This Star is a bit Salty - ตอนที่40 ต้องบอกฉันเป็นคนแรก
นิยาย This Star is a bit Salty บทที่ 40 ต้องบอกฉันเป็นคนแรก
หลี่หานดีใจมาก
หลู่หานบอกหลัวเหิงกับเหลียงเฉิงว่าสัปดาห์หน้าจะส่งตัวอย่าง MIDI ไปให้
หลังจากหลัวเหิงและเหลียงเฉิงได้ยินพวกเขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
มันเป็นเพราะหลี่หานจะส่งตัวอย่าง MIDI มาให้พวกเขาเร็วกว่าที่คิด
รีบส่งมาแบบนี้ ๆ คุณภาพของเพลงจะตกหรือไม่?
แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความกังวลออกมานอกหน้า
หลังจากคุยกันเสร็จ ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ลั่วเหิงแสดงความประสงค์อยากจะเลี้ยงอาหารกลางวันหลี่หาน
หลี่หานไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสามคนเดินออกจากร้านน้ำชาและรับประทานอาหารกลางวันในร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมือง
หลังจากนั้น ถั่วเหิงและเหลียงเฉิงก็กล่าวคําอําลา
การเดินทางไปเมืองสวินเซียนในครั้งนี้สมบูรณ์แบบกว่าที่พวกเขาคาดหวังไว้
พวกเขารู้สึกสบายใจพอสมควรเมื่อจากไป
หลี่หานกลับไปที่ตลาดผักและขี่มอเตอร์ไซด์กลับบ้าน
หลังจากจอดรถมอเตอร์ไซค์แล้ว เขาก็ไปที่ห้องของตัวเองและล็อคประตู
เขาเรียกมิติออกมา และในแถบไอเทมก็มีไอเทมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น
หนังสือที่ดูแปลกตา
คงเป็นหนังสือทักษะดนตรีที่ระบบมอบให้ในครั้งนี้
มันเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน
มาทันเวลาจริงๆ
หลี่หานลองเรียกดู แต่ไม่สามารถนําของสิ่งนี้ออกมาจากมิติได้ เขาสามารถดูและใช้มันได้เฉพาะในพื้นที่เท่านั้น
หลังจากตรวจสอบอย่างสนุกสนานแล้วหลี่หานก็ยืนยันการใช้งาน
ในพริบตา หนังสือทักษะดนตรีก็หายไป
จากนั้น หลี่หานรู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่ขึ้นมาแต่เห็นได้ชัดว่าความสามารถการแต่งเพลงและความรู้ทางด้านดนตรีของเขาสูงขึ้นไประดับใหม่ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ การที่หลี่หานจะคัดลอกเพลงหนึ่งเพลงมันจะใช้เวลาและความ พยายามอย่างมากผลลัพธ์ที่ได้ก็ออก มาไม่ดีนัก
แต่ตอนนี้หลี่หานสามารถยืนยันได้ว่าเขาสามารถคัดลอกเพลงได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์แบบ
เพลงสรรเสริญของเย่ว์เฟยที่กําลังจะคัดลอกตอนแรกนั้นหลี่หานต้องการใช้เวลาหลายวันในการคัดลอกอย่างช้าๆและพยายามทํามันออกมาให้ดีที่สุด
แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็สามารถคัดลอกออกมาได้อย่าง สมบูรณ์แบบแล้ว
ช่องว่างนี้เปรียบเหมือนช่องว่างระหว่างสวรรค์กับโลก
การคัดลอกเพลงกลายเป็นสิ่งที่ผ่อนคลายของเขาไปแล้ว
หลี่หานไม่ได้เริ่มคัดลอกเพลงทันที
เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนอีกต่อไป
หลังจากเดินออกจากห้องกลุ่มเด็กหมีก็มาหาหลี่หานอีกครั้ง
ตอนนี้ หากไม่มีหล่หานเป็นผู้นําพวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างขาดไป
หลี่หานอารมณ์ดีมากเขาพากลุ่มเด็กหมีไปที่ลําธารในหมู่บ้าน
หนึ่งวันต่อมา
หลัวเหิงและเหลียงเฉิงก็กลับไปถึงเหิงเตี้ยน
ตู้เมิงฮุยเข้ามาหาพวกเขา
“เหล่าหลัว กลับมาแล้วเหรอ?”
ตู้เพิ่งฮุยรู้เรื่องที่หลัวเหิงและเหลียงเฉิงไปตามหลี่หานที่เมืองสวินเซียน
ลัวเหิงหัวเราะคิกคัก “ใช่แล้วกลับมา
แล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของหลัวเหิงตู้เพิ่งฮฺยก็ตกใจหรือว่าหลี่หานสองคนจะเป็นคนเดียวกันจริงๆ?
นอกจากนี้ หลี่หานยังตกลงที่จะช่วย?
“เหล่าหลัว คงไม่ใช่เรื่องของเพลงประกอบละครใช่ไหม?”
ถั่วเหิงหัวเราะเสียงดัง”เหล่าเรื่องนี้จะไม่ปิดบังนายอย่างที่นายพูดมันสําเร็จแล้ว”
“จริงเหรอ? หลี่หานทั้งสองเป็นคนเดียวกันจริงๆหรือ? ”
“มาขนาดนี้แล้วจะไม่ใช่คนเดียวกันได้อยู่เหรอ? ”
ตู้เพิ่งฮุยถอนหายใจ “ตอนแรกฉันยคิดว่าเขาเพียงมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่ใช่มีความสามารถแค่นั้นแล้ว ”
ถั่วเหิงก็ถอนหายใจเช่นกัน “ใช่แล้วเหล่าตู้ฉันมีความรู้สึกแปลกๆ”
“อะไร?”
