This Star is a bit Salty - ตอนที่ 3 ไป๋หููอวี่ชููเชิง จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต
ณ ร้านกาแฟ
“นายจะเอาอะไรดีล่ะ?”
“เอา…อันนี้ก็แล้วกัน”
หลี่หานไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟนัก แถมยังไม่รู้เรื่องกาแฟมากเท่าไหร่ เมื่อได้ยินคำถามของซูอวี่ฉิง เขาก็พยายามเลือกกาแฟที่ถูกที่สุด
ซูอวี่ฉิงพยักหน้าและสั่งให้เขา
หลี่หานยื่นโน้ตเพลงให้ดู
“ไป๋หูอวี่ชูเชิง?” ซูอวี่ฉิงยิ้มให้กับชื่อเพลงที่ตรงไปตรงมาและหันไปอ่านเนื้อเพลง
*ไป๋หูอวี่ชูเชิง แปลเป็นไทยว่า จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต
(ผู้หญิง) : ข้าคือจิ้งจอกที่ใช้ชีวิตมานับหมื่นปี
หมื่นปีแห่งการฝึกฝน หมื่นปีแห่งความเดียวดาย
ในคืนที่ดึกสงัด ใครบางคนได้ยินเสียงฉันร้องไห้
ในสถานที่มีแสงสลัว ๆ ใครบางคนเห็นฉันกำลังเต้น
(ผู้ชาย) ข้าคือบัณฑิตที่เมามายอย่างโดดเดี่ยว
สิบปีแห่งความโดดเดียว สิบปีแห่งการศึกษาอย่างยากลำบาก
เมื่อได้รับการจารึกไว้ในจารึกทองคำ ชื่อเสียงและโชคลาภก็รุ่งโรจน์
หลังจากเข้าเรือนหอ หยินและหยางของคนและวิญญาณก็ถูกแยกออกจากกันไปคนละเส้นทาง
……”
โอเคไหม?
ซูอวี่ฉิงค่อย ๆ ทำหน้าแปลกใจและดีใจขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่อ่านเสร็จ
หลี่หานค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอก ด้วยการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปของอีกฝ่าย เขารู้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ทำมันสำเร็จแล้ว
“จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต” เวอร์ชั่นที่ร้องคู่นั้นมีสองเวอร์ชั่นในชีวิตของเขาก่อนหน้านี้และเนื้อเพลงก็แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย
หลี่หานเลือกเวอร์ชั่นที่ เฉินรุ่ยกับกังฮุยนั้นร้องด้วยกัน
ในความคิดของเขานั้น เขาคิดว่าเวอร์ชันนี้คลาสสิกที่สุดในแง่ของเนื้อเพลงและการเรียบเรียง
ซูอวี่ฉิงอ่านเนื้อเพลงเสร็จแล้ว แต่สายตาของเธอนั้นยังไม่ได้ละออกจากโน้ตเพลงทันที แต่ย้อนกลับไปที่ตจุดแรกและตั้งใจที่จะอ่านมันอีกครั้ง
เธอคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเด็กนักศึกษาจบใหม่จะทำให้เธอตะลึงได้ถึงขนาดนี้
แค่เนื้อเพลงยังทำให้เธอตื่นเต้นจนหยุดไม่อยู่
เนื้อเพลงที่เขียนมาอย่างดี บทนี้เข้ากันได้ดีกับเนื้อหาของบทภาพยนต์และจะไม่มีเพลงไหนที่เหมาะสมไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ความหลงใหลและความคิดถึงของจิ้งจอกขาวกับความรักอันลึกซึ้งของบัณฑิต ความเสียใจและการทำที่ผิดหลังจากรู้ความจริงล้วนแสดงออกมาได้ดี
หลังจากอ่านเนื้อเพลงอีกครั้ง ซูอวี่ฉิงก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลี่หานแล้วพูดว่า “เพื่อนร่วมชั้น ตอนแรกฉันไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับมันมากนัก แต่นายกลับทำให้ฉันประหลาดใจมาก เนื้อเพลงเขียนออกมามได้ดีและใกล้เคียงกับเนื้อหาของภาพยนต์สุด ๆ ไปเลย ฉันชอบมาก..นี่มันเพลงอะไรกันเนี่ย? ”
ซูอวี่ฉิงได้ตัดสินใจในใจของเธอ ถ้าเพลงของหลี่หานนั้นไม่ดีพอที่จะใช้ประกอบภาพยนตร์ เธอยังจะหาทางเกลี้ยกล่อมหลี่หานเพื่อให้หลี่หานแต่งมันขึ้นอีกครั้ง
แต่เนื้อเพลงดีแบบนี้จะปล่อยให้มันพังลงไปไม่ได้
หลี่หานพูด : “เอ่อ…คนสวย อืม…ผมควรเรียกคุณว่าอะไรดี?”
