บทที่ 28 : เจ้าหญิงและหัวหน้าสภาอัศวิน
ทันทีที่สก็อตต์ ฟ. แลนส์ ผู้บังคับบัญชาหน่วยที่ 6 เข้าไปในห้องนอนที่มีแสงสลัวๆของเขา เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างผ่าอากาศ วินาทีถัดมาความเจ็บปวดก็วิ่งขึ้นไปที่หลังมือของเขา เขารู้ได้ทันทีว่ามันหักแล้ว เขาหันหลังและกลับไปดูที่ทางเดินอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ไม่เห็นศัตรูที่ไหนเลย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกต่อยเข้าที่ต้นขาด้านขวา และแม้ว่าครั้งนี้กระดูกจะไม่หักแต่มันก็แรงพอที่จะส่งเขากลิ้งลงบนพื้น
[นั่นใคร?]
เขาลากร่างตัวเองและซ่อนตัวอยู่หลังกําแพงด้วยแขนของเขา คนที่โจมตีเขาอยู่ในห้องของเขาเอง
เป็นไปได้ยังไงกัน นี่มันชั้น 4 นะ!
สก็อตต์อาศัยอยู่คนเดียวบนชั้น 4 ของอพาร์ทเมนต์นี้ ที่นี่ค่อนข้างใหญ่แต่ถ้ามีคนเปิดประตูหลักเขาต้องรู้แน่แต่เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ซึ่งก็หมายความว่าผู้บุกรุกอาจเข้ามาทางหน้าต่าง
เขาปีนกําแพงหรือเปล่า แต่มันทํามาจากหินเรียบๆนิแถมฉันก็ไม่มีของมีค่าที่นี่ด้วย และยังไม่เคยได้ยินเรื่องการโจมตีในเขตขุนนางมาก่อนเลยสักครั้ง
การเข้ามายังเขตขุนนางได้ต้องผ่านเขตที่อยู่อาศัยแห่งที่หนึ่ง และสองและไม่เพียงต้องปีนข้ามกําแพงเท่านั้น การตรวจสอบเองก็เข้มงวดมากเช่นกัน คําถามมากมายผุดขึ้นในใจของสก็อตต์: ทําไมต้องเป็นฉัน เขามาที่นี่ได้ยังไง เขาโยนอะไรมาใส่ฉัน
[อัศวิน หะ? น่าขัน]
ผู้บุกรุกพูดขึ้นทําให้สก็อตต์สะดุ้งด้วยความตกใจเพราะเขาไม่คิดว่าคนที่โจมตีจะพูดอะไรออกมาและอีกสิ่งหนึ่งที่กวนใจเขาคือ ฟังดูไม่ใช่เสียงของผู้ใหญ่
[นายเป็นใครแล้วรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร]
[อัศวิน ใช่ไหมล่ะ]
[นายรู้ไหมล่ะว่าถ้าทําร้ายอัศวินแล้วจะเกิดอะไรขึ้น]
[ลองบอกมาหน่อยสิ ต่อให้พวกนายเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดก็เอาชนะฉันไม่ได้หรอก]
[มั่นใจมากล่ะสิ ไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหนกัน]
สก็อตต์ส่ายสายตามองไปรอบๆ น่าจะมีอุปกรณ์เวทมนต์ไว้แจ้งเหตุฉุกเฉินอยู่ในห้องถัดไปนะ
[มั่นใจ… หึ แน่นอนสิ ทําไมฉันถึงต้องกลัวคนที่พึ่งวิ่งวนไปมา แถมยังกลัวจนหางจุกตูดไม่ตอบโต้กลับด้วยล่ะ]
[โต้กลับ? นายหมายถึงตอนนี้นายโจมตีฉันอยู่เหรอ โทษทีนะ แต่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย]
สกอตต์ขยับตัวเดินกะเผลกช้าๆ
[ฉันแค่ออมมือให้เฉยๆ นายจะไม่ต้องบาดเจ็บสาหัส มีอะไรอยู่ในห้องข้างๆหรอ]
สก็อตต์ตกใจและประหลาดใจที่ผู้บุกรุกเดาถูกแม้ว่าเขาจะยังซ่อนตัวอยู่หลังกําแพงก็ตาม
[นายจะโทรเรียกเพื่อนหรอ เอาเลยสิยังไงฉันก็จะไปอยู่แล้ว]
[อะไรนะ?]
