ตอนที่ 46 เจ้าของเป็นยังไง สัตว์เลี้ยงก็เป็นอย่างนั้น
ณ ห้องรับรองส่วนตัวบนชั้น 5
“ดูเหมือนว่าหอหมื่นบุปผาจะไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยนะขอรับ”
หนึ่งในผู้จัดเตรียมงานเอ่ยอย่างนอบน้อมกับผู้สูงส่งท่านหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการประมูลครั้งใหญ่ในปีนี้
ชายสูงวัยผู้มีผมสีดอกเลายังไม่ได้ตอบในทันที เขาเลือกที่จะจิบไวน์น้ำผึ้งช้า ๆ อย่างมีระดับพลางชมการแสดงระบำด้วยความผ่อนคลาย เขาไม่คิดจะตอบคำถามที่ต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าการตัดสินใจของเขาไม่เคยผิดพลาด
“เรื่องที่ให้ไปเตรียมการไปถึงไหนแล้ว”
“เป็นตามที่ท่านต้องการขอรับ ครั้งนี้ต่อให้กลุ่มภารดาวางแผนมาดีแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจสร้างความเสียหายให้พวกเราได้”
ชายสูงวัยจิบไวน์น้ำผึ้งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มงวดราวกับผู้ใหญ่สั่งสอนเด็กผู้หนึ่ง
“จำคำข้าไว้ เจ้าไม่ควรดูถูกใคร โดยเฉพาะกลุ่มภารดา”
“อ้อ ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูแลสัตว์อสูรมังกรดิน วิหคเพลิง และหอยมือเสือเป็นพิเศษหน่อยนะ พวกมันมีราคาแพงและเป็นสินค้าพิเศษสำหรับการประมูลรอบนี้”
หนึ่งในผู้จัดเตรียมงานตอบรับอย่างเกร็ง ๆ แม้ชายสูงวัยจะพูดด้วยน้ำเสียงแสนธรรมดา แต่ความเป็นจริงแล้วเขากลับรู้สึกเกรงกลัว ราวกับมีใบมีดคมจี้อยู่ที่คอ บรรยากาศช่างเย็นยะเยือกจนเขาต้องรีบขอตัวออกมาจากห้องนั้น
เหนือภพเดินฝ่าฝูงชนเพื่อขึ้นไปหาศิษย์พี่ใหญ่อย่างยากลำบาก เพราะมีคนมาร่วมงานกันแน่นขนัด อีกทั้งเหนือภพยังต้องคอยก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ให้มีคนจำได้ว่าเขาคือคนบ้าที่ไปยืนเปลือยกายอยู่บนเวทีเมื่อสักครู่
เหนือภพทะลุผู้คนที่มีฐานะปานกลางขึ้นไปสู่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นรับรองสำหรับผู้ที่มีระดับขึ้นมาอีกขั้น พวกเขาล้วนเป็นบุคคลร่ำรวย และมีชื่อเสียงจากเมืองต่าง ๆ เหนือภพไม่หยุดแวะทำความรู้จักใครทั้งนั้น เขามุ่งตรงขึ้นไปถึงชั้น 4 อย่างรวดเร็ว ที่ชั้นนี้เหนือภพสังเกตเห็นความหรูหรามากขึ้น พวกเขาล้วนเป็นชนชั้นระดับขุนนาง ราชนิกุล และตระกูลเก่าแก่ผู้มีความสำคัญในระดับแคว้น
แต่เหนือภพก็ยังไม่หยุด เขาพุ่งขึ้นบันไดไปตามหาศิษย์พี่ใหญ่ที่ชั้น 5 ทันที
“เดี๋ยวครับ ขอทราบหมายเลขห้องรับรองของท่านด้วยครับ”
ฮันเตอร์แรงค์ D ผู้มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำชั้นนี้รีบมาดักหน้าเหนือภพอย่างว่องไว ชั้นนี้เป็นชั้นพิเศษที่คนทั่วไปไม่อาจเข้ามาได้
“ข้าจะไปที่ห้องรับรองของตึกลำธารครับ ข้าเป็นศิษย์น้องของท่านทานธรรม”
