Tomeina Yoru Ni Kakeru-kun to, Menimienai Koi O Shita - ตอนที่ 1.2
แจ้งจากผู้แปลต่อจากนี้จะใช้คำว่าหญิงสาวแทนคำว่าผู้หญิงน้าาทุกคนเพราะว่ามันดูไพเราะกว่า
“นักศึกษาใหม่ ยูโกะ ฮายาเสะ!”
ดูเหมือนว่าคนที่เขากำลังเรียกนั้นกำลังกินอยู่ และการแสดงสีหน้าของเธอนั้นดูเหมือนกับว่ากำลังพูดว่า
ในขณะเดียวกันก็ทุกคนก็สนับสนุนให้ยูโกะยืนขื้น จนในที่สุดยูโกะก็ยอมลุกขึ้นโดยมือข้างหนึ่งยังคงแตะปากอยู่และมืออีกข้างเธอก็ใช้มันลูบผมของเธออย่างเชื่องช้า
ทุกคนในนั้นต่างสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับมองไปที่ยูดกะ
ชายคนนั้นที่เรียกยูโกะเมื่อเห็นยูโกะยืนขึ้นก็เสยผมแล้วจ้องไปที่ยูโกะด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ทางด้านยูโกะก็มองอย่างเขินอายและหลบสายตาหนี
อย่างไรก็ตาม การที่เขามองเธออย่างร้อนแรง…ดูเหมือนอยูโกะจะไม่เข้าใจ
ชายหนุ่มหสููดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า
“จริงๆแล้วฉันไม่เคยตกหลุมรักไครมาก่อน แต่ขอพูดตรงๆเลย นะ ชั้นตกหลุ่มรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเธอเลยละ เพราะงั้นช่วยคบกับฉันได้ไหม?”
น้ำเสียงสุดมั่นใจของหมอนั่นนั่นมันอะไรกัน? ถ้าเป็นผมที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมคงจะหนีออกไปอย่างแน่นอนเพราะมันรู้สึกน่าอาย
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็พากันปรบมือกันดังสนั่นพร้อมกับพูดว่า
“Yes, I can! Yes, I can!”
ทุกคนรอบข้างผมเริ่มร้องเพลงนั้น แต่ทำไมทุกคนถึงถามคำตอบเป็นภาษาอังกฦษกันละ?
“ยังไงก็ตาม เรามาเดทกันเถอะ!”
เสียงตะโกนที่ไร้สามัญสำนักก็ดังมาจากไครบางคน
“ฉันด้วยๆ ฉันก็อยากเดทกับเธอเหมือนกัน!”
เสียงตะโกนที่ดูเหมือนจะร้องไห้ก็ดังมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
ราวกับว่ายูโกะไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น เธอก้มหัวลงอย่างมีมารยาทและเธอก็พูดว่า
“ขอโทษด้วยนะ” คำพูดของเธอค่อนข้างหนักแน่นและชัดเจน และเธอยังพูดเสริมอีกว่า
“นายไม่ใช่สเปกที่ฉันชอบ”
ยูโกะตอบคำถามของชายคนนั้นด้วยความไร้ความเมตตา
ชายที่ถูกปฎิเสธจากการสารภาพรักนั้นดูไม่เชื่อพร้อมกับพูดว่า
“ใช่เหรอ?”
ยูโกะค่อยๆอ้าปากอย่างช้าๆแล้วพูดว่า
“ใช่ ฉัน จริงจัง”
เป็นอีกครั้งที่ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และเสียงปรบมือ
ทุกคนต่างพากันหัวเราะและเชียร์
รวมถึงนารูมิที่อยู่ข้างๆผมก็เอากับเขาด้วยเหมือนกัน
“ว่าแต่ โซราโนะ นายไม่ตอบสนองกับเรื่องอะไรแบบนี้บ้างเลยเหรอ? ”
นารูมิพูดพร้อมกับตบหลังผมอย่างรัวๆ
“ฉันไม่เคยสนใจพวกคนที่ดูมีความมั่นหน้าเลยสักครั้ง”
“ทำไมละมันดูออกจะตลกดีนะ นายรู้ไหม”
“บางทีฉันอาจจะไม่ชอบการกระทำอะไรแบบนั้น หรือจะว่ายังไงดี ความพยายามทั้งหมดที่หมอนั่นทำ นั้นมัน…”
“บางที่หมอนั่นอาจจะแค่อยากสร้างความประทับใจในช่วงการเดบิวต์เป็นนักศึกษามหาลัยละมั้ง ยังไงซะชีวิตช่วงมหาลัยก็เป็นแบบนั้นใช้ไหมละ?”