สก็อตต์หันหลังกลับไปในห้องนอนพร้อมทนกับความเจ็บ เขาเห็นบุคคลหนึ่งกําลังยืนอยู่บนกรอบหน้าต่าง ยืนส่องสว่างด้วยแสงจันทร์ในชุดคลุมสีดําที่ดูเหมือนจะดูดแสงมารอบๆตัวเขา ใบหน้าของเขาเป็นสีเงิน – สวมหน้ากากของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์อยู่
[หยุดนะ! นายจะกลั–]
ก่อนที่สก็อตต์จะพูดเสร็จเด็กชายคนนั้นก็กระโดดลงจากห้องไป สก็อตต์ลากเท้าของเขาไปที่หน้าต่างแต่เมื่อถึงเขาจ้องมองลงไปด้านล่างก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ในห้องนั้นมีเพียงก้อนกรวดสองก้อนเท่านั้น
พระอาทิตย์ยามเช้าส่องลงบนปราสาท โครงสร้างขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้หินสีขาวที่มีทั้งความสวยงามและความทนทาน มันเปล่งประกายเป็นสีทองในยามเช้า สีขาวในช่วงกลางวันและสีแดงเข้มในตอนพลบค่ํา ชายคนหนึ่งกําลังเดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องที่อยู่ลึกเข้าไปในตึกนั้น ลอว์เรนซ์ หัวหน้านักดาบแห่งสภาอัศวิน
[หัวหน้า! ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ อะไรทําให้คุณมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ครับเนี่ย]
มหาดเล็กซึ่งเป็นชายชราผู้หนึ่งกําลังยืนต้อนรับหัวหน้าอยู่ที่ด้านหน้าของห้องๆหนึ่งอยู่ ประตูหรูหราบานหนึ่งที่มีเครื่องประดับทองคําตระหง่านอยู่ด้านหลังเขา จากตําแหน่งของเขาแล้วราวกับว่าเขากําลังกันคนที่ด้านนอกประตูอยู่
[ผมต้องการพบพระองค์]
[ผมจําไม่ได้ว่าคุณมีนัดกับพระองค์นะ]
[เรื่องด่วนนะ]
[ขอโทษด้วยจริงๆ แต่ผมต้องขอให้คุณกลับไปก่อน]
[นี่เรื่องด่วนนะ]
[ทราบแล้วครับ แต่ผมต้องขอให้คุณกลับไปก่อน]
[มหาดเล็ก ผมกําลังบอกคุณว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเร่งด่วนอยู่นะ]
[ผมได้ยินแล้ว แต่มีคนมากมายเช่นคุณที่อ้างว่ามีเรื่องเร่งด่วนที่จะพูดคุยกับพระองค์นะ กษัตริย์ท่านไม่มีเวลาว่างนักหรอก เมื่อท่านสามารถเสวยอาหารได้อย่างสงบในเวลาเช่นนี้มันถือเป็นสิ่งที่มีค่าสําหรับท่าน เพื่อที่ท่านจะได้สงบจิตใจบ้าง]
ก่อนที่ชายชราจะได้พูดอะไรอีกเสียงของหญิงสาวก็ดังมาจากภายในห้อง พระราชาดูเหมือนจะ “กําลังพักใจ” อยู่ มหาดเล็กเหลือบมองไปที่ประตูเหมือนว่านี่เป็นเหตุการณ์ปกติที่เห็นได้ชัด
[ขอล่ะ ผมขอเวลาไม่นานเท่านั้น]
[นี่หัวหน้า คุณอาจจะเก่งในการต่อสู้และเป็นผู้นําของสภาอัศวินที่ทรงพลังนะ แต่ผมจะไม่ทนกับพฤติกรรมที่หยาบคายเช่นนี้หรอกนะ]
[อาณาจักรกําลังตกอยู่ในอันตราย]
[และอาณาจักรก็จะตกอยู่ในอันตรายอีกเช่นกัน ถ้าพระองค์ทรงปั่นป่วนและไม่ได้พักผ่อน]
หัวหน้าปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างน่าขนลุก คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
[งั้นผมก็จะรอที่นี่ ]
[คุณมีแต่จะสร้างปัญหา]
มหาดเล็กมองไปที่ทหารประจําตัวของพระราชาพร้อมกระตุ้นให้พวกเขาเคลื่อนไหว พวกเขาอยู่ในกองพลที่ต่างออกไปและไม่เกี่ยวข้องกับสภาอัศวิน – เป็นกองทัพส่วนตัวของกษัตริย์ ขณะนี้มีกองกําลังต่างๆในราชอาณาจักรมากมายทําให้สายการบังคับบัญชามีความซับซ้อนมาก สภาของอัศวินนั้นถือเป็นศูนย์กลางอยู่ไม่มากก็น้อย จํานวนคนภายใต้กองทัพทหารนั้นมีประมาณ 10,000 คนซึ่งตรงข้ามกับสภาที่มีเพียง 500 คนเท่านั้น ส่วนกองทัพส่วนตัวของพระองค์นั้นก็เป็นองค์กรที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
[คุณคิดจริงๆหรอว่าแมลงวัน 3 ตัวนั้นจะทําให้ผมเคลื่อนที่ได้]
ทั้งสามคนกระโดดลงมาทันทีที่ลอว์เรนซ์เหลือบมองไปที่พวกเขา พวกเขาเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากรูปลักษณ์และสถานะทางสังคมโดยไม่ได้ผ่านการฝึกฝนที่เหมาะสม เพราะเชื่อว่าอันตรายไม่มีทางมาถึงราชาแน่นอน
[หัวหน้า ถ้าคุณยังแสดงพฤติกรรมโอหังอีก ผมจะรายงานเรื่องนี้ต่อพระราชา]
[มันเกี่ยวกับอันตรายที่ซุ่มอยู่นะ!!]
