Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา - ตอนที่ 289 คว้าโอกาส
รอยยิ้มสยองขวัญบนหน้าของคลาวน์คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้เปลี่ยน แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากภายใต้หน้ากากตัวตลกมันค่อนข้างสูงต่ำ “ไม่เชิง ดูเหมือนลูเซียน อีวานส์ เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผยถึงเหตุผลที่เขาใช้ให้เกรซส่งข้อความถึงเกรนนิวฟ์ บางทีเขาอาจไม่ใช่คนที่เราตามหา”
“ท่านคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ? เขาเป็นเพียงคนเดียวในตอนนี้ที่เราสามารถสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับศาสตราจารย์” จูเลียนา นักบวชประจัญบาน ก้มหน้าตอบด้วยความท้อแท้และจับปอยผมยาวอยู่ในมืออย่างครุ่นคิด
ศาสตราจารย์เป็นเพียงชื่อรหัส และไม่ได้ถูกใช้มากเหมือนเดิมอีกต่อไป หากพวกเขาไม่สามารถหาเบาะแสจากตรงนี้ พวกเขาก็ต้องพึ่งพาสายลับใน ‘สภาเวทมนตร์’ ให้ลักลอบนำเอกสารออกมาให้ ซึ่งบรรดาพระคาร์ดินัลหลวงจะไม่ยอมให้พวกเขาทำอย่างนั้นเด็ดขาด เนื่องจากเป็นการสูญเสียทรัพยากรโดยใช่เหตุ
มินสค์ ‘มังกรแดง’ คำรามราวกับเป็นมังกรจริงๆ “เป็นไปไม่ได้! ลูเซียน อีวานส์ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวศาสตราจารย์แน่นอน! อย่างน้อยเขาต้องดูว่าใครคือศาสตราจารย์! ศาสตราจารย์ปรากฏตัวครั้งแรกเพราะมีพวกนักเวทฝึกหัดถามข้อมูลจากเขา แล้วศาสตราจารย์ก็รับพวกเราไปสู้กับอาร์เจนต์ ฮอร์น เขาสังหารผู้ทรยศ แล้วก็มีคนช่วยลุงกับป้าของลูเซียน อีวานส์ ระหว่างที่ลูเซียนไม่อยู่ ศาสตราจารย์ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย…”
เมื่อได้ยินความเห็นของมินสค์ ทั้งจูเลียนาและเล็นด์ต่างก็ส่ายหน้าเบาๆ มินสค์พยายามจะหาเหตุผลสนับสนุนความเห็นของตัวเอง แต่สิ่งที่เขาพูดไม่ได้ถูกต้องไปทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หลังจากสังหารผู้ทรยศ ศาสตราจารย์ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย และลูเซียนก็เดินทางออกจากนครอัลโต้ในอีกเกือบครึ่งปีให้หลัง
“แม้เหตุผลของมินสค์ยังฟังไม่ค่อยขึ้น แต่เราก็ไม่ควรลืมข้อความจากสังฆมณฑลจิบูตี เฟลิเปและศาสตราจารย์ ชายทั้งสองคนใน ‘บัญชีกวาดล้าง’ เคยปรากฏตัวพร้อมกันที่บนดินแดนซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกครองโดยวิลเฟรด” คลาวน์กล่าว
ก่อนหน้านี้ ศาสนจักรไม่เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับ ‘เทศกาลแห่งความตาย’ อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าเฟลิเปสามารถเดินทางผ่าน ‘ช่องแคบสตอร์ม’ พร้อมกับคณะนักเวททำให้ศาสนจักรเสียหน้าเป็นอันมาก และศาสนจักรยังสังเกตพบว่านักเวทกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็นนักเวทศาสตร์มืดที่เดินตามรอยระบบเวทมนตร์โบราณ ดังนั้น ศาสนจักรจึงเริ่มทำการสืบหาข้อมูลในพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองโดยวิลเฟรด เนื่องจากเป็นสถานที่แห่งเดียวที่มีการรวมตัวของนักเวทศาสตร์มืดมากมาย
