญานาคข้าย่อมไม่เกี่ยวข้องด้วยแน่นอน ข้าไม่ค่อยชอบพวกพญานาคด้วยซ้ํา”
แววตาชีพจรที่ชายตาเหยี่ยวสัมผัสได้จากเหนือภพมันไม่ได้โกหก แต่เขาต้องการพิสูจน์เพื่อความแน่ใจ
“งั้นข้าขอทดสอบบางอย่าง หากเจ้าผ่าน ข้าก็จะไปทันทีและจะไม่มารบกวนเจ้าอีก”
สิ้นคําพูดของชายหนุ่มนัยน์ตาเหยี่ยว ร่างกายของเขาก็แผ่ออร่าสีทอง ครุฑอาคมปรากฏกายบินลอยสูงอยู่เหนือด้านหลังชายนัยน์ตาเหยี่ยว เสียงร้องของครุฑดังกังวาน ช่างไพเราะ และทรงอํานาจ ขณะเดียวกันนั้นเหนือภพก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่หน้าอกของเขา
แก้วจันทรกาลสีทับทิมที่เคยสงบนิ่งมาตลอดก็เกิดการสั่นไหว เหมือนครั้งที่เขาเจอครุฑอาคมขององค์รัชทายาทในอาคารประมูล และแล้วปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของสองเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในทันที เหนือภพรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ครุฑที่อยู่เบื้องหลังของชายหนุ่มนัยน์ตาเหยี่ยวมีตัวตนชัดเจนขึ้น ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าที่เป็นกรงเล็บอินทรีนั้นสูงกว่า 10 เมตร ปีกทั้งคู่กางแผ่ออกกว้างกว่า 20 เมตร มันสะบัดปีกทั้งคู่เพียงครั้งเดียว ร่างใหญ่โตของมันก็ดีดตัวขึ้นสูงเหนือฟ้า หายลับไปในหมู่เมฆทิ้งไว้เพียงกระแสลมที่รุนแรง จากนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมกังวาน ขณะโฉบพุ่งลงมาหาเหนือภพมุ่งสังหาร
แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที พญานาคห้าเศียรที่ซ่อนตัวอยู่ในแก้วจันทรกาลพุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ร่างกายงูเล็กจิ๋วเท่านิ้วชี้เด็กค่อยๆขยายเติบโตขึ้นเมื่อมันเข้าปะทะกับครุฑ หนึ่งในเศียรทั้งห้าก็สามารถงับปีกของครุฑได้ครึ่งปีก ลําตัวยาวพยายามโอบรัดร่างของพญาครุฑให้ตกอยู่ใต้การควบคุม หัวพญาพญานาคที่งับปีกครุฑอยู่เหวี่ยงสะบัดหัว ไปมาหวังฉีกทิ้งครุฑเป็นชิ้นๆ ทว่าร่างกายของครุฑกลับแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาเห็น แม้ครุฑอาคมที่ถูกอัญเชิญมานี้ จะมีความแข็งแกร่งเทียบไม่ได้กับตัวตนที่แท้จริงก็ตาม แต่พญานาคก็ทําได้แค่สร้างรอยขีดข่วนบนปีกครุฑเท่านั้น นี่คือศึกกลางอากาศมีหรือที่ครุฑจะพ่ายแพ้
ครุฑใช้กรงเล็บมือทั้งข่วนทั้งทุบหัวพญานาคอย่างต่อเนื่องเพื่อดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการกัด สุดท้ายพญานา คก็ทนไม่ไหว มันสะบัดครุฑลงไปกระแทกพื้น ขณะที่อีกหัวหน งก็พ่นเพลิงพิษหวังฆ่าทําลายครุฑให้สิ้นซากในทันที
เหนือภพเห็นภาพของสิ่งมีชีวิตในตํานานเข่นฆ่ากันเช่นนั้น เขาก็หันหลังวิ่งในทันที นี่ไม่ใช่ปัญหาของเขา แต่ชายตาเหยี่ยวไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาไล่ตามเหนือภพขณะที่มือทั้งสองข้างมีเรียกปราณอาคมสีทองออกมาเคลือบแปรเปลี่ยนเป็นสนับมือรูปกรงเล็บครุฑ ความเร็วของชายตาเหยี่ยวเพิ่มขึ้นในเสี้ยววินาที เขาพุ่งโจมตีเหนือภพจากด้านหลังด้วยการกระโดด แล้วยื่นกรงเล็บทรงพลังหวังตะครุบเหนือภพดังครุฑโฉบเหยื่อ
เหนือภพกลิ้งตัวหลบ ทําให้กรงเล็บครุฑของชายตาเหยี่ยวพลาดเป้าเสียบแทงลงไปยังพื้นดินแทน ราวกับไม้แหลมเสียบลงไปในเต้าหู้ เขาไม่สร้างแรงสั่นสะเทือนหรือรอยแตกร้าวบนพื้นดินแต่อย่างใด