ฮันเตอร์หนุ่มมองประเมินเหนือภพตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วเขาก็พยักหน้าน้อย ๆ ให้เหนือภพเดินตามไป หากไปถึงห้องรับรองของตึกลำธารแล้วพบว่าเหนือภพแอบอ้าง และพูดไม่เป็นความจริง เขาจะจัดการเด็กหนุ่มไม่รู้ความนี่เอง
บนชั้น 5 มีห้องรับรองสุดหรูมากมาย แต่ละห้องจะมีผนังคั่นเพื่อความเป็นส่วนตัว และมีผ้าม่านหนาหนักที่สามารถรูดปิดด้านหน้าห้องได้หากต้องการ แต่ส่วนใหญ่มักจะเปิดผ้าม่านไว้เพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นที่เวทีกลางด้านล่างและจับตามองผู้คนในชั้นต่าง ๆ
แต่ละห้องล้วนมีป้ายชื่อติดไว้ที่เสาแกะสลักด้านหน้าห้องรับรองทุกห้อง อาจเป็นชื่อตระกูล ชื่อกลุ่มการเมือง ชื่อบุคคลหรือ ชื่อสมมติ เพื่อให้แขกผู้มาเยี่ยมเยือนและคนรับใช้ที่จะมาบริการสามารถแยกแยะได้ว่าห้องไหนเป็นห้องไหน
ในงานเทศกาลใหญ่ครั้งนี้ กลุ่มภารดาก็มาร่วมงานครบทั้ง 5 ตึก แม้พวกเขาจะใช้ชื่อกลุ่มเดียวกัน แต่ฐานอำนาจ อุดมการณ์ และภาระหน้าที่ของพวกเขาล้วนต่างกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เหนือภพจะไม่ได้เห็นคนจากทั้ง 5 ตึกมาอยู่ห้องใกล้กัน เหนือภพเห็นเพียงห้องของตึกลำธาร หอโลหิต ตระกูลใต้ สมาคมพ่อค้าเอกชน สำนักงานข่าวหลวง โรงเรียนเซนต์อมตะ และก็ห้องของพวกราชวงศ์ที่อยู่ไกลออกไป นอกเหนือจากนี้ก็อยู่ไกลเกินกว่าที่เหนือภพจะมองเห็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว
‘หืม ? พวกตระกูลใต้ได้อยู่ชั้น 5 เลยหรือนี่ มีอิทธิพลไม่ธรรมดาจริง ๆ’
“เรียนท่านทานธรรม มีคนมาขอพบครับ”
ฮันเตอร์หนุ่มกล่าวเสียงห้วนแต่ก็ฟังดูหนักแน่นไม่หยาบคาย เขาพาเหนือภพมารอถึงหน้าห้องรับรองที่จุดตะเกียงดวงใหญ่ ประดับประดาสวยงามราวกับแสงดาวยามค่ำคืน
“อ้าว ศิษย์น้องสาม เข้ามาสิ ทำไมมาช้าจัง”
“ก็ศิษย์พี่ใหญ่ไม่รอข้า ทำไมคนของตึกศิษย์พี่น้อยจังเลย”
เหนือภพเดินเข้าไปพูดคุยกับทานธรรมโดยไม่สนใจฮันเตอร์หนุ่มอีก เขาจึงค่อย ๆ ถอยหลังกลับไปเฝ้าประจำจุดเดิม
ทานธรรมไม่ตอบเหนือภพ เขาเพียงยิ้มแล้วก็ยกไหเหล้าน้ำผึ้งขึ้นดื่มตามปกติ พลางหันมองอังกาบด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม ทั้งห้องรับรองอันใหญ่โตของตึกลำธารนี้มีเพียงเขาและอังกาบเพียงสองคนเท่านั้น
“หึหึ ว่าแต่การเจรจาของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ยังไม่คืบหน้าอะไรเลย เจ้าพวกนั้นบอกว่ายังไม่มีเวลาพิจารณา”
เหนือภพพูดอย่างเซ็ง ๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ฮันเตอร์ผู้ดูแลจุดลงทะเบียนสินค้าเข้าร่วมการประมูล เขาไม่สนใจเหนือภพเลยแถมยังบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย
“เอาของมาให้พี่อังกาบสิ นางจะจัดการให้เจ้าเอง ไม่ต้องเป็นห่วง”
ทานธรรมมองสำรวจสภาพของเหนือภพก็พอเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่มีมาดชนชั้นสูง ไม่มีคนรับใช้คอยตาม ไม่มีสิ่งของมีค่าติดตัว แถมยังห้อยอีเตอร์ตลอดเวลาราวกับเป็นนักขุดเหมืองชนชั้นแรงงานอีกต่างหาก
