บทที่ 22 : ความคืบหน้าของคดี
วิเศษเหลือเกินที่ได้ทานอาหารเช้าอย่างสบายๆ แบบนี้
จิลที่เพิ่งกินข้าวเสร็จจากร้านคาเฟ่บนถนนสายหลักกําลังเดินทางไปที่กิลด์ผจญภัย
การที่จะสามารถทานอาหารเช้าที่ร้านคาเฟได้นั้นมีแค่ผู้ที่หาเงินได้เป็นจํานวนมากเท่านั้น ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว พนักงานต้อนรับจากกิลด์ผจญภัยนั้นได้รับค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง และนั่นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะพวกเขาต้องทําให้เหล่านักผจญภัยที่เกเรนั่นสงบได้ไม่ว่าจะด้วย “กําลังดุร้าย” หรือ “ความงาม” ก็ตาม เพราะไม่ว่าพนักงานต้อนรับจะสวยหรือไม่มันก็ส่งผลโดยตรงต่อจํานวนข้อพิพาทที่เกิดขึ้นภายในกิลด์
ในกิลด์อื่นๆ เช่น กิลด์การค้าและกิลด์เล่นแร่แปรธาตุ พวกเขาไม่จําเป็นต้องมีพนักงานต้อนรับที่สวยหรือจะเป็นผู้ชายก็ได้แต่พวกเขาจะไม่ได้รับรายได้เยอะเท่านี้
การมีหน้าตาที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งที่ต้องมีในการเป็นพนักงานต้อนรับของกิลด์ผจญภัยซึ่งก็มีผู้หญิงสวยๆมากมายเข้ามาให้เลือกแต่สิ่งที่กิลด์มองหาไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นแต่พวกเขายังต้องมีสมองด้วย – ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถเพียงพอที่จะทํางานได้หรือไม่ก็ตาม
สําหรับจิลที่ทํางานเป็นพนักงานต้อนรับนั้นการได้ทานอาหารเช้าที่ร้านคาเฟเป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มความภาคภูมิใจของเธอ
[สวัสดีจ้า]
[จิลจังสวัสดีจ้า]
ที่เคาน์เตอร์มีพนักงานคนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว – คนที่ไปเมืองหลวงกับรองหัวหน้ากิลด์ – เธอกําลังทําหน้าหดหู่
[ออโรร่าซัง มีอะไรเกิดขึ้นรึป่าว]
ลักษณะของออโรร่าเปลี่ยนเป็นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
[อันเคนซังอยากพบเธอหน่อยนะ]
[อันเคนซัง?]
จิลสงสัยว่าเขาต้องการอะไรในตอนที่เช้าขนาดนี้ เธอยัดข้าวของของเธอเก็บในตู้ล็อกเกอร์แล้วจึงเปลี่ยนเป็นชุดยูนิฟอร์ม ตอนนี้กิลด์มีคนอยู่หนาแน่นแต่ออโรร่าก็สามารถจัดการสิ่งต่างๆได้ดี จิลจึงเดินไปที่ห้องของอันเคนหรือก็คือห้องทํางานของหัวหน้ากิลด์นั่นเอง
[อ้าวจิล มานี่สิ]
ที่ห้องมีที่นั่งสําหรับแขกอยู่แต่อันเคนก็เรียกให้เธอไปหาที่โต๊ะของเขาโดยตรง จิลรู้สึกโล่งใจเพราะคิดว่ามันคงไม่ใช่อะไรที่จริงจังถึงขนาดที่เธอจะต้องนั่ง เธอไม่คิดว่าเธอได้ทําอะไรผิดไปแต่การถูกเรียกตัวมาที่ห้องทํางานแบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้เธอเป็นกังวลแถมอันเคนยังแสดงสีหน้าขมขื่นอีก
[ต้องการอะไรรึป่าวคะ]
[ฉันมีอะไรจะบอกและก็ถามเธอสักหน่อยนะ]
คะ
[กลุ่มดาวระยิบระยับอันไกลโพ้นที่โนกุสะเป็นคนนําได้ล้มเหลวในภารกิจคุ้มกันเมื่อวานนี้นะ]
[อะไรนะคะ]
จิลจําโนกุสะได้ เขาเป็นนักผจญภัยที่ระดับสูงที่สุดในพอนด์ ตอนนั้นเขาอยู่ระดับ D เขาเคยสงสัยว่าโนกุสะเป็นคนแบบไหนจึงลองตรวจสอบดูแล้วก็ผิดหวังเพราะเขาก็เป็นเหมือนกับนักผจญภัยคนอื่นๆ ในพอนด์แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้อยู่ระดับ C