แม้ว่าเฟลิเปจะเตรียมตัวมาอย่างดีก่อนออกเดินทาง แต่เมื่อเผชิญกับการตรวจค้นอย่างเอาเป็นเอาตายของศาสนจักร ในที่สุด ผู้พิทักษ์ราตรีก็สามารถจับนักเวทฝึกหัดมาได้คนหนึ่ง ฉะนั้น แม้ว่าคณะไต่สวนไม่อาจเข้าถึงรายชื่อสำหรับ ‘เทศกาลแห่งความตาย’ แต่ก็ได้ข้อมูลเบื้องต้นมาจากนักเวทฝึกหัดคนนั้นที่บอกว่าจะมีบุคคลสำคัญสองคนเข้าร่วมในเทศกาล คนหนึ่งคือ ‘หัตถ์แห่งการฟื้นฟู’ หรือเฟลิเป และอีกคนก็คือ ‘ศาสตราจารย์’
เมื่อมีบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ใน ‘บัญชีกวาดล้าง’ เข้ามาพัวพัน สังฆมณฑจิบูตีก็ส่งข้อมูลไปยัง ‘นครศักดิ์สิทธิ์ แลนซ์’ แล้วพระคาร์ดินัลผู้รับผิดชอบก็ส่งข้อความต่อไปยังสังฆมณฑลและคณะไต่สวนทั้งหมด
“คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เราเฝ้ามองลูเซียน อีวานส์ มาเป็นเวลานาน! เขาก็อยู่ที่จิบูตีในเวลาเดียวกัน และอยู่ในเขตของวิลเฟรดพอดีเหมือนกัน! นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ศาสตราจารย์เข้าร่วมเทศกาลแห่งความตาย!” คลาวน์พูดเสียงสูงด้วยความโกรธเกรี้ยว “แต่เมื่อเรารายงานไปยังคณะไต่สวนไวโอเล็ต พวกนั้นกลับไม่สนใจ! แต่บอกเพียงว่าไม่มีหลักฐานมากพอ พวกนั้นไม่แม้แต่จะทำการสืบสวน! พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไม!”
“ข้าคิด เหมือนที่มือสอบสวนบอก โอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเจ้าหญิงส่งศาสตราจารย์ไปคุ้มครองลูเซียน อีวานส์ ระหว่างทาง” เล็นด์ ‘อัศวินนักล่าปีศาจ’ ผู้ไม่ได้มีอารมณ์อ่อนไหวเหมือนคลาวน์ กล่าว
คณะไต่สวนของสังฆมณฑลประกอบด้วยตำแหน่งสำคัญสามตำแหน่ง กล่าวคือ ผู้ปฏิบัติการไต่สวน ผู้ตรวจสอบการไต่สวน และผู้ตัดสินการไต่สวน อย่างไรก็ตาม เพื่อการควบคุมการไต่สวนทั้งกระบวนการ สังฆมณฑลที่ทรงอิทธิพลจะส่งพระคาร์ดินัลไปดูแลการไต่สวนแต่ละคดี ซึ่งต้องเป็นคนที่มีพลังระดับสูง
มินสค์คำราม “ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ? ถ้าลูเซียน อีวานส์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับศาสตราจารย์ ข้าเต็มใจถูกส่งลงนรก! เล็นด์ ข้าขอบอกเจ้า… คนพวกนั้นในคณะไต่สวนไม่อยากมีปัญหากับเจ้าหญิง… นี่แหละประเด็น เจ้าหญิงนาตาชาเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าอย่างแรงกล้า และเป็นว่าที่ดัชเชสแห่งไวโอเล็ต เป็นปัจจัยสำคัญในการถ่วงดุลอำนาจระหว่างขุนนางกับศาสนจักร! คณะไต่สวนแค่ไม่อยากไปสืบสวนตัวชู้รักของนาง เพียงเพราะมีนักเวทระดับกลางสังหารพวกผู้พิทักษ์ราตรีที่ไร้ประโยชน์ไปไม่กี่คน”
“เจ้าลองบอกข้าซิ เล็นด์… เจ้าลืมความตายของซัลวาดอร์แล้วอย่างนั้นหรือ? เขาตายระหว่างช่วยชีวิตนาตาชา แม้แต่ร่างก็เหลือเพียงเถ้าถ่าน!” คลาวน์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ “ตอนนั้น มีเพียงอัศวินหลวงไม่กี่คนที่รีบไปช่วยนาตาชา ซัลวาดอร์บินได้ด้วยอุปกรณ์พลังเทพที่ทรงพลัง แต่เขากลับถูกสังหารอย่างนั้น ก่อนที่ใครจะไปช่วยได้ทัน ลองเดาซิว่าเขาเจอใครตอนนั้น และใครฆ่าเขา?”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเล็นด์บิดเกร็งเล็กน้อย แล้วเขาก็ก้มหน้าลง “ข้าไม่รู้”
