Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 292 เพลงแสงจันทร์สลักไว้ในใจทุกคน
- Home
- Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา
- ตอนที่ 292 เพลงแสงจันทร์สลักไว้ในใจทุกคน
เมื่อเห็นผู้คนมากมาย กลินตันก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอันมาก ไม่ยุติธรรมเลยที่พวกขุนนางและบาทหลวงคนสำคัญๆ ได้รับเชิญมาคอนเสิร์ตโดยตรงและไม่แม้แต่ต้องซื้อตั๋ว
กลินตันหันไปมองรอบๆ เขาเห็นโรงละครซาล์มฮอลอันยิ่งใหญ่ นับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเป็นความเหน็บหนาวภายในสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สถานที่แห่งนี้มิได้มีขึ้นเพื่อผู้ศรัทธาในพระเจ้า แต่มีไว้สำหรับเหล่าขุนนางและบาทหลวงได้รวมตัวกัน
กลินตันบ่นพึมพำกับตัวเอง “เหล่าลูกแกะไม่มีวันเสมอภาค…”
เมื่อคนส่วนใหญ่จากไปพร้อมกับความผิดหวัง ม้าสีดำตัวหนึ่งก็ถูกควบเข้ามาแล้วค่อยๆ หยุดลงตรงหน้าพวกเขา
ว่าแล้วอัศวินบนหลังม้าก็ตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“พลเรือนทั้งหลาย เจ้าหญิงนาตาชา ดัชเชสแห่งไวโอเล็ต ทรงเชื่อว่าดนตรีไม่ควรผูกขาดจากขุนนาง แต่เป็นของขวัญของทุกคน ดังนั้น พระองค์หญิงทรงตัดสินใจพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ให้กับศาสนจักรเพื่อเปิดวงพลังเทพถ่ายทอดการแสดงต้อนรับการกลับมาของท่านลูเซียน อีวานส์ ณ จัตุรัสเทศบาล เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมเสพสุขกับดนตรีชั้นนำในเมืองแห่งดนตรีแห่งนี้!”
ผู้คนต่างๆ พลันก็เงียบเสียงลง แล้วก็เริ่มโห่ร้องด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่ง
“พระองค์หญิงทรงพระเจริญ!”
“ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง พระองค์หญิง!”
“ทรงพระเจริญ! ไวโอเล็ตจงเจริญ!”
ในกลุ่มผู้คนเหล่านั้น กลินตันก็ตื่นเต้นมากไม่แพ้ไปกว่าใคร และเขาก็ร่วมร้องด้วยความยินดีไปพร้อมกัน เขาสุดแสนจะดีใจที่ตัดสินใจถูกที่กลับมายังนครอัลโต้
…
วันแรกของเดือนมิถุนายนเป็นวันแห่งความสุข อย่างน้อยก็สำหรับผู้คนในนครอัลโต้
หลังจากถวายการต้อนรับแกรนด์ดยุก เจ้าหญิงนาตาชา และต้อนรับคริสโตเฟอร์ ประธานโอเทลโล่ และวิกเตอร์เสร็จเรียบร้อย ลูเซียนก็เข้าไปเตรียมตัวการแสดงด้านหลังเวทีพร้อมกับฟรานซ์ เกรซ แฟบบรินี และกลุ่มนักดนตรีที่เขาคุ้นเคย
ลูเซียนเลือกวงดนตรีที่เคยทำงานกับเขามาก่อน แต่นักดนตรีเอกของวงครั้งนี้ไม่ใช่ไรน์
นักดนตรี นักร้องคาสตราโต้ และเด็กๆ จากคณะประสานเสียงคนอื่นๆ ยืนอยู่ไม่ไกลจากลูเซียน
“ท่านอีวานส์ ข้านึกภาพไว้แล้วว่าผู้ฟังจะตื่นตาตื่นใจขนาดไหนกลับซิโฟนี ดีไมเนอร์ เพลงนี้ ข้ารอที่จะออกไปหน้าเวทีไม่ไหวแล้ว ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง เพลงนี้เป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ข้าเคยได้ฟัง! ข้าเกรงว่าข้าจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว…” แฟบบรินีเล่าความรู้สึกด้วยความตื่นเต้นก่อนการแสดงจะเริ่ม
คืนนี้ แฟบบรินีอยู่ในชุดหูกระต่ายสีแดง และริมฝีปากของเขาก็แดงเข้มดั่งเปลวเพลิง
ซิมโฟนีเพลงที่แฟบบรินีชื่นชมไม่ขาดปากก็คือ ‘เพลงสรรเสริญแห่งปิติ’ ของลูเซียน อีวานส์ เนื่องจากการซ้อมซ้ำแล้วซ้ำเล่ามีพัฒนาการดีขึ้นทุกครั้ง หัวใจของแฟบบรินีเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมในเพลงนี้
เมื่อได้ยินความเห็นจากแฟบบรินี เกรซก็มองลูเซียนด้วยความสงสัยใคร่รู้ “เพลงนี้น่าประทับใจขนาดนั้นเชียวหรือ? ดูเหมือน ‘เพลงสรรเสริญแห่งปิติ’ จะยิ่งใหญ่กว่า ‘เพลงชะตาชีวิต’ เสียอีก?”
