Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว! - ตอนที่ 8 เล่ม1 บทที่2.3
- Home
- Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว!
- ตอนที่ 8 เล่ม1 บทที่2.3
หลังเลิกเรียน ที่ชมรมรุ่นพี่ทสึกิโนกิกำลังมองมาที่ผมและโคมาริด้วยสายตาที่เคร่งเครียด
โคมาริหมุนนิ้วของเธออย่างประหม่า หลังจากที่ผมหันหน้าไปมองที่โคมาริก็เอามือนั้นซ้อนไว้ใต้โต๊ะ
“วันนี่มีเหตุผลเดียวที่เรียกพวกเธอมากัน มันเกี่ยวข้องกับอนาคตของชมรมนี้และรวมถึงกิจกรรมชมรมวรรณกรรมของเราด้วย”
รุ่นพี่แสดงออกแบบโอเวอร์แอคติ้งและทำการชูนิ้ว2นิ้วขึ้นมา
“ฉันมีข่าวร้ายกับข่าวร้ายยิ่งกว่า อยากฟังเรื่องไหนกันก่อนดี”
“มันไม่มีข่าวดีบ้างเลยหรอครับ?”
“ถึงจะเป๋็นข่าวร้ายมันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกน่ะ เรื่องที่ฉันจะพูดมันก็อารมประมาณเรื่องน่ารำคาญทำนองนั้นมากกว่าน่ะ”
“ครับได้ครับ งั้นช่วยพูดข่าวร้ายธรรมดาก่อนเถอะครับ”
รุ่นพี่เอามือลงและพยักหน้า
“ตอนนี้ยุคแห่งการอ่านของชมรมเราได้จบลงแล้วและเป็นการมาถึงของยุคใหม่แห่งการเขียน”
“เอะ ชมรมวรรณกรรมไม่เคยเขียนวรรณกรรมเลยกันเลยเหรอครับ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น เมื่อนานมาแล้ว ในบันทึกของชมรมวรรณกรรมมีเรื่องราวของสมาชิกคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากท่านรัฐมนตรีและได้รับรางวัลมา ฉันหวังว่าในรุ่นของพวกเราจะมีอะไรแบบนั้นมาบ้างประมาณนั้น”
พูดง่ายๆก็คือไม่มีนั้นเหละครับ
“แล้วทำไมถึงหยุดไปล่ะครับ?”
“เธอยังไม่เข้าใจเรื่องนี้”
จุจุจุ รุ่นพี่ทสึกิโนกกิทำเสียงนั้นแล้วโบกนิ้วไปมา
“เพราะว่าชมรมนี่น่ะมันสักแต่พูดยังไงล่าาา”
โคมาริพยักหน้าเห็นด้วย ฮะ นี่มันมุกตลกของชมรมนี้ใช่ไหม?
“พูดตรงๆก็เพราะวันนี้สภานักเรียนได้ถามคำถามมาน่ะว่า พวกเราไม่มีเนื้อหาของชมรมเราน่ะมันมีการเขียนแน่นอนแต่ว่าพวกเรากับไม่ทำกิจกรรมชมรมในจุดนั้นเลย”
“หา?”
“แต่ก่อนพวกเราก็พอถูถู ไถๆ ไปได้แค่ดูเหมือนว่าเมื่อไม่นานมานี้เรื่องถูถูไถนั้นมันก็โดนจับได้ขึ้นมา”
เอะ อย่าบอกน่ะว่า ใบหน้าของสภานักเรียนคนนั้นก็ปรากฎขึ้นมาในหัวความ
ผมต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นชมรมของพวกเราต้องทำพวกนิตยสารเหรอครับ?”