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบความวุ่นวายที่รำคาญแบบนี้นิ และ อีกอย่างฉันชอบการที่จะไม่สร้างความวุ่นวายให้กับคนอื่นมากกว่าด้วยซ้ำ”
ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆจากก้นบึ้งหัวใจ
ทิ้งความประทับใจที่มีต่อคนอื่น สลักความทรงจำไว้ในใจที่ต้องการเสน่ห์บางอย่างจากไครบางคน
มันต้องใช้พลังงานอย่างมากเลย
มันง่ายสำหรับผมที่จะใช้ชีวิตอยู่เฉยๆ ให้คำตอบที่ดูจะไม่สร้างความรำคาญให้กับไคร รู้จักรการอ่านบรรยากาศ และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์
ยังไงซะผมก็ยังคงไม่ชอบที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอยากจริงจังซักครั้ง
“ถ้าวันนี้นายไม่ลากฉันมาที่นี่ สุดท้ายฉันก็ไม่มาอยู่ดี”
ผมพูดไปอย่างไม่คิดก่อนที่จะเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช้คำที่ผมมักจะพูด
ผมเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ?
ผมผิดหวังมากเหรอเลยพูดแบบนี้?
คำพูดของผมมันผิดไหม?
ยังไงซะความสงสัยของผมมันก็ดูจะไร้ประโยชน์ละนะ นารูมิที่อยู่ข้างๆผมนั้น เป็นพวกมองโลกในแง่ดีเสมอและเขาก็พูดออกมาว่า
“บางที่พวกเราควรไปตรงนั้นกันหน่อยไหม?”
“จริงดิ นี่นายกำลังล้อเล่นฉันอยู่ใช่ไหม?”
เขามองไปที่โต๊ะของหญิงสาวที่พึ่งปฏิเสธคำสารภาพไปก่อนหน้านี้
ไม่มีทางหรอก ผมถอนหายใจ
โต๊ะส่วนใหญ่ถูกครองโดยผู้ชายที่พยายามเข้าหาพวกหญิงสาวที่อยู่กันในกลุ่มเล็กๆ
ถึงอย่างนั้น มันก็น่าแปลกใจอยู่ดีที่ไม่มีผู้ชายคนไหนแสดงถ้าทีสนใจหญิงสาวที่โต๊ะนั้นเลย
แม้จะมองเห็นยากจากระยะไกล แต่ผมมั่นใจเลยว่าพวกเธอดูมีเสน่ห์มากกว่าคนอื่นๆ
หญิงสาวที่ถูกเรียกก่อนหน้านี้อย่างฮายาเสะน่าจะสมควรได้รับคำสารภาพรักอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เเละนอกจากนั้นหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เธอ
ซึ่งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนางแบบได้ เธอช่างสวยงามจริงๆ
เป็นหญิงสาวที่สวยงาม อยู่ตรงนั้นแต่ผู้ชายพวกนั้นกลับไม่มีท่าทีสนใจพวกเธอเลย
ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขี้น
อยากกับว่าโต๊ะนั้นอยู่คนละโลกยังไงก็ไม่รู้เลย
เป็นเรื่องจริงที่ความงดงามของพวกเธอนั้น มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใกล้พวกเธอ
หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะพวกเธอนั้นอาจเมินเวลาที่มีคนชวนคุยหรือเพราะพวกเธอมีนิสัยที่เข้าใจยากกันนะ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร
ผมไม่ควรเข้าไกล้พวกเธอหรือนั่นคือสิ่งที่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบอกผมกัน
ยังไงซะนารูมิที่อยู่ข้างๆผมอาจจะมีความเห็นที่ไม่เหมือนกับผม
เอาหน่า มาลองดูกันเถอะ!
