ตอนที่ 32 แก้วจันทรกาล
ตำหนักเทพเป็นเพียงศัพท์เฉพาะของนักขุดเหมือง แท้จริงแล้วมันก็คือรังสัตว์อสูรที่ฮันเตอร์ทั่วไปเข้าใจ
เหนือภพไม่รู้ว่ารังพญานาคนี้มีมานานแค่ไหน ถ้าหากปล่อยไว้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นภัยคุกคามที่อันตรายต่อเมืองสินธุในอนาคตหรือไม่ แต่กังวลไปก็เท่านั้น ยังไงเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะพญานาคเหล่านี้มีระดับแรงค์ที่เหนือกว่าอสูรกริมมากนัก นี่เป็นเพียงแค่พญานาคทั่วไปเท่านั้น ถ้าเกิดเป็นตัวองครักษ์ ตัวราชา หรือตัวราชินี ระดับพลังของมันจะมากถึงเพียงไหนเขาไม่อยากจะจินตนาการเลย
“เจ้าเห็นหรือเปล่า นั่นแร่ 6 สี”
ใต้ศิลาเอ่ยเสียงเบาพร้อมชี้นิ้วไปที่บึงน้ำมรกตเบื้องหน้า ตรงนั้นมีแร่หกสีอยู่จำนวนมาก มันรวมตัวกันอยู่เป็นก้อนน้อยใหญ่ ราวกับเป็นโขดหินประดับริมบึง แต่ตรงนั้นกลับเป็นจุดที่มีพญานาคนอนขดตัวอยู่มากที่สุด
“โธ่ท่านอา ถ้าท่านจะชี้ให้ความหวังข้าแบบนี้ ไม่สู้ท่านชี้จุดที่เราพอจะขุดได้จริงดีกว่ามั้ย ถ้าจะไปที่นั่นต่อให้ท่านสัญญาว่าจะไม่รังแกข้า หรือสัญญาว่าจะให้เงินข้าไปชุบเคลือบน้องแสงเงินชั่วชีวิต ข้าก็ไม่ไป”
ใต้หล้าพูดอย่างตัดใจ ขณะที่เหนือภพกำลังชี้ไปอีกทาง ทุกคนมองตามนิ้วของเหนือภพโดยไม่ทันสังเกตว่ามีประกายแสงสีส้มแวบผ่านดวงตาของเหนือภพ
เหนือภพบอกอย่างมั่นใจ และจุดที่เขาชี้มีแร่ 5 สีและแร่ 6 สี เกาะกลุ่มรวมกันโดยไม่มีพญานาคอาศัยอยู่ แต่ปัญหาคือมันเป็นพื้นที่โล่งแจ้งเกินไป
“ไม่ได้ ถ้าลงไปก็คงต้องออกแรงขุดงัดแร่ออกมาจากเนื้อหิน ต้องเกิดเสียงดังแน่ ไม่มีที่หลบแบบนั้น อันตรายพอกันเลย ไม่เอาหรอก”
ใต้หล้าพูดจบก็ส่ายหน้าอย่างแรง
หนึ่งในคนขุดแร่ชี้ไปอีกทางหนึ่ง ตรงนั้นเป็นภูเขาหินลูกเล็ก ๆ ที่มีร่องแตกระแหงลึกเข้าไปเป็นโพรงมากมาย พอจะมีช่องทางให้ซ่อนตัว และที่นั่นก็มีแร่ 6 สีมากเหมือนกัน
“ไอ้บ้า เจ้าดูไม่ออกหรือไง นั่นมันรังของพญานาคเห็น ๆ อยู่ดีไม่ว่าดีจะเสนอตัวไปถึงหน้ารังเลยหรือไง”
เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนั้นก็ไม่คิดเสี่ยงอีก จะกลับออกทางเดิมก็ไม่ได้ จะรุกเข้าไปก็ไม่ได้อีก พวกเขาจึงหลบซ่อนตัวอยู่ในช่องถ้ำขนาดเล็ก ในพื้นที่คับแคบแบบนั้น จากนั้นก็เริ่มคว้าอาหารแห้งขึ้นมากัดกินอย่างไม่มีอะไรทำ สลับกับการถอนหายใจทิ้งเป็นระยะ พวกเขาได้แต่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่แบบนั้น มันเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้
จนกระทั่งหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