เมื่อได้ยินคำพูดของคลาวน์ จูเลียนาเป็นคนที่เสียใจที่สุดในบรรดาผู้พิทักษ์ราตรีทั้งหมดตรงนี้ นางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ช่างหัวคณะไต่สวน หัวหน้าของเรา บาทหลวงระดับห้า ต้องมาตาย และไม่มีใครพยายามสืบหาสาเหตุจริงๆ เจ้าหญิงเพียงถูกจองจำอยู่แค่สามปี ชีวิตที่อุทิศแด่การพิทักษ์พระเจ้าสมควรได้รับสิ่งนี้หรือ? ข้าเลือกเข้ามาเป็นผู้พิทักษ์ราตรีก็เพราะประโยคหนึ่งในพระคัมภีร์ ‘ณ ฐานบัลลังก์ของพระเจ้า เหล่าลูกแกะผู้ศรัทธาต่างเสมอภาคกัน’ แต่ตอนนี้… ข้ารู้สึกว่าพวกลูกแกะไม่เคยเสมอภาค… แม้เราจะเชื่อว่านี่ไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ขณะทำสัญลักษณ์กางเขนบนหน้าอก พวกเขาทุกคนต่างสวดอ้อนวอน “สัจจะคงอยู่นิรันดร์” วิธีที่คลาวน์และมินสค์ว่าสัญลักษณ์กางเขนใกล้เคียงกับกางเขนแบบโบราณก่อนที่จะมี ‘ปีปฏิทินนักบุญ’
“ต่อไป เราควรจะจัดการอย่างไรกับลูเซียน อีวานส์?” เล็นด์สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อยหลังจากสวดอ้อนวอนพระเจ้า
คลาวน์หันไปจ้องหน้าเล็นด์ “เราก็แค่โจมตีลูเซียน อีวานส์ มันซึ่งๆ หน้า จะได้เห็นว่ามันเป็นนักเวทหรือไม่?”
“อะไรนะ?!” เล็นด์ไม่คิดว่าคลาวน์จะบ้าถึงเพียงนี้ “เรื่องนี้คงต้องมีปัญหากับนาตาชา ตอนนี้นางเป็นอัศวินอาภา เจ้าของสมญานาม ‘ดาบแห่งการวินิจฉัย’ และ ‘คลื่นสมุทร’ คามิล ก็ติดตามนางไปทุกที่ ทั้งสองคนสามารถทำลายผู้พิทักษ์ราตรีทั้งหมดในราชรัฐได้ และคณะไต่สวนจะไม่ปกป้องเราแน่นอน”
หลังจากขึ้นเป็นอัศวินอาภา นาตาชาก็มีสมญานามของตัวเอง
คลาวน์หัวเราะราวกับตัวตลกที่ชวนหลอน “แน่นอน พวกนางทำได้ แต่พวกนางไม่อาจพิทักษ์ลูเซียนได้ตลอดเวลา ข้าก็เป็นอัศวินหลวงระดับห้า ข้ามีวิธีการของข้า ไม่ว่านาตาชาจะส่งใครมาดูแลลูเซียนในอัลโต้ ก็คงไม่เกินกว่าระดับอัศวินหลวง พวกมันจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าข้าเข้าถึงตัวลูเซียนได้อย่างไร อย่าลืมสิว่าเมื่อก่อนเขาเรียกข้ากันว่าอะไร ‘หุ่นเชิดสังหารแห่งเทือกเขาแห่งความมืด’ สิ่งที่ข้าต้องทำก็แค่ลอบเข้าไปในบ้านของมัน ควบคุมจิตและรีดเอาข้อมูลที่ข้าต้องการ ถ้าลูเซียนมีพลังเพียงระดับอัศวินฝึกหัดเหมือนที่พวกเรารู้ เรื่องนี้ก็ง่ายอย่างกับปลอกกล้วย ถ้าเขาร่ายเวทมนตร์ขึ้นมา ก็หมายความว่าเราเจอสิ่งที่เราตามหามานาน…”
เมื่อมองไปที่หน้ากากตัวตลกชวนขนลุก เล็นด์ก็ไม่มีอะไรจะพูด เขาพยักหน้าเบาๆ
…
สองสามวันต่อมา กลางดึกคืนหนึ่ง
ร่างที่แทบจะมองไม่เห็นลอบเข้าไปยังคฤหาสน์บ้านสวนของลอร์ดจอห์น พวกองครักษ์จากหน่วยข่าวกรองไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
บนโถงทางเดิน แม่บ้านกำลังเดินถือเชิงเทียนลงบันได เมื่อตอนกลางวัน นางลืมเครื่องประดับชิ้นหนึ่งไว้ที่ห้องรับแขก นางจึงรีบกลับลงมาและหาเครื่องประดับของนาง
แสงเทียนสลัวๆ และอุณหภูมิยามดึกสงัดของฤดูใบไม้ผลิทำให้แม่บ้านรู้สึกขนลุกเล็กน้อย ทันใดนั้น สายลมก็พัดผ้าม่านไหวติงเบาๆ และแม่บ้านก็รู้สึกหนาวสะท้าน นางเห็นร่างคนราวภาพหลอนวูบผ่านไป ราวกับผี!