“ก่อนที่ฉันจะเจอหลี่หาน ฉันคิดว่าหลังจากที่ฉันเจอเขา ไม่ว่าหลี่หานจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ฉันจะพบความรู้สึกที่เฉียบแหลมบางอย่างบนตัวเขาแน่ต่อให้ซ่อนตัวได้ดีแค่ไหน ก็น่าจะมีบางอย่างที่มองด้วยสายตาออก”
“ฉันก็คิดงั้นเหมือนกัน แล้วเมื่อนายเจอเขาล่ะ? ”
“หลังจากเจอเขา ฉันก็ไม่เห็นอะไรที่แปลกไปจากคนปกติเลยแม้หลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นหลุหานคนเดียวกันมันก็เหมือนกับตอนแรก”
“นายมองเขาไม่ออกเหรอ?”
“มองไม่ออก
มองไม่ออกงั้นเหรอ?
ตู้เพิ่งฮุยครุ่นคิด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “เหล่าหลัวไม่ใช่ว่าช่วงนี้เขาไม่คิดจะแต่งเพลงหรอกเหรอ?นายทําให้เขาตกลงแต่งเพลงให้นายได้ยังไง? ”
หลัวเหิงกล่าว “ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธอย่างอ้อมๆ แต่พอได้รู้ว่าละครเรื่องของฉันเป็นละครเรื่อง’เย่ว์เฟย”และหลังจากอ่านบทและดูตัวอย่างแล้วเขาก็เปลี่ยนใจและตอบตกลงทันทีฉันก็แปลกใจ เหมือนกัน”
“งั้นนายถามเขาไหมว่าทําไมจู่ๆถึงเปลี่ยนใจล่ะ?”
“ถามแล้ว”
“เขาว่าไงบ้าง?”
“เขาบอกว่าเขายินดีที่จะแต่งเพลงสรรเสริญชีวิตให้เย่ว์เฟย”
“เขาพูดอย่างนั้นจริงๆเหรอ?”
“พูดอย่างนั้นจริงๆ”
เพลงสรรเสริญชีวิตของเยว์เฟย?
ตู้เพิ่งฮุยใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก มองลั่วเหิงแล้วกล่าวว่า “เหล่าหลัว ครั้งนี้นายคงเจอสมบัติแล้วล่ะเพลงสรรเสริญชีวิตเพลงนี้กลัวว่าเมื่อมันถูกปล่อยออกมาเกรงว่าจะถล่มวงการดนตรีแน่เลย! ”
ถั่วเหิงทอดถอนใจ “ฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
“เขาจะส่งตัวอย่าง MIDI มาเมื่อไหร่?”
“อีกหนึ่งสัปดาห์”
“สัปดาห์หน้า?”
“ใช่ สัปดาห์หน้า”
“มันเร็วมาก เหล่าหลัว หลังจากเขาส่งตัวอย่าง MIDI มาแล้ว บอกฉันด้วยนะฉันจะมาฟังด้วย”
“ไม่มีปัญหา”
หมู่บ้านหยวนซี
ซูอว่ฉิงโทรมา
“ฉันได้ยินมาว่าหลัวเหิงมาหานาย?”
“ใช่ แต่กลับไปแล้วล่ะ”
“นายรับปากเขาแล้วเหรอ?”
“อืม”
“ไม่ใช่ว่าช่วงนี้นายไม่ได้คิดจะแต่งเพลงหรอกเหรอ?”
“เพลงนี้เป็นกรณีพิเศษน่ะ คราวนี้มันเป็นเพลงเกี่ยวกับเย่ว์เฟย”
“อืม หลังจากทําตัวอย่าง MIDI เสร็จแล้วอย่าลืมส่งสําเนาให้ฉันด้วยล่ มั่นใจได้ฉันสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมันหลุดออกไป”
“ไม่มีปัญหา ผักที่ฉันส่งให้เธอกินเป็นไงมั่ง? ”
“อร่อยมาก! ฉันกินมันหมดแล้ว ฉันสงสัยว่านายปลูกผักอร่อยเช่นนี้ได้อย่างไร? การทําอาหารของฉันสามารถพูดได้ว่าโอเคแต่ถ้าทําจากผักของคุณรสชาติมันจะดีขึ้นมาก”
“แค่ชอบก็พอแล้ว ถ้าฉันมีเมื่อไหร่ฉันจะส่งมันให้คุณ ”
“มันจะรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่าฉันเกรงใจน่ะ…”
“ไม่หรอก มันไม่ใช่ปัญหา”
“งั้นก็…ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
วันรุ่งขึ้น
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว
หลี่หานถือตะกร้าไม้ไผ่ไปที่ลานหน้าบ้านและเริ่มเก็บผัก
เขาไม่ได้เก็บมันไปขาย แต่เพื่อส่งไปให้ซูอรี่ลิ้ง
วันนี้เขาจะไปต่างจังหวัดทําแบบ MIDI แล้วส่งอาหารไปให้ซอว่ฉิง
เขาคัดลอกโน้ตเพลงเสร็จแล้วเมื่อวาน
มันใช้เวลาประมาณ 20 นาทีและตัวอย่างก็ดูสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้ การคัดลอกเพลงเป็นเรื่องที่ง่ายไปแล้ว
หลังจากเก็บผักเรียบร้อยแล้วก็นําไปใส่ในตะกร้าที่ยังคงผูกติดกับรถจักรยานยนต์
หลังจากพูดคุยกับพ่อและแม่แล้วเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตรงไปที่เมือง
ส่งผักให้เรียบร้อย
จากนั้นเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่สถานีขนส่งเก็บรถมอเตอร์ไซด์และขึ้นรถบัสไปยังในเมือง