เสบียงเริ่มร่อยหรอ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่พวกพญานาคจะมักอยู่ในสภาวะจำศีลกันตลอดเวลา แถมยังขี้เซามาก หากไม่เกิดเสียงดังปานฟ้าผ่า หรือถ้ำถล่มทลายพวกมันก็แทบจะไม่ขยับตัวไปไหน พวกมันจะขดตัวนอนอยู่แบบนั้น ทำให้พวกเขาสามารถแอบไปเก็บผักผลไม้ในป่า และย่องไปตักน้ำมาดำรงชีวิตได้
พวกเขายังคงรอต่อไปอย่างอดทน พร้อมกับวางแผนเพื่อเก็บแร่ 5 สีและ 6 สีไป เพียงแต่ยังหาจังหวะเหมาะ ๆ ไม่ได้ เนื่องจากพวกเขายังไม่เห็นพญานาคตัวนั้นกลับมา
พญานาคตัวนั้นกลับมาแล้ว มันเลื้อยผ่านจุดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่โดยไม่รับรู้เลยว่ามีสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมเข้ามาแอบอยู่ใกล้รังของมัน พญานาคเลื้อยไปหยุดอยู่ที่ริมบึงน้ำมรกต ขดตัวอย่างเรียบร้อยแล้วก็หลับไปเฉกเช่นตัวอื่น ๆ
พวกเขารอจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าพญานาคตัวนั้นและตัวอื่น ๆ ไม่เคลื่อนไหวหรือไม่มีตัวใดกลับเข้ารังอีก พวกเขาจึงพากันออกมาจากที่ซ่อน
ใต้ศิลากระซิบประกาศให้ทุกคนรู้โดยทั่วกัน
“ทำตามแผน แยกกันทำงาน ถ้าได้ครบแล้วให้รีบกลับไปตามเส้นทางเดิม”
ทุกคนพยักหน้ารับโดยไร้เสียง ส่วนแผนการที่วางกันไว้ล่วงหน้านั้น ก็เรียบง่ายตามแบบฉบับของนักขุดเหมือง นั่นคือใครชอบตรงไหนก็ไปขุดตรงนั้น แต่ต้องเก็บไปอย่างพอดี เผื่อทางให้ตัวเองเคลื่อนไหวได้สะดวก หากเกิดเหตุไม่คาดฝันเหนือภพจะเป็นคนรั้งท้าย เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่ใช้อาคมทรงพลังช่วยถ่วงเวลาให้คนอื่นได้ ซึ่งเหนือภพก็ไม่ขัดข้องอะไรในเรื่องนี้ ขอเพียงทำตามเงื่อนไขเดียวคือของที่เขาเก็บได้ตระกูลใต้จะต้องไม่ขอรับส่วนแบ่ง
เหนือภพค่อย ๆ ย่องไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยน้ำหนักตัวของเขานั้นเป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนไหวโดยไร้เสียง ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนที่ไปให้ช้าที่สุด ผิดกับคนอื่นที่พอออกจากที่ซ่อน ก็พากันวิ่งสุดแรงไปถึงเป้าหมายของตน กว่าเหนือภพจะไปถึงพวกเขาก็เริ่มทำการขุดงัดแร่กันแล้ว
เมื่อเหนือภพมาถึงจุดที่ต้องการ เขาก็ค่อย ๆ กะเทาะพื้นศิลากลางลานหินโล่ง โดยงัดแงะอย่างเบามือเพื่อเอาแร่หกสีที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นขึ้นมา เขาทำมันอย่างช้า ๆ เขาถือคติที่ว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม
ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเขาก็สามารถใช้มือแงะแร่ 6 สีขนาดกำปั้นขึ้นมาได้ 4 ก้อน และแร่ห้าสีอีกนับ 10 ก้อน ความจริงเขาอยากงัดมันออกมาอีก แต่ทุกคนส่งสัญญาณมือต่อกันมาเป็นระยะว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหนือภพจึงได้วางมือ เขาพยายามข่มใจตัวเองว่าอย่าได้โลภมากเกินไป