“เพลงไม่เหมือนกัน ต่างคนอาจต่างความคิด แต่ข้าก็คิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยม” ลูเซียนยิ้ม ราวกับว่าเขากำลังแสดงความเห็นต่อบทเพลงของคนอื่น
ฟรานซ์ถอนหายใจยาวและพูดออกมา “อันที่จริง ข้าค่อนข้างกังวลว่าเพลงซิมโฟนี อีไมเนอร์ อาจไม่ได้รับการยอมรับจากนักดนตรีและนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ แม้ข้าจะชอบมันมาก โดยเฉพาะท่อนเริ่มของกระบวนที่สอง ข้าหมายถึง… โครงสร้างของเพลงก้าวหน้าเกินกว่าจะนึกถึง แต่เพราะเรามี ‘เพลงสรรเสริญแห่งปิติ’ เป็นเพลงสุดท้าย ทุกอย่างต้องออกมาดีแน่นอน”
“ดนตรีออกมาจากใจ และโครงสร้างเป็นเพียงเครื่องมือ” ลูเซียนอธิบาย “เมื่อเครื่องมือเริ่มเป็นภาระหนัก เราต้องกล้าที่จะกำจัดออกและหาเครื่องมือใหม่”
จริงๆ แล้ว ลูเซียนกำลังพูดถึงการเปลี่ยนผ่านจากดนตรีคลาสสิกไปสู่ดนตรีโรแมนติก
ในความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานเพลงส่วนใหญ่ในยุคหลังของสมัยโรแมนติก ‘เพลงซิมโฟนีโลกใหม่’ ของอันโตญีน ดโวชาก ซึ่งลูเซียนตั้งชื่อใหม่ว่า ‘ซิมโฟนีดินแดนใหม่’ ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับดนตรีคลาสสิกตั้งเดิม อันโตญีน ดโวชาก ได้รับอิทธิพลจากดนตรีคลาสสิกอย่างลึกซึ้ง
เมื่อได้ยินคำอธิบายของลูเซียน ฟรานซ์ก็พยักหน้ารับอย่างครุ่นคิด เขาอาจกำลังสะท้อนกลับไปที่ผลงานประพันธ์ของตัวเอง
โธมัส นักเล่นเชลโล ก็ขอแสดงความเห็นเช่นกัน “ข้ามองว่า ‘ซิมโฟนีดินแดนใหม่’ เป็นผลงานอันยอดเยี่ยม แม้อาจมีความเห็นเชิงตำหนิอยู่บ้าง แต่ข้าเชื่อว่าใครก็ตามที่เข้าใจดนตรีจริงๆ มองเห็นความงดงามจะตระหนักถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของเพลงนี้ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าซิมโฟนีดินแดนใหม่เป็นผลงานชิ้นเอกอีกเพลงหนึ่ง ทั้งเพลงสรรเสริญแห่งปิติและซิมโฟนีดินแดนใหม่ต่างก็เป็นผลงานชิ้นเอก เขาบอกได้เลย ข้าขอแสดงความคารวะอย่างสูงต่อความกล้าหาญในการสร้างแรงบันดาลใจและการปฏิวัติเพลงขอรับ ท่านอีวานส์”
โธมัสเป็นคนขวานผ่าซาก และเขาเชื่อว่าการแสดงดนตรีในวันนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม เขายังคิดไปถึงว่าเขาเองก็จะได้ประโยชน์มากมายจากการแสดงครั้งนี้ หลังจากได้เล่นดนตรีร่วมกับวิกเตอร์และอีวานส์ วงของโธมัสนับเป็นวงดนตรีที่ดีที่สุดนอกเหนือจากในพระราชวัง และเป็นวงดนตรีที่แพงที่สุดเช่นกัน
“ขอบคุณกำลังใจจากคน แต่เราก็ยังต้องรอดูหลังจบการแสดง” ลูเซียนยิ้ม “ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ”
หลังจากสืบเท้าก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าว ลูเซียนก็พูดด้วยความตื้นตันใจ “ในอีกสี่ชั่วโมงนับจากนี้ เรามาลืมทุกสิ่งทิ้งไป และมีชีวิตเพื่อดนตรี!”