หัวหน้าขึ้นเสียงสูงทําให้มหาดเล็กหน้าซีดด้วยความสั่นสะท้าน ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเขา
[เช้าขนาดนี้เอะอะอะไรกัน]
อีกด้านหนึ่งของทางเดินมีเด็กสาวคนหนึ่งในช่วงอายุวัยรุ่นยืนอยู่ เธอมีผมสีส้มหยิกห้อยลงมาด้านหลัง ดวงตาสีม่วงเข้มของเธอเหมือนพลอยที่เปล่งประกายด้วยความสูงศักดิ์
[สวัสดีครับเจ้าหญิงคิเดียสทอเรีย]
หัวหน้าคุกเข่าข้างหนึ่งทันทีและทหารสามคนนั้นก็ทําสิ่งเดียวกัน ขณะที่มหาดเล็กประสานมือของเขาไว้ด้วยกันแล้ววางมันไว้บนอก ซึ่งเป็นวิธีการแสดงความเคารพของข้าราชการพลเรือน
คิเดียสทอเรีย – ชื่อเต็มของเธอคือคิเดียสทอเรีย จ. พอนโซเนีย – เป็นลูกคนที่สองของพระราชาและเป็นเจ้าหญิงของราชอาณาจักร เธอสวมชุดกระโปรงลูกไม้พลีทสีฟ้าที่ดูสดชื่นในอากาศร้อนๆ – แฟชั่นล่าสุดในตอนนี้ ส้นสูงของเธอเป็นสีส้มเช่นเดียวกับสีผม โดยรวมแล้วชุดของเธอก็เข้ากันได้ดี
[ทําตัวตามสบายเถอะ แล้วเกิดอะไรขึ้น]
[หัวหน้านักดาบกําลังเอะอะเกี่ยวกับอันตรายบางอย่าง และก็ขอเข้าพบพระราชาอยู่ครับ] มหาดเล็กพูดเหมือนกําลังขอความช่วยเหลือ
[ลอว์เรนซ์ ที่เขาพูดน่ะจริงรึเปล่า]
[ครับ]
[งั้นฉันจะฟังดูสิว่านายจะพูดอะไร มหาดเล็กเดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง]
[ครับ]
มหาดเล็กผู้ยิ่งใหญ่ดูไม่พอใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่สามารถต่อต้านเจ้าหญิงได้ แล้วเจ้าหญิงจึงเดินออกไปพร้อมกับหัวหน้านักดาบ
[นี่ไม่เหมือนนายเลยลอว์เรนซ์ พ่อฉันจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองระดับประเทศตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงบ่ายสองโมงเท่านั้น]
[มันเป็นเรื่องด้วยครับ]
[มหาดเล็กไม่มีความสามารถในการวัดความเร่งด่วนของเรื่องต่างๆเอาสะเลย]
[จริงครับ]
ลอว์เรนซ์รู้สึกประหลาดใจอย่างต่อเนื่องกับสติปัญญาของเด็กผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างหน้าเขา ซึ่งเธอมีความสูงแค่ถึงท้องของเขาเท่านั้น และเธอก็พูดถูก กษัตริย์ทํางานแค่วันละสี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะเขาจะใช้เวลาที่เหลือไปกับพวกผู้หญิง
เขาจะทําสงครามในสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร หรือบางที่นี่อาจเป็นเหตุผลที่เขาทําก็ได้ เพราะราชอาณาจักรเจริญรุ่งเรืองเกินไป จนแม้กระทั่งกษัตริย์ก็สามารถทํากิจกรรมเช่นนี้ได้
ไม่ว่าจะในกรณีไหนทุกคนก็สามารถเข้าพบกษัตริย์ได้แค่ในเวลาสี่ชั่วโมงนี้เท่านั้นและแน่นอนว่าถ้าพวกเขาสามารถรับงานอดิเรกของกษัตริย์ได้ พวกเขาก็จะไม่มีปัญหานี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาสําหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระราชา ซึ่งรวมถึงมหาดเล็กคนนั้นที่จะไม่ปรากฏในช่วงเวลาสี่ชั่วโมงนั้นด้วย