นักผจญภัยระดับ C ล้มเหลวงั้นหรอ ปกติแล้วพวกเขาจะ รับเควสที่เกี่ยวกับการฆ่ามอนสเตอร์ – ประเภทที่การ์ดในพอนด์รับมือไม่ได้ – หรือไม่ก็ทํางานให้กับพวกชนชั้นสูงแทน
[พวกเขาถูกซุ่มโจมตีจากกลุ่มโจรบนถนนหรือมอนส เตอร์ชั่วร้ายหรอคะ]
[เปล่า]
[..อย่าบอกนะคะว่าพวกเขาลักพาตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วก็หนีไปซ่อนแล้ว]
[เปล่า ไม่ใช่ ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันแต่มันไม่ใช่อย่างนั้น]
[งั้นแล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ เลิกอ้อมค้อมแล้วบอกฉันสักทีเถอะค่ะ!!]
[จิล คดีนี้มันเป็นความเสื่อมเสียของกิลด์ผจญภัยนะ]
[ฉันรู้ค่ะ]
[แล้วทําไมถึงดูตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ?! เธอชอบเรื่องซุบซิบนินทาอะไรแบบนี้หรอ?]
[ไม่เอาน่าอันเคนซัง ฉันไม่ทําเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับงานตามใจตัวเองอย่างนั้นหรอก เอาล่ะบอกฉันมาได้แล้วน่า! ข่าวก็น่าจะแพร่กระจายเร็วๆนี้แล้วนใช่ไหมล่ะคะ]
มันคือข่าวใหญ่ในเช้าวันนี้
จิลไม่ได้สนใจโนกุสะเป็นพิเศษและแถมสาขาที่เมืองหลวงก็เป็นคนส่งปาร์ตี้กลุ่มนี้มาเอง มันไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลของสาขาพอนด์เลย ข่าวที่ใหญ่ขนาดนี้น่าจะเป็นที่รู้กันในกลุ่มนักผจญภัยแล้ว
ฉันต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฮิคารุคุงฟัง! เขาสนใจเรื่องนี้มากเลย ฮี่ๆๆ สงสัยจังว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไงน้า
อันเคนถอนหายใจอย่างหนัก
[เอาล่ะ อย่างน้อยก็ดีกว่ามานั่งเครียดล่ะนะ ตามคําให้การของโนกุสะแล้วนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น: ตอนที่พวกเขามองเข้าไปในรถม้าระหว่างการพักครั้งที่สองเด็กสาวคนนั้นก็หายตัวไปในอากาศแล้ว]
[หายไปหรอ เดี๋ยวนะ โนกุสะและคนของเขาเป็นคนให้การหรอ งั้นพวกเขาก็ไปที่กิลด์เมืองหลวงน่ะสิ]
[ใช่แล้ว]
[แต่พวกเขาต้องถูกสงสัยก่อนสิ ยังไงอยู่ๆ มนุษย์ก็หายไปในอากาศไม่ได้หรอก]
[ใช่ ถ้าพวกเขาเป็นคนที่ปล่อยเด็กสาวไปเองมันก็ไม่สมเหตุสมผลกับคําให้การที่ไร้สาระนั่น]
[งั้นเด็กนั่นไปไหน]
[ถ้าเรารู้ก็เราคงไม่ต้องมาเจอปัญหาอย่างนี้หรอก]
[ก็ถูกนะคะ]
[มันมี 2 อย่างที่ทําให้เรื่องนี้ซับซ้อนขึ้น หนึ่งคือคําให้การของคนขับรถเพราะปรากฏว่าโนกุสะเป็นคนที่ต้องการกุญแจจากเขาเอง]
[ทําไมเขาถึงทําแบบนั้นกัน]
[จากลักษณะแล้วพวกนั้นต้อง “พัฒนาความสนใจ” ในตัวเธอแน่]
จิลรู้ได้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร เธออ่านอารมณ์ของอันเคนออก
[พวกโง่เอ๊ย]
[จริง แต่พวกนั้นก็ยังเป็นนักผจญภัยระดับ C แล้วยังทําลายภาพลักษณ์ของกิลด์ที่เมืองหลวงอีก]
[คุณบอกว่ามี 2 อย่างที่ทําให้เรื่องมันซับซ้อนนิ อีกเรื่องหนึ่งล่ะคะ]
[ฉันเดาว่าเธอคงรู้เรื่องการ์ดที่บ้านพักของเคานต์มอร์กแสตดแล้วใช่ไหม]
[ค่ะ พวกเขาเป็นอัศวินที่ถูกส่งมาเพื่อคุ้มครองเคานต์เป็นพิเศษ เจ้าของบ้านถูกฆ่าตายภายใต้การดูแลของพวกเขา ดังนั้นภาพลักษณ์ของภาคีอัศวินก็ถูกทําลายลงเหมือนกัน!!]