“เจ้าจะขายอะไรล่ะ บอกพี่สาวคนนี้มาเลย”
อังกาบยิ้มอย่างใจดี วันนี้เธอแต่งตัวสวยงามในชุดผ้ายกดิ้นทองประดับพลอยสีฟ้าและน้ำเงิน ดูดีสมฐานะ
เหนือภพยิ้มกว้างจากนั้นก็ผิวปากเป็นจังหวะสั้น ๆ ไม่นานแมวราตรีที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน มันวิ่งจากชั้นล่างขึ้นมาตามเสียงผิวปากของเหนือภพในทันที
“ดูเหมือนแมวของเจ้าจะก่อความวุ่นวายได้เก่งใช่ย่อยเลยนะ”
ทานธรรมพูดขำ ๆ ขณะยืนติดระเบียงมองเหตุการณ์ข้างล่าง แมวดำยักษ์ที่มีข้าวของมากมายผูกติดอยู่บนหลังตัวนั้นพุ่งชนคนอื่นเป็นว่าเล่น ใครจะหลบก็หลบไป แต่มันไม่จำเป็นต้องหลบ มีเสียงตะโกนด่าทอเจ้าของที่ไม่ดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดี ปล่อยให้มาเกะกะคนกำลังดูการแสดงและดื่มเฉลิมฉลองกัน
เหล่าฮันเตอร์ผู้คุ้มกันก็ไม่รอช้า พวกเขาพากันวิ่งไล่ตามเพื่อกำจัดตัวปัญหาอย่างไม่ลดละ แม้พวกเขาจะเป็นฮันเตอร์ระดับสูง แต่ก็ไม่อาจไล่ตามฝีเท้าแมวดำตัวนี้ได้ ไม่รู้ว่าแมวดำตัวนี้จะวิ่งไปที่ไหน แต่ดูเหมือนว่ามันจะวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ตอนนี้มันทะลุไปถึงชั้น 3 อย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่พวกเขาจะจับตำแหน่งของมันได้ มันก็วิ่งทะลุไปถึงชั้น 4 เรียบร้อยแล้ว และนั่นทำให้พวกเขาเป็นกังวล หากสัตว์อสูรแมวตัวนี้ไปก่อความวุ่นวายกับคนชั้นบนสุดนั่นคงไม่เป็นผลดี
ทว่าสิ่งพวกเขากังวลมันเกิดขึ้นจริง ๆ แมวดำกระโจนเพียงสองครั้งก็ก้าวขึ้นมาถึงชั้น 5 เรียบร้อยแล้ว
ฮันเตอร์แรงค์ C คนหนึ่งที่เร้นกายในความมืดมาโดยตลอดถึงกับใช้อาคมย่นระยะทางพุ่งตามแมวดำไปด้วยความเร็วที่คนธรรมดาไม่อาจสังเกตเห็น
ทานธรรมสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของฮันเตอร์แรงค์ C เพียงแค่พวกเขาถอนหายใจก็ส่งคลื่นบางอย่างที่สั่นสะเทือนมาตามอากาศ ด้วยระดับของทานธรรมเขาจึงรับรู้ได้ไม่ยาก
เหนือภพก็สัมผัสได้เช่นกัน แต่ความไวของเขามีมากกว่าศิษย์พี่ใหญ่ เพียงพริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏตัวคั่นกลางระหว่างแมวดำและฮันเตอร์แรงค์ C
เสียงมีดหมอของเหนือภพและดาบของฮันเตอร์แรงค์ C กระทบกันดังลั่น จากนั้นเหนือภพก็ถูกแรงกระแทกดีดสะท้อนจนตัวโยนกลับไปข้างหลัง โชคดีที่ทานธรรมใช้มือข้างเดียวช่วยรับเหนือภพทั้งยังช่วยสลายอาคมที่แฝงมาการโจมตีนั้นด้วย จากนั้นทานธรรมก็กลับไปยืนพิงราวระเบียงด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“คิดจะตีแมวก็ดูเจ้าของหน่อยนะ สุภัชชา”
พูดจบทานธรรมก็ยืนจิบเหล้าด้วยท่าทางเย้ยหยันราวกับคุณชายเสเพล
ส่วนเหนือภพนั้นได้แต่บิดนิ้วมือ เกร็งกล้ามเนื้อรอรับการปะทะครั้งต่อไป เมื่อครู่เขารู้เลยว่าตัวเองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้กับฮันเตอร์แรงค์ C ผู้นี้ ความต่างชั้นระหว่างเขากับฮันเตอร์แรงค์ C ยังมีช่องว่างอยู่มาก