“ไม่ต้องหรอก อะไรแบบนั้นชมรมของพวกเรางบไม่ถึงหรอก แถมไม่ทำเงินอีกเพราะงั้นแล้ว”
รุ่นพี่ทสึกิโนกิชูโทรศัพท์ขึ้นอย่างภาคภมูิใจ
“พวกเราจะหันหน้าเรือของเราเข้าสู่โลกดิจิตอล พูดอีกอย่างก็คือ พวกเราจะเขียนพวกมันลงใน เว็ป(แมวดุ้น) Shosetsuka ni naro ((เอาเป็นแบบนี้เหละXD) “
แบะ แบะ แบะ โคมาริตบมืออย่างไม่ทราบสาเหตุ รุ่นพี่ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้เงียบสักแปป
“อย่างแรกถึงแม้ว่ามันจะสั่นมากๆ แต่ก็ขอให้อัพลงเวปไปก่อน”
แน่นอนว่า มันสะดวกกว่าที่จะส่งไปในเว็ปมันไม่ต้องกังวลว่าต้องขายใคร มันเลยเหมาะที่จะเป็นกิจกรรมชมรม
“ต่อมาเรามาพูดถึงข่าวร้ายอีกเรื่องหนึ่ง”
ใช่ผมลืมไปเลยว่ามันมีอีกเรื่องหนึ่ง ผมนั่งหลังตรงทันที
“ชมรมวรรณกรรมของพวกเราจะมีกิจกรรมเข้าค่ายกันสุดสัปดารห์นี้”
“ห่ะอะไรน่ะครับ?”
“ฉันได้จ้องห้องพักไว้2ห้องไว้แล้วเป็นโรงแรมใน Tahara”
“เดี่ยวก่อนน่ะครับ สุดสัปดารห์นี้มันไม่ใช่วันมะรืนเหรอครับ?”
“ในอุสาหกรรมการเขียนนิยายพวกเรานั้นต้องแข่งขันกับความเร็ว ไม่รู้หรอ? ในอีกแง่หนึ่ง ฉันก็หลงไหลให้กับคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่พวกนั้น ทั้ง2คนช่วยรับมันไว้ด้วย”
โคมาริตบมือของเธออีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นและพิมใส่ในนั้น
{บอกตามตรง อยากหมกตัวอยู่บ้านตอนสุดสัปดารห์มากกว่า}
ใ่ช่ ผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
“โอะโอ ….ดูเหมือนว่าทั้งคู่ยังไม่เข้าใจสิน่ะหวังว่าจะพูดแบบนั้นได้อีกหลังจากได้ยินวลีนี้เข้าไปน่ะ?”
รุ่นพีั่ทสึกิโนกิ ยิ้มภาคภูมิใจด้วยเหตุผลบ้างอย่างแว่นตาของเธอก็กำลังกระพริบแสง
“อัดกระป๋องปั่นต้นฉบับ”
อะไรน่ะ นี่รุ่นพี่กำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่ บก ขังนักเขียนไว้ในโรงแรมเพื่อปั่นต้นฉบับเพื่อให้ทันเดธไลน์ใช่ไหม รุ่นพี่จะสื่อประมาณนั้นใช่ไหม?
“โอ โอ้วววว”
โคมารนิมองขึ้นไปในอากาศราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างรีแอ็คชั่นอะไรกันเนีย?
“ตื่นเต้นใช่ไหมล่า ตั้งตารอมันอยู่ใช่ไหมล่ะ”
“อัดกระป๋องต้นฉบับ เท่สุดๆไปเลย”
โคมาริพยักหน้าเข้าใจ เอาจริงดิเข้าใจอะไรแบบนั้นด้วยหรอ
“สามารถเขียนมันได้ทั้งในกระดาษหรือในโทรศัพท์มาก่อนก็ได้ ประธานจะนำแล็ปท็อปมาด้วย เดี่ยวใช่อันนั้นอัปมันลงเว็ปได้เหมือนกัน”
“แต่ตอนนี้พวกเราไม่รู้เลยว่าจะเขียนเกี่ยวกับอะไรน่ะครับ”
“ไปทำกันวันสุดสัปดารห์ก็ได้ แต่ก็ขอโครงร่างมาก่อนก็ยังดีน่ะ”
ถึงผมจะมีเรื่องที่อยากเขียน บอกตามตรงมันไม่กระทันหันไปหน่อยหรอ
“แล้วรุ่นพี่ล่ะครับ จะเขียนเรื่องแนวไหนหรอครับ”
“ฉันว่าจะเขียนแนว ต่างโลกน่ะ ฉันจะเขียนแนวisekai”
หืม คาดไม่ถึงนะเนี่ย ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะชอบตามเทรนด้วย
“เริ่มจากการที่มิชิมะคว้านท้องของตัวเองแล้วได้ไปต่างโลกหลังจากนั้นก็ให้ดาไซกระโดดตามไปที่แม่น้ำ ทามะกาวะตามไป”
รุ่นพี่ครับ จะช่วยเขียนตามให้มันมากกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ
“ไม่ใช่ว่ามันกลับกันเหรอครับดาไซต้องม่องไปก่อนสิ”
“ฉันรุ้ๆ แต่อะไรแบบนี้มันก็ปล่อยๆได้ไงยังไงสิ่งพ้อยหลักที่สำคัญก็คือความรักของพวกเค้าไง”
“โคมาริซัง มันจริงหรอครับ?”