[แล้วเรื่องด่วนที่นายพูดถึงคือเรื่องอะไร]
เจ้าหญิงเข้าไปในห้องเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆแล้วล็อกประตู เธอไม่มีเสนาธิการด้วยความตั้งใจ
เจ้าหญิงมีพี่ชายคนหนึ่งและเขาก็เป็นทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ที่แท้จริง บรรดาขุนนางที่จับตารอรุ่นต่อไปอยู่จะรวมตัวกันรอบๆเขาพยายามที่จะประจบประแจงและจะกระซิบข้างหูเขาว่า “เจ้าหญิงคิเดียสทอเรียอาจแย่งชิงบัลลังก์จากพระองค์ก็ได้”
เพื่อปัดเป่าความสงสัยออกไป เจ้าหญิงจึงเลือกที่จะไม่มีผู้ช่วยหรือเสนาธิการเลย เธอสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีโดยไม่มีพวกเขา จริงๆแล้วเพราะกษัตริย์ไม่ทํางานของเขาเจ้าหญิงจึงได้ทํางานเล็กๆน้อยๆของประเทศที่กองเป็นพะเนินบ้างแล้ว
ผู้คนมากมายคิดว่าเธอควรจะเป็นผู้ปกครองคนต่อไป ในอดีตมีหลายกรณีที่อาณาจักรถูกปกครองโดยราชินี แต่เห็นได้ชัดว่าความคิดนี้มีแต่จะทําให้ชีวิตของเจ้าหญิงตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น
[ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจอย่างสูงสุดกับเรื่องนี้]
การที่เข้าห้องใกล้เคียงและไม่ไปที่ห้องของเธอนั้นแสดงให้เห็นว่า เจ้าหญิงเป็นคนคิดรอบคอบแค่ไหน อย่างแรกเลยหัวหน้าแจ้งว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนดังนั้นการฟังสิ่งที่เขาต้องพูดให้ได้โดยเร็วที่สุด จึงเป็นเรื่องสําคัญและผู้เฝ้าดูของพี่ชายเธอก็อยู่ในห้องของเธอด้วย ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใดๆก็ตาม เธอจึงตัดสินใจว่ามันเป็นการดีที่สุดถ้าจะไม่ให้เขารู้เรื่องนี้
[ผู้บัญชาการของหน่วยที่ 6 ของสภาถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ ]
ลอเรนซ์พูดถึงความจริงทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงส่วนที่ผู้กระทําผิดเป็นบุคคลเดียวกับผู้ที่โจมตีอีสท์อีกด้วย
[เข้าใจล่ะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจคือนี่เป็น “เรื่องเร่งด่วน” จริงๆหรอ จากสิ่งที่นายพูดมาคือผู้เสียหายมาจากหน่วยที่ 6 ทั้งคู่ บางทีพวกเขาอาจจะทําอะไรผิดพลาดในอดีตแล้วก็มีคนคิดว่าพวกเขาต้องเป็นคนรับผิดชอบก็ได้]
[ผมคงเห็นด้วยครับถ้าเรื่องมันมีแค่นั้น]
[หมายความว่ายังไง มีอะไรมากกว่านี้อีกหรอ]
[หลังจากนั้นผู้บัญชาการของหน่วยที่ 2 และ 11 ก็ถูกโจมตีเช่นกัน ทั้งคู่กําลังพักอยู่ในฐานซึ่งตั้งอยู่นอกกําแพงของปราสาท นั่นหมายความว่าศัตรูได้แทรกซึมเข้ามาถึงด้านนอกปราสาทแล้ว]
ความเงียบปกคลุมลงมาและคิเดียสทอเรียก็ต้องการใช้เวลาในการคิด