[เหมือนที่ฉันพูดไป ทําไมเธอตื่นเต้นนักล่ะ! ช่างเถอะ แต่อัศวินคนหนึ่งในนั้นบอกว่าตัวเขาไม่ไว้ใจพวกนักผจญภัยเขา ก็เลยตามพวกนั้นไป]
[ฟังดูเขาเกลียดพวกนั้นจริงๆ ]
[แต่เขาตามปาร์ตี้ของโนกุสะไม่ทัน เขาบอกว่าเขาโดนโจรคนหนึ่งปล้น]
[โจรคนหนึ่ง? ระหว่างทางพอนด์ไปเมืองหลวงหรอคะ ไม่ปกติเลยนะนั่น แล้วเกิดอะไรขึ้นกับอัศวินคนนั้นล่ะคะ]
[เขายังมีชีวิตอยู่แต่กระดูกหักจากความแม่นยําที่สูงมาก คาราวานที่ผ่านมาเลยรับเขามาที่พอนด์ด้วย ตอนนี้เขาอยู่ที่คลินิก คนสอบสวนจากเมืองหลวงกําลังสอบเขาอยู่แต่พวกเขาไม่อนุญาตให้ฉันอยู่ด้วย]
[อ้ออ… แปลกแฮะ]
[ฉันรู้]
จิลเป็นคนฉลาด เธอไม่ได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกที่ยากลําบากมาเพื่อมาเป็นแค่พนักงานต้อนรับธรรมดาๆนะ คดีนี้มันมีบางอย่างที่ทะแม่งๆ
[อัศวินยกเว้นพวกอัศวินฝึกหัดมีทักษะค่อนข้างมากไม่ใช่หรอแล้วทําไมเขาถึงถูกทําร้ายง่ายๆ แบบนั้นล่ะ]
[ใช่ และจากที่เขาบอกมาคนที่ซุ่มทําร้ายเขา น่ะก็เป็นเด็กคนหนึ่ง เขาถูก “ซุ่มยิง” จาก “เด็ก” คนหนึ่ง เขาว่างั้นนะ]
[อะไรน้าาาาาา?]