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา เมื่อแม่บ้านมองไปรอบๆ นางกลับไม่เห็นอะไรเลย
แม่บ้านรีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ทำสัญลักษณ์กางเขนบนหน้าอก นางตัดสินใจว่าค่อยลงไปหาของที่ห้องรับแขกในวันรุ่งขึ้น
ประตูห้องนอนรับรองแขกซึ่งลูเซียนพักอยู่เปิดออกอย่างเงียบเชียบ และหน้ากากตัวตลกชวนหลอนก็ปรากฏขึ้นในความมืด
คลาวน์ในเสื้อผ้าชุดหลากสีและถุงมือสีดำสนิท ยกแขนของเขาขึ้นและเริ่มขยับนิ้วเหมือนกำลังเล่นเปียโน ราวกับว่าเขากำลังมองหาเส้นด้ายที่มองไม่เห็นชักใยอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้น บนเตียง ร่างของลูเซียนก็กระเด้งขึ้นมา! แขนและขาของเขาดูผิดรูป อย่างไรก็ตาม แสงสีเงินเปล่งประกายวูบวาบอยู่รอบมือของเขา เส้นด้ายที่มองไม่เห็นก็ถูกกระชากออก
“อัศวินหลวงระดับห้างั้นหรือ?” คลาวน์ประหลาดใจมาก ณ ช่วงเวลานั้น เขาวิตกกังวลอย่างหนัก เนื่องจากการเผชิญหน้ากับอัศวินหลวง เขาแทบไม่มีโอกาสชนะ
อย่างไรก็ตาม ไม่นาน คลาวน์ก็รู้ว่าพลังนั้นมาจากอุปกรณ์วิเศษที่ลูเซียนสวมอยู่ ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าจะศาสตราจารย์หรือนาตาชาที่มอบสิ่งนี้ให้กับลูเซียน ต้องใจกว้างเป็นมหาสมุทร
ลูเซียนคว้าโอกาส มือซ้ายของเขากระชากเส้นด้ายจากรอบลำคอและตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“มือสังหาร!”
เสียงของนักดนตรีหนุ่มดังสะท้านไปทั่ว
แม้ว่าเขาจะพยายาม แต่คลาวน์ก็ไม่อาจควบคุมนักดนตรีคนนี้ได้ กลับกัน ลูเซียนสามารถคว้าดาบสีน้ำเงินขึ้นมาป้องกันตัวเองจากเส้นได้มากมายในอากาศ
เมื่อรู้ว่าพลังเหล่านั้นมาจากอุปกรณ์เวทมนตร์หรืออุปกรณ์เทพเท่านั้น คลาวน์ก็มั่นใจว่าเขายังมีโอกาสทำงานนี้ให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม องครักษ์ลับจากหน่วยข่าวกรองก็จุดพลุไฟส่งสัญญาณ ก่อนที่จูเลียนาและมินสค์จะสามารถทำอะไร พลุไฟสว่างจ้ากลางท้องฟ้า
ขณะต้องมองหน้าลูเซียนอยู่สองวินาที คลาวน์ก็ตัดสินใจหันกลับแล้วกระโดดหนีทางหน้าต่าง เขาวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้ความมืด เนื่องจากเขารู้ว่าหากเขามัวเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เจ้าหญิงหรือคามิลจะออกตามล่าเขาแน่นอน
ลูเซียนไม่ได้ใช้เวทมนตร์ ตอนนี้เขาใช้เพียงดาบเพื่อตัดเส้นด้ายชักใย เส้นด้ายพวกนี้ไม่เพียงสามารถควบคุมร่างกายคนได้ แต่ยังสามารถทะลุเข้าไปภายในร่างกายเพื่อทำร้ายอวัยวะภายใน
“ท่านอีวานส์ เป็นอะไรไหมขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องและถามเขาด้วยความกังวล
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวอย่างเร็ว ลูเซียนเริ่มไอหนักและกระอักเลือดออกมา “ข้าไม่เป็นอะไร… บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น…”
……………………………