เหนือภพขนหัวลุกชันเมื่อเขาเอี้ยวตัวกลับไปมองแวบหนึ่ง ความคมและความทรงพลังของกรงเล็บข้างนั้นมีมากจนน่าหวาดกลัว เหนือภพกลิ้งออกไปด้านข้าง จากนั้นเขาก็พลิกตัวหันหลังกลับใช้ความเร็วสุดกําลังที่เขามีวิ่งสวนเข้ามาหาชายตาเหยี่ยว ซึ่งชายตาเหยี่ยวยังไม่ทันชักมือออกจากพื้นดินด้วยซ้ํา รู้ตัวอีกที่เขาก็ถูกเข่าลอยกระแทกใส่ปลายคาง
แต่สิ่งที่เหนือภพกระแทกไปโดนนั้นเป็นเพียงเกราะอาคมที่ถูกสร้างขึ้น เหนือภพยังไม่หยุดเขาพุ่งเข้าใส่ชายตาเหยี่ยว โดยใช้ท่าเตะต่ําเถรกวาดลานสลับด้วยการเตะสูงซ้ายขวาเป็นจังหวะรัวต่อเนื่อง เมื่อชายตาเหยี่ยวกันท่าเตะของเขา เขาก็จะรัวหมัดใส่ เมื่อชายตาเหยี่ยวกันหมัดอีก เขาก็จะเปลี่ยนไปเตะสลับไปมาแบบนี้ หากชายตาเหยี่ยวเริ่มจับทางได้เขาก็จะเปลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการตีวงในโน้มตัวชายตาเหยี่ยวลงมา แทงเข่า ตามด้วยสองขาเตะสลับ ตบท้ายด้วยหมัดฮุกซ้าย จนชายตาเหยี่ยวกระเด็นออกไป
ชายตาเหยี่ยวใช้โอกาสนี้สะบัดปราณอาคมรูปกรงเล็บที่เป็นการโจมตีแรงที่สุดของตนใส่เหนือภพ ก่อนรีบดีดตัวถอยหลัง ห่างออกไปเกือบ 20 เมตร ใบหน้าเขามีเหงื่อซึม แต่ร่างกายไม่มีบาดแผล โชคดีที่เขามีวัตถุอาคมคุ้มกาย ไม่เช่นนั้นก็คงต้องเจ็บหนักจากการต่อสู้เมื่อกี้ไปหลายจุด มันเป็นการต่อสู้ที่พลิกแพลงไปมาไม่สิ้นสุด จะใกล้ก็ไม่ได้ จะตีตัวออกห่างก็ยากเย็น หนําซ้ําเรี่ยวแรงของเหนือภพยังเหนือกว่าคนทั่วไป
“เจ้าเป็นใครกันแน่ เกี่ยวข้องอะไรกับวัฏจักร”
ชายตาเหยี่ยวเคยประมือกับวัฏจักรมาหลายครั้ง และทุกครั้งเขาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสมอ เขาสังเกตเห็นว่าเชิงมวยของเด็กหนุ่มคนนี้กับวัฏจักรเป็นแบบเดียวกัน เพียงแต่เจ้าหนุ่มนี่มีดีที่กระบวนท่าเยอะกว่า พลิกแพลงได้หลากหลายกว่าแต่ไร้ซึ่งความเฉียบขาด เทียบกับวัฏจักรไม่ได้ หากเป็นวัฏจักรนั้นเพียงแค่ไม่กี่ท่าก็สยบเขาได้แล้ว
“เรื่องนี้ข้าไม่ขอตอบนะ ไปถามคนอื่นๆละกัน ข้าขอตัวกลับก่อน”
เหนือภพที่ลอบเกร็งกล้ามเนื้อมาตลอด จนมีกําลังระดับ 6 เขาก็ชกเข้าใส่ชายตาเหยี่ยว พื้นดินแตกแยกฝุ่นควันฟุ้งกระจาย แต่ชายตาเหยี่ยวใช้ปราณอาคมเพียงไม่ถึงนาทีก็สลายคลี่นกระแทกของเหนือภพได้หมด อาจจะเป็นเพราะเขาปะทะกับวัฏจักรหลายต่อหลายครั้ง คลื่นกระแทกเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย ทว่าแม้เสี้ยวนาที่จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่เมื่อเขาเพ่งมองอีกที เหนือภพก็หายตัวไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายของปราณอาคมเล็กๆที่น่าจะเกิดจากเหล็กไหล
ชายตาเหยี่ยวใช้ความสามารถของตนวิเคราะห์คํานวณเส้นทางหลบหนีของเหนือภพ ไม่นานเขาก็จับทิศทางได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เคลื่อนไหวเขาก็กระอักเลือดออกมา จนต้องรีบมองไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ครุฑอาคมที่เขาเรียกออกมาถูกพญานาคเด็ดปีกข้างหนึ่งออกเสียแล้ว ตอนนี้ครุฑกําลังจะถูกพญานาคกลืนกิน ชายตาเหยี่ยวไม่มีทางเลือกอื่น หากครุฑของเขาเป็นอะไรไปเขาก็ต้องเจ็บหนักมากเช่นกัน
“กลับมา”
ชายตาเหยี่ยวตะโกนก้อง พลางหมุนตัววิ่งไปในทิศทางที่คาดว่าเหนือภพจะหนีไป เขาไม่ละความพยายาม เขารู้ตัวว่าสู้พญานาคห้าเศียรไม่ได้ แต่เขาสู้เจ้าเด็กหนุ่มนั้นได้แน่ สายตาของชายตาเหยี่ยวขณะเหลือบมองพื้นดินที่มีหยดเลือดของเหนือภพอย่างแน่วแน่ การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขาได้ผล เจ้าหนุ่มนั่นบาดเจ็บแล้ว