นารูมิลากผมไปถึงแม้ผมจะพยายามขัดขืนแต่มันก็ไร้ผล
“ไง ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีว่าไหม”
นารูมินั้งตรงข้ามกับพวกเธอ ตามมาด้วยผมซึ่งถูกบังคับให้นั่งข้างเขา
หญิงสาวที่ชื่อฮายาเสะแสดงสีหน้าค้อนข้างไม่ไว้ใจ ในทางกลับกันหญิงสาวดูเหมือนนางแบบก็กล่าวทักทายเราด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ฉันนารุมิ อุชิโอะ และเขา…”
“อะ ผมโซราโนะ คาเครุ”
เราโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อทักทายกัน
ฮายาเสะถอนหายใจราวกับจะบอกว่านี่จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฉัน ฮายาเสะ ยูโกะ และเธอคือ…”
“ฉัน… ฟุยุสึกิ โคฮารุคะ”
เมื่อ ฟุยุสึกิพูดชื่อของเธอ เธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะว่าเธอดูมีเสน่ห์มากซะจนทำผมตรึง
เมื่อ ฟุยุสึกิเงีบยไป เธอดูสวย แต่เมื่อเธอยิ้มเธอกลับดูอ่อนหวานอย่างน่าเหลือเชื้อ
ดาวตาของเธอใหญ่และดูพิเศษ ผมของเธอยาวเป็นประกายในแสงสีสวยงาม
ด้วยคำพูดที่แสนนุ่มนวลของเธอ ทำให้เธอดูเหมือนไอดอล และยังเปลี่ยนคนประทับใจในนางแบบที่ผมเคยมีให้กลายเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป
เหมื่อนสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ หรือไม่ก็เป็นคนที่อยู่ในโลกที่แตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง เธอสวยราวกับนางฟ้า
มันทำให้หัวใจผมเต้นเร็วจนผิดปกติ นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่สำหรับผม
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่แปลกๆเกี่ยวกับฟุยุสึกิ เธอเพียงแต่มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันศีรษะของเธอเลย
ผมมองเธอด้วยความสงสัย แต่คำตอบที่ผมได้คือกำแพงที่เธอมองนั้น ผมสงสัยว่ามีอะไรอยู่ แต่ผมก็ไม่เห็นอะไรเลยเพราะ
ความงดงามของเธอ ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ตรงนั้น แม้ว่ามันอาจจะเป็นภาพลวงตาก็ตาม
อาจจะเป็นอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกก็ได้ละมั้ง
แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเราอยู่ในร้านอาหาร และนั่นก็เป็นไปไม่ได้
ในขณะที่ผมกำลังเปลี่ยนความจากกำแพงลึกลับ กลับมาที่ฟุยุซึกิ ตอนนั้นเธอก็พยายามที่จะหยับแก้วน้ำส้มด้วยมือขวาของเธอ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ากำลังหยิบมันด้วยความลำบากและดูดิ้นรน
เธอดูเหมือนกำลังเดินฝ่าหมอกที่หนาจนแทบจะมองไม่เห็นทางอะไรแบบนั้นเลย
ผมไม่เข้าใจว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
จู่ๆ ฮายาเสะก็สะกิดไหล่ของฟุยุสึกิเบาๆ แล้วกระซิบบอกว่า
“โคฮารุจัง ตรงนั้นสิบสองนาฬิกา”
“ขอบคุณนะ ยูโกะจัง”
จากนั้นฟุยุสึกิก็เอื้อมมือไปแตะแก้ว แล้วหยิบมันขึ้นมาอย่างช้าๆ
ผมงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนนารูมิ เขาก็ถามฟุยุสึกิอย่างใจเย็นว่า
“เกิดอะไรขึ้นฟุยุสึกิซัง คุณสายตาไม่ดีหรอ?”
ผมรู้สึกไม่สบายใจกับคำถามที่ละเอียดอ่อนของนารูมิที่เขาถามกับคนที่พึ่งรู้จักกัน
แต่ว่าฟุยุสึกิดูไม่กังวลเลย เธอค่อยๆวางแก้วน้ำลงแล้วเธอก็อย่างอ่อนโยน
“ใช่คะคำตอบนั่นก็ถูกแต่ถ้าเป็นคำตอบที่แน่นอนก็คือฉันมองไม่เห็นคะ”
₊˚✧‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿︵‿‿︵‿︵‿︵‿︵‿₊୨
อาจจะคำที่แปลแปลกๆบ้างนะครับสามารถติชมหรือแนะนำให้เปลี่ยนบางคำเป็นคำที่เข้าใจง่ายมากขึี้นได้นะครับ
ตอนนี้ผมพยายามตรวจคำผิดหรือคำที่ดูแปลกๆเป็นอย่างมากแต่อาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้นแต่ผมก็จะพยายามอย่างเต็มที่แล้วนะครับ
และถ้าเป็นไปได้ช่วยแจ้งผู้แปลหน่อยนะว่ามีคำตรงไหนผิดหรือดูแปลกๆที่คอมเมนต์ได้เลยนะ
เพราะบางผมอาจมึนๆไม่ได้เช็ค
ช่วยเป็นกำลังใจด้วยการติดตามผู้แปลได้ที่เพจ FB : แปลแต่เรื่องหว๊านหวาน甘い甘い