ตอนที่หัวหน้าได้ยินข่าวเมื่อคืนพร้อมกับผู้สอบสวน ลอว์เรนซ์ก็สันนิษฐานว่าหน่วยที่ 6 อาจทําอะไรบางอย่างและเจ้าหญิงก็คิดเช่นเดียวกัน
บางทีมันอาจไม่ใช่โจรที่โจมตีอีสท์แต่ผู้โจมตีตั้งใจทําให้ดูเหมือนว่าเป็นงานของโจรเพราะบางที่เขาคงอยากรู้ว่าอัศวินจะโต้กลับอย่างไร ทันทีที่เขาพบว่าเขาสามารถโจมตีเหล่าอัศวินได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เขาจึงเล็งไปที่ผู้บัญชาการของหน่วยที่ 6 เป็นเป้าหมายถัดไปแต่เมื่อลอว์เรนซ์ และผู้สอบสวนกําลังวิเคราะห์สถานการณ์อยู่ก็มีรายงานอื่นเข้ามาแจ้งอีกว่ามีผู้บัญชาการอีกสองคนถูกโจมตี
[แล้วตอนนี้สถานการณ์ของสภาเป็นยังไงบ้าง]
[เรากําลังตื่นตัวกันอยู่และผมก็สั่งพวกเขาไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียว โชคดีที่… ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกสถานการณ์ปัจจุบันของเราว่าโชคดีได้ไหม แต่ตอนนี้ก็มีเพียงแค่อัศวินเท่านั้นที่ตกเป็นเป้าหมาย ถ้าเราระมัดระวังก็ไม่น่าจะเป็นอะไร]
[ความเป็นไปได้ที่ปัญหานี้จะแพร่เข้ามาในปราสาทเป็นยังไงบ้าง]
[นั่นแหละครับที่ผมเป็นห่วง เป็นไปได้ว่ามันอาจจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย แต่ผมก็ไม่แน่ใจทั้งหมด ดังนั้นผมเลยคิดว่าควรจะต้องมารายงานก่อนครับ]
[บอกมาสิว่าคุณคิดยังไง]
[ได้ครับฝ่าบาท แต่ผมคิดได้ไม่กี่อย่างเท่านั้น ก่อนอื่นเลยคือเราไม่รู้ว่าแรงจูงใจของผู้ที่โจมตีคืออะไร จากที่ดูผิวเผินแล้วดูเหมือนว่าเขาจะมีความขุ่นเคืองต่อสภาอัศวินครับแต่วิธีการต่างๆที่เขาทํามันทําให้ดูเหมือนว่าเขากําลังทดสอบความสามารถของเขาอยู่ เพราะเขาไม่ได้ฆ่าเป้าหมายของเขาสักคนเลย]
[ฟังดูคุ้นๆรึเปล่าล่ะหัวหน้า]
[เจ้าหญิงช่างหยอกล้อนะครับ]
[ฉันดูเหมือนกําลังล้อเล่นหรอ]
[ครับ ฟังดูคุ้นๆครับ]
เมื่อเห็นชายคนนี้พยายามหดหน้าใหญ่ๆของเขา ก็ทําให้เจ้าหญิงยิ้มออกมาแวบหนึ่ง ในตอนที่หัวหน้ายังเป็นเด็ก เขาเคยท้าทายคนที่แข็งแกร่งเพื่อทดสอบความสามารถของเขา
[ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้สูงที่เขากําลังลองใช้ความสามารถของตัวเอง อีกนัยหนึ่งคือมันไม่มีเหตุผลอื่นใดที่เขาจะโจมตีกองกําลังอันเกรียงไกรของอาณาจักรนี้ และหากเขามีความไม่พอใจต่อสภาจริงๆ วิธีการของเขาก็สะเพร่าไปหน่อย เพราะเขาไม่ได้ฆ่าใครเลย] เจ้าหญิงพูดขึ้น
[สะเพร่า แต่ก็ยังระมัดระวัง]
]เขาหนีไปอย่างแนบเนียน ดังนั้นเขาจึงต้อง “ระวัง” อย่างแน่นอน อืมม ใช่ การทดสอบความสามารถ เราจะรู้ว่าทฤษฎีนี้ถูกหรือไม่ก็ต้องรอการโจมตีครั้งถัดไป
ผมก็คิดเช่นนั้น]
แล้วหัวหน้าก็ตระหนักได้ว่าเขากําลังคิดเช่นเดียวกับเจ้าหญิง
[นายอาจจะเป็นคนถัดไปสินะหัวหน้า ไม่สิ ลอว์เรนซ์ปรมาจารย์แห่งดาบ]
MANGA DISCUSSION