ผมอดไม่ได้ที่จะถามโคมาริ
{อยู่แล้วสินุคุมิสึ นายยังไม่เข้าใจ วรรณกรรมน่ะคือการเขียนถึงหัวใจของคนเรา}
โคมาริไม่แม้แต่จะมองมาที่ผมเลยตอนที่เธอพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์
“เอาหล่ะจากเซ็ตติ่งที่ฉันคิดเอาไว้ ถึงจะโดนรถไฟยามาโตะชนแต่ก็มีการพักฟื้นโดนออนเซ็น แต่เพราะมันR-18+ ไปหน่อยเลยเอามาโชวไม่ได้น่ะ”
เดี่ยวน่ะ? นี่ไม่ใช่ว่ามันคือกิจกรรมชมรมเหรอ
“18+…ไม่ควร”
ใช่ บอกรุ่นพี่ที-เดี่ยวนั้นเสียงใคร?
“อุหวาาา”
คนที่ยืนอยู่ใต้เงาของชั้นหนังสือคือ ชิกินะซัง เลขานุการของสภานักเรียนตรงข้ามกับความกลัวของผมรุ่นพี่ทสึกิโนกิหันกลับมองเธออย่างใจเย็น
“ชิกิยะ มาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันไม่แน่ใจ…ฉันแค่มารอ..คนแล้วดันเผลอหลับไป”
ชิกิยะซังเอียงหัวของเธอช้าๆและหันมาจ้องที่ผม
“การทำกิจกรรม…ชมรม ดีมากก”
เธอจดอะไรบางอย่างลงในสมุดโน็ตของเธอโดยไม่มองเหมือนเคย จากนั้นเธอก็ทรุดตัวมาทางผม
“รุ่นพี่ทสึกิโนกิ…ถ้าาาอยากทำค่ายแล้วล่ะก็ทำหนังสือคำร้องมาด้วยยย”
“เข้าใจแล้วน่า ประธานจะส่งให้ก่อนเลิกเรียน”
“สภานักเรียน…จะคอย…จับตาดูทุกคนนน”
ผมไม่ว่าอะไรน่ะถ้าจะมีใครมาจับตาดูผม แต่ถ้ามาแบบนี้มันก็ไม่ไหวดูทางโคมาริสิ ตอนนี้หลบไปอยู่ในชั้นหนังสือแล้ว
“ชิกิยะ ทางสภานักเรียนไม่ชอบพวกเราเหรอ?”
“ไม่…ทุกชมรมก็ถูกพวกเราจับตาดูเสมอ…เสมอ…. งบชมรม ….ตัดงบ…. ยุบชมรม…..ถอนรากถอนโคน”
สิ่งทีพูดมามันค่อนข้างกระตุกขวัญน่ะครับ
ไม่นานนัก ชิกิยะซังก็ออกจากห้องไปเงียบๆ
นี่มันบ้าอะไรกัน? ผมไม่รู้เลยว่าจะคุยกับเธอด้วยยังไงดี
“รุ่นพี่ รู้จักกับชิกิยะซังมาก่อนเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว มันเคยเกิดเรื่องมาก่อนปกติแล้วเธอจะทำตัวดีกว่านีั้ แต่ปกติเธอก็ไม่ค่อยขยับตัวอยู่แล้ว”
“ชีวิตม.ปลายของจะไปรอดหรอครับ?”