[น่าเกลียดน่า]
[อา] จิลปิดปากที่อ้าค้างของเธอทันที [แต่เด็กที่เอาชนะอัศวินได้นี่ฟังดูไร้สาระนะแต่ก็คล้ายกับคําให้การของโนกุสะที่เขาบอกว่าจู่ๆเด็กคนนั้นก็หายไปเหมือนกันเพราะพวกเขาทั้งคู่กําลังพูดในสิ่งที่ฟังดูเป็นไปไม่ได้อยู่]
[เธอคิดว่า 2 อย่างนี้เกี่ยวข้องกันรึป่าว]
[ความเป็นไปได้ต่ํานะ มันน่าแปลกแต่บางครั้งก็มีคนที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้อยู่เหมือนกันแม้แต่เด็กๆก็ด้วย แต่เด็กแบบนั้นจะชอบปล้นคนอื่นหรอ บางที่อาจเป็นคนเตี้ยๆแทนก็ได้]
[หืมม]
[ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันระหว่างเด็กผู้หญิงที่ “หายตัวไปในอากาศ” กับ “เด็กที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้” เลยนะหรือคุณจะบอกว่าเด็กผู้หญิงที่หายตัวไปนั่น เห็นอัศวินเข้าก็เลยโจมตีเขา]
[ไม่ใช่ จากคําพูดของอัศวินเขาบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย เธอคิดแบบเดียวกับออโรร่าเลยนะ]
[งั้นก็ไม่เกี่ยวกันน่ะสิ มีอะไรกวนใจคุณอยู่หรอคะ]
[ถูกต้อง ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันมีอะไรมากกว่านี้]
[งั้นนี่ก็เป็นเรื่องที่คุณอยากจะบอกแล้วก็ถามฉันใช่ไหมคะ]
[ใช่ ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ฉันอยากจะถามเธอว่าพอจะรู้จักนักผจญภัย ไม่ ไม่จําเป็นต้องเป็นนักผจญภัยก็ได้แต่เธอรู้จักเด็กผู้ชายคนไหนที่มีทักษะแบบนี้บ้างไหม]
ชื่อของฮิคารุเข้ามาในหัวของเธอทันทีแต่เมื่อวันก่อนตอน ที่ขบวนคุ้มกันออกจากเมืองพอนด์ฮิคารุคงจะกําลังอ่านหนัง สืออยู่
[ฉันนึกไม่ออกเลยค่ะ]
[งั้นหรอ ฉันควรจะถามกลอเรียด้วยเหมือนกันแต่ก็ไม่คิดว่าจะได้อะไรเยอะนักหรอก]
*****
ฮิคารุออกจากโรงแรมมาพร้อมกับลาเวียแต่ตอนแรกเขาต้องออกไปข้างนอกคนเดียวก่อนแล้วจึงเปิดใช้งานสกิลหลบซ่อนจากนั้นก็กลับเข้าไปข้างในแล้วใช้สกิลซ่อนกลุ่มเพื่อเอาลาเวียออกมากับเขาด้วย
พวกเขาเช่าสองห้องไม่ได้เพราะโรงแรมต้องใช้กิลด์การ์ดไม่ก็การ์ดวิญญาณในการจอง ลาเวียมีการ์ดวิญญาณแต่มันก็มีชื่อของเธอบนนั้น การแสดงการ์ดนั่นจะทําให้เธอถูกเปิดโปง ความจริงที่ว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่หลบหนีไป ได้มันสร้างปัญหาให้พวกเขาแล้ว
จริง ๆ มันก็มีทางเลือกอื่นๆอยู่อีก พวกเขาจะปลอม การ์ดหรือจ่ายเงินเพื่อยืมของคนอื่นมาก็ได้แต่มันก็ไม่จําเป็น ตอนนี้พวกเขาแค่ต้องอดทนเท่านั้น
พวกเขาเดินไปรอบๆเมือง ช่วงเวลานี้คนมากมายก็ตื่นกันแล้ว เมืองพอนด์ตั้งอยู่บนที่ราบและเป็นเมืองบริวารของเมืองหลวงทําให้เมืองพอนด์ได้รับการพัฒนาอย่างเป็น ระบบ ถนนก็เป็นระดับและตามแบบแผนซึ่งทําให้มีโอกาสที่จะหลงทางได้นั้นมีน้อย
[งั้นนี่ก็คือเมือง…]
นี้อาจจะเป็นครั้งแรกของลาเวียที่ได้ออกมาเดินทั่วเมืองแบบนี้ ฮิคารุคิดในใจ เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมาดังๆ
ดวงตาของลาเวียมองไปรอบๆเมืองอย่างตื่นเต้น ทุกอย่างดูใหม่สําหรับเธอ ทั้งเหล่าแม่บ้านที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ บ่อน้ําหลังต้นไม้ ทั้งผู้สูงอายุก็เดินถือตะกร้าไว้ซื้อของ เด็กผู้ชายที่กําลังโดนเจ้าของร้านดุและชายคนหนึ่งที่กําลังลากเกวียนซึ่งเต็มไปด้วยไหเพื่อเอาไปขาย – ทุกๆอย่าง
[ฮิคารุ]
[หืมม?]