“มีชีวิตเพื่อดนตรี!” นักดนตรี สมาชิกวง และนักร้องทุกคนตอบรับด้วยเสียงอันดัง
ลูเซียนจัดหูกระต่ายให้เขาที่และคว้าไม้บาตอง แต่ตอนนั้นเอง อยู่ๆ เขาก็เริ่มไออย่างหนัก
“ท่านอีวานส์?! ไหวไหมขอรับ?”
ลูเซียนหายใจกระหืดกระหอบและโบกมือ “ข้าไม่เป็นไร มีอาการอย่างนี้สักพักแล้ว ข้าไม่เป็นไร ให้วงออกไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”
“มั่นใจหรือขอรับ ท่านอีวานส์?” โธมัสไม่ได้ออกไปพร้อมกับวง แต่ถามลูเซียนอีกครั้งด้วยความกังวล
ลูเซียนหยิบน้ำยาสีชมพูออกมาขวดนึงแล้วดื่มรวดเดียวหมด แล้วสีหน้าของเขาก็หายจากอาการซีดเซียว เขาพูดกับโธมัส “ข้าได้ยาแล้ว ไม่ต้องห่วง”
เมื่อเห็นว่าลูเซียนพูดจาได้คล่องแคล่วเป็นปกติ โธมัสก็โล่งใจ แล้วเขาก็เดินออกจากด้านหลังเวทีเพื่อเตรียมตัว
หลังจากโธมัสออกไป แฟบบรินีก็ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอีวานส์… นี่… ไม่เหมือนกับยาธรรมดาวิธีรักษาอาการไอ ยาคงไม่ออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้น”
ในฐานะนักร้องนำของคณะประสานเสียงจากศาสนจักร เขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร
ตอนนี้ ลูเซียนดูสดชื่นเต็มที่ เขาพูดกับแฟบบรินีด้วยรอยยิ้ม “ตัวยาบางอย่างในนี้จะทำให้ข้าทำผลงานให้ดีที่สุดในอีกสี่ชั่วโมงต่อไปนี้ ไม่ต้องห่วง หลังการแสดงจบ ข้าจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
ลูเซียนถือไม้บาตองไว้ในมือ แล้วเดินออกไปจากหลังเวทีด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังได้เห็นร่างอันเหยียดตรงและน่าหลงใหลของเขา
แฟบบรินีไม่ได้พูดอะไรอีกสักพักใหญ่ รอยยิ้มแห่งความมุ่งมั่นของอีวานส์ยังตราตรึงอยู่ในสายตาของเขา
….
ณ จัตุรัสเทศบาล เมื่อบรรดาผู้ชมเห็นลูเซียนเดินออกมากลางเวทีในโรงละครซาล์มฮอล ทุกคนต่างพากันปรบมือต้อนรับ เสียงปรบมือดังขึ้นๆ กึกก้อง ไม่ว่าลูเซียน อีวานส์ จะได้ยินเสียงปรบมือหรือไม่ แต่เป็นผู้ชมผู้ฟังต่างก็แสดงออกถึงความปิติและความตื่นตาตื่นใจ พวกเขากำลังต้อนรับนักดนตรีหนุ่มพรสวรรค์สูง และแสดงความซาบซึ้งในความใจกว้างของเจ้าหญิงนาตาชา
ในประวัติศาสตร์ของนครอัลโต้ ไม่เคยมีการแสดงดนตรีครั้งไหนที่สามารถเรียกเสียงปรบมืออันอบอุ่นได้ตั้งแต่ก่อนการแสดงจะเริ่ม!