“เห็นแบบนั้นน่ะแต่อย่าดูเธอผิดไป เกรดของเธอสูงเอามากๆจำได้ว่าเธอติดท็อป10 ในการสอบที่ผ่านมา”
จริงดิ? เกรดของเธอดีแม้จะเป็นสาวเกลงั้นเหรอ คาเร็กเตอร์ของเธอนั้นจัดว่าแจ่มมากๆ แต่จะดีกว่านี้ถ้ากลบด้านน่ากลัวนั้นออกไปได้
“ผมคิดว่าเกรดรุ่นพี่น่าจะดีเหมือนกันใช่ไหมครับ”
โคมาริเตะเกาอี้ทันทีที่ผมพูดออกไป
“น นุคุมิสึ! อย่าคุยเรื่องเกรดของรุ่นพี่ในชมรมนี้!”
“เอะ รุ่นพี่ทสึกิโนกิทำเกรดได้ไม่ค่อยดีเหรอ?”
ถึงจะใส่แว่นเนี่ยน่ะ ผมเก็บประโยคนั้นไว้ในใจ
“เรียกมันว่าเกรดแห่งความหวัง พอพูดถึงแล้วการสอบที่ผ่านมาน่ะเกรดของเธอล่ะได้เท่าไรกันเชียว”
“อันดับ37ของชั้นปีน่ะครับ”
ทั้ง2คนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ผมดูเหมือนคนไม่เอาไหนขนาดนั้นเลย?
“จะว่าไงดีล่ะ…มันไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ใช่ คนธรรมดาก็ควรทำตัวให้ธรรมดาสิ สำเนียกตัวบ้าง”
อะไรกันทำไมรีบตัดสินกันเร็วขนาดนั้น
“ยกตัวอย่างน่ะ พวกเราต้องความเป็นไปได้แบบเราต้องแข่งกับเด็กใส่แว่นทำตัวเย็นชาที่ได้อันดับ1ของชั้นเลยต้องไปขอให้ประธานนักเรียนซาดิสมาช่วยติงให้เพื่อไม่ให้ซ้ำชั้น ฉันไม่เห็นอะไรแบบนั้นจากตัวนุคุมิสึคุงเลย”
ผมไม่อยากได้เหตุการ์แบบนั้นสักหน่อย
“แทนที่จะพูดอะไรแบบนั้นน่าจะพูดประมาณได้อันดับ222 เหมือนกับรุ่นพี่แบบนั้นมันน่าสนใจกว่าอีก”
“ไม่เป็นไร เพราะฉันมีสักยภาพด้านนี้ดีน่ะ”
จากที่ผ่านๆมาที่รุ่นพี่ไม่คิดจะอายบ้างเลยหรอครับ?
ทั้งชั้นปีมี6ห้อง แต่ล่ะห้องมีประมาณ38คน เพราะงั้นชั้นปีหนึ่งจะมี 228คน
“จะไหวหรอครับ ปีนี้ต้องเตรียมสอบแล้วน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า ฉันจะเลือกมหาลัยจริงๆจังๆแน่”
“ไม่สิครับ มหาลัยสิต้องเป็นคนเลือกรุ่นพี่”
ผมถูกแว่นตาและหน้าสวยๆหลอก คนๆนี้เกินเยียวยาแล้ว
“รุ่นพี่คะ แล้ววันเสาร์ล่ะคะ?”
หลังจากโคมาริพูดไปแบบนั้น ดูเหมือนรุ่นพี่จะจำอะไรบางอย่างได้เริ่มค้นหาพวกมันในโทรศัพท์
“ไหนดูสิ นั่งรถไฟอะทะสึมิมุ่งไปทางใต้ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนรถฉันเดาว่าหลังจากนั้นมันต้องมีรถมาแน่ๆ”
แน่ใจแล้วเหรอครับว่าจะไม่เป็นอะไร?
“งั้นนับเจอกันวันเสาร์ เวลา7-8โมงเช้าน่ะ เจอกันที่ประตูตรงสถานีไอจิไดกาคุ มาเอะ”
รุ่นพี่ทสึกิโนกิยิ้มอย่างสดใส
….ผมมั่นใจเลยแบบนี้ไม่รอดแน่