[ผู้ชายคนนั้นกําลังจ้องนายอยู่นะ]
[จริงด้วย]
เขาคือเจ้าของร้านขายฮอตดอก ชายที่มีกล้ามเนื้อกําลังพับ แขนเสื้อขึ้นและจ้องมาทางของพวกเขาอยู่ – ไม่สิ เขาจ้องเขม็งเลยจริง ๆ และขณะที่พวกฮิคารุเดินเข้าไปเขาก็ยื่นมืออันใหญ่โตออกมา
[60 กิเลน]
[กล้านะที่เดาว่าฉันจะซื้อสองอันน่ะ]
[ฉันก็อยากจะรับประ…หมายถึงว่า ฉันก็อยากลองเหมือนกัน! ]
ลาเวียบังคับให้ตัวเองพูดหยาบไม่ได้เธอจึงเลือกใช้ภาษาพูดที่อ่อนลงมาแทน ฮิคารุส่งเงินและหยิบแซนด์วิชฮอตดอกมาสองอัน หนึ่งอันสําหรับลาเวียที่คิดว่าอาหารนี้มันน่าสนใจเป็นอย่างมาก
หืม ดูเหมือนฮอตดอกที่ญี่ปุ่นเป๊ะเลย… ฮิคารุคิดขณะกัดไปคําหนึ่ง
[!]
ตาของฮิคารุเบิกกว้าง
[ปะ เป็นไงบ้าง?]
“มัน. ]
[มัน ?]
เผ็ดเกิน! นายโง่รึป่าวเนี่ย?!! ฮิคารุร้องตะโกนออกมา
แย่จริง ฮอตดอกนี้ร้อนแรงชะมัด นี่มันเผ็ดเกินไปแล้ว
ฮิคารุเกือบโพล่งคําพูดสองแง่สองง่ามออกไปแล้ว เขารู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของเขากําลังสูงขึ้น เหงื่อน่าจะกําลังไหลลงมาบนใบหน้าของเขาได้ในเวลาไม่กี่วินาทีนี้เลย ซอสมะเขือเทศก็เหลวเป็นน้ํา ตอนนี้คําถามคือ…
[นายทําอะไรกับมัสตาร์ดน่ะ]
[ตอบมา]
[ฉันอยากรู้เกี่ยวกับเครื่องเทศพวกนี้ที่คนค้าเร่เขาขายนะ]
[นายจะไปซื้อมันมาทําไม?]
[นายนั่นแหละที่ผิด! เมื่อวานนี้นายไม่ได้มาที่ร้าน! ฉันปล่อยขายรสชาติปกติไปแล้วเขาก็บอกว่ามันเผ็ดไม่พอ!]
[อย่ามาโทษฉันนะ! ให้ตายสินี่มันเผ็ดเกินไปแล้ว ไปเถอะ เธอไม่กินจะดีกว่านะ อ๊ะ]
[หืมม]
ลาเวียมองมาที่ฮิคารุอย่างว่างเปล่า เธอกินแซนด์วิชนั่นไปแล้วครึ่งหนึ่ง
[อร่อยดีนะ]
ฮิคารุมองไปที่คนขายอย่างสงสัย ชายคนนั้นส่ายหัว มันก็เหมือนของนายนั่นแหละ เขาหมายถึงเช่นนี้
[เธอชอบกินเผ็ดหรอ]
[หืมม?]
ลาเวียแค่เอียงหัวเท่านั้น
[เอาล่ะ ไปดูส่วนอื่นของเมืองกันเถอะ เอ่อ… เร็นคลอว์]
[ไปสิ]
พวกเขาสองคนเริ่มออกเดินทางกัน ฮอตดอกนั่นเผ็ดเกินไป สําหรับฮิคารุเขาจึงคืนเจ้าของไปส่วนลาเวียก็อิมจากแซนด์วิชอันแรกแล้ว
[นี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!!] เจ้าของร้านพูดเช่นนั้น ขณะ ที่น้ําตาไหลลงมาบนหน้าเขาตอนที่กินอยู่
เร็นคลอว์คือชื่อปลอมของ “ลาเวีย” เพราะลาเวียเป็นชื่อ ที่เป็นผู้หญิงมากเกินไป ฮิคารุถามเธอว่าอยากได้ชื่อไหนแล้วเธอก็บอกว่า “ฉันชอบเร็นคลอว์ทันที เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นชื่อจากตัวเอกในนวนิยายผจญภัยที่เธอเคยอ่าน
เร็นคลอว์(ลาเวีย)กําลังอารมณ์ดี แม้เธอจะแสดงสีหน้าจริงจังแต่เธอก็ฮัมเพลงอยู่
[นั่นร้านชุดเกราะโดโดโรโนะเป็นที่ๆฉันซื้อเสื้อผ้า เขาขายชุดเกราะแต่ก็ขายชุดลําลองด้วยเหมือนกัน]
[งั้นนั่นก็ร้านชุดเกราะ]
[เจ้าของร้านเป็นคนแคระที่บ้าหน่อยๆนะ]
[คนแคระ?]