แต่ในขณะที่เขากำลังจะลุก เขาก็เห็นอะไรบางอย่างใต้ช่องพื้นที่เขางัดแงะแร่ ลึกลงไปมีสิ่งหนึ่ง มันมีพลังงานในตัวเองมหาศาล
เหนือภพโบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปก่อน ขณะที่นัยน์ตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มทอง จ้องมองลงไปในร่องนั้น สิ่งที่เขาเห็นคือจุดแสงที่แปรเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ รวมแล้ว เป็น 8 สีที่ไม่เสถียร แถมจุดแสงที่ว่ายังมีขนาดใหญ่มาก จุดแสงของแร่หกสีที่อยู่รอบ ๆ ก็ยังเทียบไม่ติด
เหนือภพคงใช้อีเตอร์กะเทาะลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเห็นวัตถุที่ว่านั้น มันมีขนาดเล็กกว่ากำมือ ดวงตาเขาเป็นประกายทันที เขารู้จักสิ่งนี้
“แก้วจันทรกาล” (แก้ว-จัน-ทะ-ระ-กาน)
ขณะที่เหนือภพล้วงมือลงไปคว้าลูกแก้วสีเหลืองทองโปร่งแสงขึ้นมา หินก้อนหนึ่งก็ตกกระทบใส่หัวของเขา เขาหันมองไปข้างหลังก็เห็นพวกตระกูลใต้มีสีหน้าบิดเบี้ยว โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้รีบวิ่ง เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนตัวของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ เสียงหินถูกครูดบดละเอียด และเสียงคำรามในลำคอที่ฟังดูดุร้าย แล้วเขาก็เห็นเงาขนาดใหญ่ตกกระทบพื้น เงาเคลื่อนตัวมาเรื่อย ๆ จนบดบังตัวเขาในที่สุด ไม่ต้องเงยหน้ามองเขาก็รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร เพราะแค่เห็นเงาเขาก็ดูออกมาสิ่งนั้นกำลังแยกเขี้ยวพร้อมกับคำรามในลำคอ
เมื่อเขาทำท่าคลายมือที่คว้าจับแก้วจันทรกาลออก พญานาคตัวดังกล่าวก็มีท่าทีคล้ายจะสงบลง แต่เมื่อเขาเริ่มกำแก้วจันทรกาลแน่นขึ้น พญานาคก็ส่งเสียงคำรามในลำคอดังขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเหนือภพเห็นแบบนั้น เขาก็ปล่อยแก้วจันทรกาลลง แล้วลองเลื่อนมือไปแตะก้อนแร่ 6 สี ปรากฏว่า พญานาคดูไม่ค่อยสนใจสิ่งนี้เท่าไหร่นัก แม้เหนือภพจะหยิบแร่ 6 สี ใส่ถุงหนังก้อนแล้วก้อนเล่ามันก็ไม่โจมตี แต่พอเขาเลื่อนมือจะไปแตะแก้วจันทรกาลอีกครั้ง เสียงคำรามในลำคอของมันก็ยิ่งดังขึ้น
นั่นทำให้เหนือภพยิ้มกว้าง ขอเพียงไม่ใช่แก้วจันทรกาลพญานาคตนนี้ก็คงไม่สนใจโจมตีเขา เหนือภพก็หน้าด้านหน้าทน ไหน ๆ เขาก็มาถึงขนาดนี้แล้ว จะต้องหนีพญานาคทั้งทีก็คงต้องกอบโกยให้คุ้มสักหน่อย
เขาลากถุงหนังใบใหญ่ด้วยมือข้างหนึ่ง และถืออีเตอร์อีกข้างหนึ่ง เดินไปอีกทิศทางหนึ่งโดยที่พญานาคตนนั้นเพียงจ้องมองเท่านั้น
สายตาของพญานาคเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยากจะเข้าใจ เหนือภพก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมมันไม่หวงแร่อย่างอื่นเลย เขาจะทำการขุดเจาะเก็บเกี่ยว แร่ห้าสี แร่หกสีก้อนแล้วก้อนเล่าจนเต็มถุงหนังใบใหญ่เลยทีเดียว