ที่จริงเขาอยากจะเรียกว่า “คนสวย” แต่คิดไปคิดมา มันจะดูไม่ดีหากไม่รู้จักชื่อของคนที่จะต้องร่วมงานกัน
ซูอวี่ฉิงยิ้มแล้วพูด “ฉันชื่อซูอวี่ฉิงนายล่ะชื่ออะไร?”
หลี่หานพูด “ผมหลี่หาน ผมหวังว่าเพลงของผมคงไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอกนะคุณซู”
ซูอวี่ฉิงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “นายลองทำ MIDI ตอนนี้เลยได้ไหม?”
**MIDI คือเครื่องทำเพลง / บีท / ดนตรี
หลี่หานรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงกังวลและต้องการตัวอย่างเพลงด้วยตนเอง นี่เป็นเรื่องปกติ เขาพูดว่า “แน่นอน”
เขาทั้งสองเดินออกจากเคเฟ่
ซูอวี่ฉิงเดินทางมาด้วยรถยนต์ออฟโรดสีขาวที่มีราคาประมาณ 5 แสนหยวน
ค่อนข้างเป็นคนติดดินพอตัวเลย
ที่เหิงเตี้ยนนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนสตูดิโอ ซูอวี่ฉิงจอดรถที่หน้าสตูดิโอและลงรถพร้อมกับหลี่หาน
“บอส มาทำเพลง”
หลังจากที่คุยกันซักพักก็ส่งโน้ตเพลงให้ผู้จัดการสตูดิโอ
“คุณจะร้องตามเนื้อหรือจะให้ผมทำเสียงจำลองจาก MIDI ?” ผู้จัดการสตูดิโอถาม
หลี่หานคิดซักพักและพูดขึ้น “ให้ผมร้องดีกว่า”
เสียงที่จำลองจาก MIDI นั้นไม่ค่อยตรงกับเนื้อร้อง ถึงแม้จะเสียงเหมือนมนุษย์แต่อารมณ์และสัมผัสของเนื้อร้องนั้นไม่ได้ดีเท่าคนจริง ๆ
หลี่หานไม่ใช่นักร้องมืออาชีพ การร้องของเขาอยู่ในระดับคาราโอเกะเท่านั้น แต่การร้องเพลงเพื่อทำตัวอย่างเพลงใน MIDI นั้นไม่ใช่ปัญหา
หลังจากนั้นไม่นาน ตัวอย่างเพลงก็เสร็จสิ้น
หลี่หานยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ลองฟังดูครับ คุณซู”
ซูอวี่ฉิงภาวนาจากใจ ขอให้เพลงของหลี่หานไม่แย่จนเกินไป
แต่ต่อมาเธอก็หยุดความคิดอะไรแบบนั้น
เพราะเพลงที่เธอได้ฟังนั้นมันดีกว่าที่เธอคิดไว้เยอะมาก
ด้วยเนื้อเพลงและจังหวะดนตรีที่สมบูรณ์แบบ ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
คำที่สละสลวยและดนตรีที่ยอดเยี่ยม
ที่สำคัญกว่านั้น สามารถผสมผสานคำและดนตรีเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้คนสามารถชื่นชม “ความหมาย” ในนั้นได้อย่างง่ายดาย
การรวมกันระหว่างคำ ดนตรี และความหมายนั้นดีมาก
มันเป็นเพลงที่ค่อนข้างดีเลย โดยเฉพาะกับภาพยนต์ “ความทุกข์ของภูติจิ้งจอก” นี่มันเพอร์เฟคไปเลย
*ความทุกข์ของภูติจิ้งจอก อ่านจีนคือ หูเซียนเจี๋ย
แค่นักศึกษาที่พึ่งจบการศึกษา…
ซูอวี่ฉิงมองไปที่หลี่หานแล้วคิด เด็กคนนี้ทำให้เธอแปลกใจตลอดเวลาจริงๆ
หลังจากที่ฟังตัวอย่างเพลงแล้ว ซูอวี่ฉิงก็พูดขึ้น “นักศึกษาหลี่หาน เพลงนี้มันดีกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะใช้เพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนต์”
หลี่หานกำลังดีใจกับหนึ่งแสนหยวนที่อยู่ในมือ!