และตรงนั้นก็เป็นที่ๆฉันได้กริชมา ร้านอาวุธของเลนวัด
[งั้นนั่นก็ร้านอาวุธ..]
[เจ้าของร้านเป็นเอลฟ์ บ้านิดหน่อยเหมือนกัน]
[เอลฟ์]
ลาเวียแสดงปฏิกิริยาสนอกสนใจต่อทุกๆอย่าง พวกเขายังไม่รู้ว่าข่าวการหายตัวไปของเธอแพร่กระจายไปมากแค่ไหนแล้วดังนั้นตอนนี้ฮิคารุจึงยังไม่พาเธอเข้าไปในร้าน ลาเวียจึงทําได้แค่มองจากด้านนอกและสัญญากับตัวเองว่าสักวันเธอจะเข้าไปในนั้นให้ได้เพียงเท่านั้น
[นั่นกิลด์ผจญภัย]
ลาเวีย?
[ฉันเคยฝันถึงที่นี่ ]
ฝันถึงเลยหรอ ว้าว เธอต้องอยากเป็นนักผจญภัยมากแน่ๆ ฮิคารุคิดในใจแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะเล่นมุข
[ฮิคารุ?]
[ครับ?]
[ฉันดีใจจริง ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่]
[อา จริงสิ]
[ถ้าฉันเขาไปในนั้นพวกเขาคงพูดว่า “เด็กเข้ามาทําอะไรในนี้” ใช่ไหมล่ะ]
[ใช่แล้วล่ะ]
[ฮิคารุมีประสบการณ์โดยตรงเลย]
[ครั้งหน้าเดี๋ยวเราเข้าไปเก็บข้อมูลกัน]
[เราเข้าไปได้หรอ?]
[ก็ฉันเป็นนักผจญภัยนะ ไม่นานเดี๋ยวคนก็รู้ว่าฉันทํางานกับเธอ แล้วมันก็คงจะแปลกน่าดูถ้าฉันจะไม่พาเธอไปที่กิลด์เลย]
[ฉันอยากเข้าไปในนั้น!!]
[ได้สิ ครั้งหน้านะ]
[ครั้งหน้า]
[อีกไม่กี่วันนะ]
[ตกลง]
ครู่หนึ่งลาเวียดูเศร้าใจเหมือนลูกสุนัขที่ถูกดุแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อฮิคารุพูดว่า [ในอีกไม่กี่วัน]
[ไม่ยุติธรรมเลย ตอนที่เธอทําอย่างนั้นมันทําให้ฉันอยากจะพาเธอเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย]
แต่ก่อนที่จะทําอย่างนั้นได้ฮิคารุต้องมีข้อมูลมากกว่านี้และวันนี้เขาแค่ต้องสู้กับแรงกระตุ้นนี้ไปก่อน
[เราจะไปเดินดูรอบๆเมืองอีกรึป่าว]
[ไม่ล่ะ มีบางอย่างที่ฉันอยากจะลองหน่อย ไปนอกเมืองกัน]
[เราจะไปผจญภัยหรอ?]
[เอ่อ เป็นเหมือนการเตรียมพร้อมสําหรับการผจญภัยมากกว่านะ ฉันอยากจะเห็นว่าพลังเวทมนตร์ของเธอมันมีพลังแค่ไหนนะ ฮิคารุพูดพร้อมกับเกาแก้ม]
MANGA DISCUSSION