เหนือภพขมวดคิ้วมุ่นแม้เขาจะทำเป็นขุดแร่เช่นนั้น แต่เขาก็เกร็งกล้ามเนื้อพร้อมรับทุกสถานการณ์
แต่พญานาคตนนั้นก็ยังไม่เคลื่อนไหว
เหนือภพย้อนกลับมาที่แก้วจันทรกาลอีกครั้ง เขารู้ว่าแก้วจันทรกาลเป็นของดี ถือเป็นของทนสิทธิ์ ของขลังทางธรรมชาติที่หาได้ยากถึงยากที่สุด หากเขาพลาดแก้วจันทรกาลดวงนี้ เขาก็ไม่รู้จะไปหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว รังพญานาคใช่ว่าจะบุกเข้าไปได้ง่าย ๆ และก็ใช่ว่าจะมีแก้วจันทรกาลอยู่เกลื่อนกลาด
แก้วจันทรกาลจะถือกำเนิดขึ้นเมื่อพญานาคที่มากล้ำด้วยตบะบารมีละสังขาร แล้วถอดจิตที่มีพลังทิพย์ออกมาอยู่ในหินแร่ใส เมื่อจิตยังคงอยู่ ก็อาจถือได้ว่าพญานาคสามารถมีชีวิตในอีกภพหนึ่งที่ไม่เจ็บไม่ตายอีกต่อไป สิ่งนี้ใช้เวลาเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ปีจึงจะเกิดขึ้นสักครั้ง ดังนั้นเขาจะพลาดมันไม่ได้
เหนือภพหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่ยังไม่ไปไหน จนเขาต้องส่งสายตาเป็นสัญญาณว่าให้รีบไปก่อนเลย เมื่อทุกคนเห็นสัญญาณฉุกเฉินนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องเสียงอีกต่อไปแล้ว
เหนือภพสูดลมหายใจลึกเข้าปอด เขาไม่อยากใช้เลยจริง ๆ
สิ้นคำพูด เหนือภพก็คว้าแก้วจันทรกาลมาไว้ในมือขวา ขณะที่ร่างกายเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว
เมื่อยักษ์อาคมสีขาวโปร่งแสงขนาดใหญ่ที่ตัวสูงราว ๆ สิบเมตรปรากฏขึ้นมันก็แสดงท่าทางเหมือนกับเหนือภพไม่มีผิด ยักษ์อาคมค่อย ๆ ยกหมัดขวาที่มีท่าทางเหมือนกำแก้วจันทรกาลอยู่ แล้วก็ต่อยเปรี้ยงใส่เศียรพญานาคที่กำลังพุ่งเข้ามาจะกลืนกินเหนือภพ
เหนือภพยืดตัวขึ้นขณะยิ้มมุมปาก ต่อให้เป็นอสูรกริมก็ทนหมัดนั้นของเขาไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือเศียรพญานาคตัวนั้นเอียงไปด้านข้างเพียงเล็กน้อย แล้วมันหันหัวกลับมาตั้งตรงได้ภายในไม่กี่วินาที ปากของมันแสยะกว้างขึ้นราวกับกำลังยิ้มเยาะเหนือภพ
ขณะที่เหนือภพก้าวถอยหลัง พญานาคก็ขยับตัวแล้วชูคอขึ้นสูงกว่ายักษ์อาคมของเหนือภพ เขายิ้มออกมา
“จะแข่งความสูงกับข้าใช่ไหม เอาสิ”
เหนือภพไม่ยอมแพ้ เขาขยายยักษ์อาคมให้ใหญ่โตขึ้น เอาให้สูงกว่าเศียรพญานาคแถมยังแสดงท่าทางให้น่าเกรงขามมากขึ้น พญานาคคำรามในลำคออย่างไม่ชอบใจ แล้วมันก็ชูคอให้สูงกว่าเดิมโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะถึงขีดจำกัด ไม่รู้ว่ามันจะชูคอได้สูงที่สุดแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ลำตัวส่วนหางของมันยังคงซ่อนอยู่ในโพรงถ้ำขนาดใหญ่
MANGA DISCUSSION