“เจ้าของเป็นยังไง สัตว์เลี้ยงก็เป็นอย่างนั้น ”
เสียงกังวานใสเอ่ยคำด่าอย่างสุภาพ ขณะจ้องมองทานธรรมอย่างเอาเรื่อง สุภัชชาคือฮันเตอร์แรงค์ C ที่นับว่าเป็นระดับสูงที่สุดในแคว้นนี้ และยังเป็นหนึ่งในผู้ดูแลการประมูลด้วย เธอจึงมีอิทธิพลไม่น้อยเลย แถมยังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับทานธรรมอย่างคลุมเครือ
แม้แต่ผู้หญิงปากร้าย พูดตรงไปตรงมาอย่างอังกาบยังเปลี่ยนท่าทีในฉับพลัน เธอยิ้มอ่อนหวาน แล้วก็โผเข้าไปออเซาะทานธรรมพร้อมกับรินเหล้าน้ำผึ้งให้เขาอย่างเบามือ ราวกับว่าเธอกำลังพยายามยั่วให้สุภัชชาอกแตกตาย
เหนือภพหรี่ตาครุ่นคิดกับประโยคของสุภัชชา ไม่นานก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา
“นี่พี่สาว ท่านบอกว่า เจ้าของเป็นยังไง สัตว์เลี้ยงก็เป็นอย่างนั้น ใช่หรือเปล่าครับ”
“คำพูดข้าไม่เคยผิด ย่อมเป็นอย่างที่เจ้าได้ยิน เอ๊ะ หรือว่าเจ้าเป็นเจ้าของมัน มิน่าล่ะ…”
สุภัชชาเว้นประโยคสุดท้ายเอาไว้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ท่าทางและสายตาดูแคลนของเธอนั้นสื่อออกมาชัดเจนแล้ว
เหนือภพยิ้มกว้างอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วเอ่ยตอบว่า
“เท่าที่ข้ารู้นะ แมวตัวนี้มีชื่อว่า แมวราตรี เป็นแมวสายพันธ์ุเฉพาะที่ถูกเพาะเลี้ยงโดยองค์เจ้าแคว้น แล้วพระองค์ก็พระราชทานแมวตัวนี้ให้กับพันเพชรเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่ลูกสาวของเขา ดูสิที่คอมันยังมีสร้อยแกะสลักชื่อพันเพชรอยู่เลย ดังนั้น…”
เหนือภพไม่จำเป็นต้องพูดทั้งหมดก็สามารถเรียกสีหน้าอึมครึมจากสุภัชชาได้ เธอเองก็ไม่คิดว่าเธอจะโดนเด็กเมื่อวานซืนยอกย้อนให้ เมื่อเห็นว่าสุภัชชาไม่พูดอะไร เหนือภพจึงยิ่งตอกย้ำด้วยการตะโกนถามไปทางองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรที่กำลังยืนมองพวกเขาอยู่ริมระเบียงหน้าห้องของเธอ
“ที่ข้าพูดนี่จริงไหม องค์หญิง”
องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรชะงักไปชั่วครู่ เธอแค่นึกสนุกอยากดูพัฒนาการของเหนือภพ แต่ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะดึงเธอเข้าไปร่วมวงด้วย
เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะใช้อาคมขยายเสียงตอบกลับไปว่า
“ข้าเป็นเพียงองค์หญิงที่อยู่วังหลัง ไม่สันทัดเรื่องของแมวราตรีสักเท่าไหร่ คงต้องถามองค์รัชทายาทแล้วล่ะ ใช่ไหมเจ้าคะท่านพี่ ถ้าหากข้ามองไม่ผิดท่านพี่เองก็พาแมวราตรีมาด้วยนี่เจ้าคะ”
องค์รัชทายาทที่กำลังเกาคอแมวราตรีของตัวเองชะงักกึกทันที เขาหลับตาลงชั่วครู่เพื่อขับไล่แววตาแห่งความแข็งกร้าวออกไป ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างผ่อนคลายลง จากนั้นก็เกาคอแมวแสนรักต่อพร้อม ๆ กับเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวล
“เป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า แค่ก ๆ ข้าโปรดปรานแมว และแมวตัวนั้นอดีตเคยเป็นของท่านพ่อจริง แต่ท่านพ่อก็ยกมันให้ขุนเพชรแล้ว แค่ก ๆ นิสัยแมวเป็นเช่นไรนั้นดูเหมือนขุนเพชรจะเป็นต้นเหตุ แค่ก ๆ”
สุภัชชาเอียงคอมององค์รัชทายาทด้วยความสงสัย นี่เขายอมหักหน้าเธอเพื่อเด็กคนนี้หรือ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรต่อไป ขุนเพชรก็รีบออกโรงมาคลี่คลายสถานการณ์ได้ทันท่วงที ราชวงศ์อมตะมีบุญคุณกับเขามาก และเมื่อไม่นานมานี้องค์เจ้าแคว้นเพิ่งจะแต่งตั้งให้เขาเลื่อนขั้นเป็น ‘ขุน’ ดังนั้นเขาจะต้องปกป้องศักดิ์ศรีขององค์รัชทายาทไว้ด้วยชีวิต
ขุนเพชรรีบออกมาคุกเข่าต่อหน้าสุภัชชา
“ท่านสุภัชชาเป็นความผิดข้าน้อยเองที่เลี้ยงแมวไม่ได้เรื่อง ทำให้มันมีนิสัยย่ำแย่ ความเสียหายที่เกิดจาะแมวของข้า ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ขอท่านโปรดให้อภัย”
เหนือภพมองหน้าสุภัชชาพร้อมกับยิ้มกริ่ม ในเมื่อเรื่องจบลงได้ด้วยดีเขาก็หมุนกายเดินกลับเข้าห้องรับรอง
สุภัชชาเอ่ยเสียงเข้ม พร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ ราวกับว่าเธอกำลังถือไพ่เหนือกว่า
“ในเมื่อแมวเป็นของท่านขุนเพชร แล้วมันมาอยู่กับเจ้าได้ยังไง นี่ก็แปลว่าเจ้าเป็นคนขโมยมันมา เด็ก ๆ มาจับหัวขโมยผู้นี้”
สิ้นเสียงสั่งการของเธอ เหล่าฮันเตอร์แรงค์ D เกือบ 5 คนต่างพุ่งเข้ามาหาเหนือภพ
เหนือภพพำพึมกับตัวเอง แล้วก็หัวเราะแห้ง ๆ แต่เขาก็ไม่มีท่าทีร้อนใจ ถึงอย่างไรเจ้าแมวดำกับเขาก็มีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนร่วมงานมากกว่า ไม่ได้นับว่าเขาบังคับหรือจับมันมาทำงาน
“แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ถูกจับตัวมาเลยนะขอรับองค์ชาย”
พยัคฆ์คีรีกระซิบกับองค์ชายด้วยเสียงดังในระดับที่ได้ยินกันทุกคน องค์รัชทายาทเองก็หันกลับมาตอบคนสนิทด้วยเสียงดังในระดับเดียวกัน
“หรือเจ้าคิดว่า ขุนเพชรดูแลแมวได้ไม่ดีพอ มันจึงหนีไปอยู่กับคนอื่น”
ขุนเพชรได้ยินองค์รัชทายาทคุยกับองครักษ์คู่ใจเช่นนั้นก็รีบละล่ำละลักออกมา
“ใช่ ๆ องค์รัชทายาทพูดถูกต้องแล้วท่านสุภัชชา ข้าผิดเอง ไม่มีใครขโมยแมวไปหรอก คราวที่แล้วมันถูกพันศรีวะราขโมยไปจริง แต่เหนือภพก็นำมันกลับมาคืนแล้ว”
“ใช่ขอรับ ถ้าท่านสุภัชชายังแคลงใจ ก็สามารถไปขออนุญาตเปิดดูแฟ้มภารกิจของสำนักงานฮันเตอร์ได้”
ขุนเพชรหันมามองชายวัยกลางคนร่างเล็กในชุดสีฟ้าด้วยความแปลกใจ เขาไม่คิดว่าคนจากสำนักงานฮันเตอร์จะเข้ามาช่วย
สุภัชชาเกิดความลังเลใจ เธอหันมองไปข้างหลังเล็กน้อย ราวกับมีพลังงานบางอย่างพุ่งเข้ามาเสียดแทงกระดูกสันหลัง เธอจึงรีบหันกลับมาตัดบทอย่างแข็งกร้าว
“ยังไงเจ้าเด็กนี่ก็มีความผิด จัดการได้”
MANGA DISCUSSION