กลินตันกำลังยืนอยู่ที่มุมหนึ่งในจัตุรัส มองไปที่หน้าจอโปร่งแสง เขารู้สึกเป็นสุขและมีความสุขมาก ในที่สุด เขาก็จะได้ฟังและร่วมเสพสุขในการแสดงดนตรีสดของอีวานส์ด้วยหูและตาของตัวเอง
รายชื่อเพลงที่จะบรรเลงปรากฏออกมา การแสดงดนตรีครั้งนี้จะเริ่มด้วยบทเพลงอันโด่งดัง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ตามด้วยเพลงเดี่ยวเปียโน ‘เพลงแสงจันทร์’ และ ‘โซนาตาแห่งเวทนา’ หลังจากนั้น ลูเซียน อีวานส์ จะแสดงทักษะการเล่นดนตรีด้วยการบรรเลงเพลงสดที่ไม่มีการเตรียมมาก่อน แล้วก็จะถึงซิมโฟนีที่มีชื่อว่า ‘ดินแดนใหม่’ และตามด้วย ‘เพลงสรรเสริญแห่งปิติ’ ซึ่งเป็นซิมโฟนี คีย์ดีไมเนอร์ ทำหน้าที่ปิดท้ายการแสดงดนตรี
เมื่อโน้ตดนตรีเพียงไม่กี่ตัวแรกถูกบรรเลงออกมา ท่วงทำนองอันคุ้นหูก็ปลุกให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน และเฝ้ารอความหฤหรรษ์จากดนตรี
หลังจากจบเพลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ คริสโตเฟอร์ยิ้มและพูดกับวิกเตอร์ “ผ่านมาสามปี ฝีมือการอำนวยเพลงของอีวานส์พัฒนาขึ้นมา เขาเคยแสดงออกอย่างบ้าคลั่งตอนอำนวยเพลง แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าควรแสดงอารมณ์ตอนไหนและควรหยุดอารมณ์ไว้ตอนไหน แต่พลังของเขาก็ยังอยู่ในเพลง ส่งเสริมและนำทาง ‘ชะตาชีวิต’ ได้ดียิ่งขึ้น”
แนวทางการอำนวยเพลงของลูเซียนไม่ได้ขาดไร้ซึ่งประสบการณ์อีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิตอันเต็มเปี่ยม แนวทางการอนุรักษ์เพลงของเขาเหมาะสมบทเพลงซิมโฟนีชั้นยอดเพลงนี้อย่างลงตัว
“เขาเป็นคนที่ทำงานหนักตลอดเวลาขอรับ” วิกเตอร์ก็ชื่นชมลูกศิษย์ของตัวเอง “แม้ว่าเพลงชะตาชีวิตจะถูกเล่นมาแล้วหลายครั้ง แต่มีเฉพาะตอนที่ลูเซียนอำนวยเพลงเท่านั้นที่เพลงจะส่งพลังออกมามากที่สุด”
หลังจากหยุดพักไปสิบนาที คณะดนตรีก็ลงจากเวทีไป ทั้งเวทีเหลือแค่เพียงเปียโนสีดำกับลูเซียน ซึ่งก็อยู่ในชุดสีดำเช่นกัน
วงพลังเทพจับภาพที่ตัวลูเซียน ซึ่งมีลำแสงสลัวๆ ปกคลุมทั่วร่างเขา
ขณะนั่งอยู่ตรงหน้าเปียโน ลูเซียนหลับตาลง เขารู้ว่าการแสดงดนตรีครั้งนี้จะเป็นการบอกลาผู้คนที่ชื่นชอบเขา และเพื่อให้แน่ใจว่าญาติสนิทมิตรสหายของเขาจะปลอดภัย ไม่ช้าก็เร็ว เมื่อรู้ว่าชื่อของเขาปรากฏอยู่ใน ‘บัญชีกวาดล้าง’ เขาต้องยอมให้ตัวตนนักดนตรีหนุ่มคนนี้ตายไป และกล่าวบอกลา
เขาไม่รู้ว่าลุงโจเอล ป้าอะลิซ่า จอห์น และไอเว็นจะตัดสินใจอย่างไร และเขาก็ไม่มั่นใจว่าในวันหนึ่งข้างหน้าเขายังจะสามารถพบหน้ากับวิกเตอร์ เอเลน่า และสหายทั้งหมดได้อีกครั้งหรือไม่ เขาไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งเขายังจะสามารถกลับมาที่นครอัลโต้โดยไม่ต้องปิดบังตัวตนได้หรือไม่…
บางที… บางทีหลังจากสำเร็จเป็นนักเวทชั้นอาวุโส ลูเซียนอาจสามารถเฝ้ามองดูพวกเขาจากที่ไกลๆ …
ความเศร้าสลดเข้ากัดกินหัวใจของลูเซียน และมือของเขากดลงบนแป้นเปียโน ท่วงทำนองอันสงบสุขและอ่อนโยนพริ้วไหวราวกับสายน้ำในโรงละครซาล์มฮอล ท่วงทำนองนี้พาทุกคนไปยังทะเลสาบที่สว่างไสวภายใต้แสงจันทร์ ไม่ต่างจากความฝัน
ผู้ชมและผู้ฟังต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความสงบสุขและความเงียบงัน ทุกคนกำลังเคลิบเคลิ้มกับทุกวินาทีของความไพเราะ ความงดงาม และความเศร้าสุดขั้วหัวใจในคราเดียวกัน
ภายใต้ความไพเราะของทำนองเพลง ทุกคนต่างก็รู้สึกเศร้าใจบางอย่าง
เฟลิเซียสังเกตว่าเอเลน่าซึ่งนั่งอยู่ติดกับนาง ปาดน้ำตาออกจากดวงตาและพูดพึมพำ “ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่… ข้ารู้สึกอยากร้องไห้…”
…………………