โดยหนึ่งแสนหยวนนี้เป็นโบนัสที่ทางทีมงานมอบให้ ไม่ใช่สำหรับค่าลิขสิทธิ์เพลง
ลิขสิทธิ์ยังคงอยู่ในมือของหลี่หาน
หลี่หานไม่ได้มีแผนที่จะขายมัน เขาสามารถหานักร้องและให้สิทธิ์เขาร้องเพลงได้
หลังจากดีใจ หลี่หานก็พูดขึ้น “คุณซู ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก ส่วนเรื่องรางวัล…”
ซูอวี่ฉิงยิ้มและพูดขึ้น “ฉันเข้าใจ นายส่งเลขบัญชีมาให้ฉันได้เลยฉัน จะโอนให้ทันที”
“เยี่ยม!” นี่คือสิ่งที่หลี่หานรอคอย และเขาก็ให้เลขบัญชีแก่ซูอวี่ฉิง
ซูอวี่ฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจัดการและพูด “เรียบร้อยแล้วนะ สามารถเข้าไปตรวจสอบดูได้เลย”
หลี่หานส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกครับ ผมเชื่อใจคุณซู”
ซูอวี่ฉิงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ฉันให้สตูดิโอบันทึกผลิตเทปเพลงประกอบอย่างเป็นทางการแล้วนะ เธอโอเคไหม? ”
แน่นอน หลี่หานไม่มีความคิดเห็นใด ๆ
เนื่องจากต้องใช้เวลาในการทำเทปเสียง หลี่หานและซูอวี่ฉิงจึงไม่รอและออกมาจากสตูดิโอก่อน
ในรถของซูอวี่ฉิง
ซูอวี่ฉิงพูดขึ้น “เพลงนี้จำเป็นต้องมีนักร้องสองคน หญิงหนึ่ง และ ชายหนึ่ง นายมีนักร้องอยู่ในใจไหม?”
หลี่หานส่ายหัวและพูดว่า”ไม่มีครับ นักร้องดาราดังเหล่านั้นอาจไม่ได้เห็นผลงานของผู้มาใหม่อย่างผมที่เพิ่งจบมหาลัย ดังนั้นผมว่าจะหานักร้องหน้าใหม่สองคนมาร้องเพลงเอง”
ซูอวี่ฉิง พูด “นายไม่เคยคิดว่าจะร้องเพลงด้วยตัวเองบ้างเหรอ? ฉันฟังที่นายร้องแล้ว ถึงมันจะไม่ได้ดีเท่านักร้องมืออาชีพ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย”
หลี่หานส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ผมไม่เคยวางแผนที่จะร้องด้วยตัวเองเลย”
ซูอวี่ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้น “นายต้องการให้ฉันแนะนำนักร้องให้ไหม? แน่นอนว่าฉันไม่ได้จะแนะนำพวกนักร้องดัง ๆหรอก”
หลี่หานพูด “แน่นอนครับคุณซู แต่ผมขอฟังเดโมของพวกเขาก่อนนะ”
ซูอวี่ฉิงพูด “แน่นอน ฉันต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้างั้นหลี่หาน นายทิ้งเบอร์ไว้ได้ไหม? ฉันจะติดต่อไปหลังจากหานักร้องที่เหมาะสมเจอแล้ว”
หลี่หานพูด “ได้ครับ รบกวนด้วยนะครับคุณซู”
ซูอวี่ฉิงจอดรถไว้ที่ข้างถนน หลังจากที่ทั้งสองแลกเบอร์กันแล้ว
หลี่หานเห็นรถมาถึงประตูทางทิศใต้แล้วจึงพูดว่า”คุณซู ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอกลับก่อนนะครับ”
“ห๊ะ? โอ้…โอเค! กลับไปมหาลัยงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ ผมต้องกลับไปที่มหาลัยก่อน”
“โอเค ถ้างั้น…ไว้เจอกันนะ ถ้าหากฉันเจอนักร้องที่เหมาะสมแล้วฉันจะโทรหา”
“โอเคครับ รบกวนด้วยนะครับคุณซู”
……
————————————————