The Sovereign’s Ascension - ตอนที่ 3
เปลี่ยนการใช้คำเล็กน้อย ประเทศนภา เป็น อาณาจักรนภา ดาบ เป็น กระบี่
————————————————————————-
โจวปิงนอนอยู่บนพื้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น“ เจ้าทาสกระบี่ไปถึงขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้ได้ยังไง!”
เขาไม่ได้อตกอยู่ในความสบสนยู่คนเดียวแม้แต่คนทำงานเล็กๆน้อยๆก็มองด้วยความไม่เชื่อ เมื่อเจ้าไปถึงขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้เจ้าจะสามารถกลายเป็นศิษย์นอกของ นิกายฟ้าครามได้ อยู่เจ้าทาสกระบี่คนนี้ก็ยืนอยู่เหนือหัวพวกเขา
หลินหยุนเหลือบมองโจวปิงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหันหน้าเดินไปทางประตูอย่างไม่แยแสกับการตอบสนองอของทุกคน
โจวปิงต้องการไล่ตามเขา แต่ก็พลันเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ซี่โครงของเขา มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ สิ่งที่เขาทำได้คือชกพื้นด้วยความหงุดหงิด ห้องทำความสะอาดกระบี่เป็นห้องใต้หลังคาที่เป็นอิสระแยกจากส่วนอื่นและในเวลาเดียวกันก็เป็นพื้นที่ต้องห้าม ห้ามมิให้ศิษย์นอกและคนทำงานเล็กๆน้อยๆเข้าไปเนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ที่มีไว้สำหรับบำรุงรักษากระบี่สำหรับศิษย์ชั้นใน กระบี่ทั้งหมดที่พบในห้องชั้นในนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์อย่างน้อยที่สุดเป็นระดับผูกชะตาหรือสูงกว่า ระดับความเชี่ยวชาญที่จำเป็นในการดูแลสิ่งประดิษฐ์ชั้นดีเหล่านี้นั้นอยู่นอกเหนือจากคนงานธรรมดาทั่วไป จากทุกคนมีเพียงหลินหยุนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไป แม้แต่โจวปิงยังไม่กล้าเข้าไปในห้องทำความสะอาดกระบี่ตามใจชอบ
“ พี่ชายโจวท่านสบายดีไหม”
“ พี่ชายโจวหลังจากนี้ ข้าไม่คิดว่าจะมีใครหยุด หลินหยุน ได้”
” พวกเจ้าทุกคนหุบปากซะ! เจ้านั่นพึ่งเม็ดยาของพี่หญิงซูเเพื่อไปถึงขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้ แต่เขาต้องการที่จะเป็นศิษย์ชั้นนอกเหรอ? หึ!” ความอัปยศของโจวปิงนั้นชักเจนมาก
ไม่มีทางที่ หลินหยุนจะทำแบบนี้กับข้าได้ ข้าคงประมาทไปเอง
หากเขาไม่สามารถรักษาใบหน้าได้จะไม่มีใครในห้องทำความสะอาดกระบี่จะเชื่อฟังเขาอีกในอนาคต เมื่อเหลือบมองไปที่ห้องทำความสะอาดกระบี่โจวปิงก็เดินกะเผลกไป
“ หลินหยุนต้องตายแน่ะ พ่อของโจวปิงเป็นผู้อาวุโสนอกและแม้แต่พี่ชายของเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่ศิษย์นอกทั้งหมด เขาถึงต้องอยู่อย่างยากลำบากในอนาคต”
“ แล้วเราจะพูดอะไรเกี่ยวกับทาสกระบี่คนนั้นได้? เขาทุกข์ทรมานมานาน แต่เขาแข็งแกร่งขึ้นและปล่อยให้มันเป็นชะตากรรมของเขาเอง”
“เขาทำให้พี่ชายโจวเจ็บปวด เขารังแกเรามานานแค่ไหน? หลินหยุนได้แก้แค้นให้พวกเราด้วยวิธีนี้”
หลังจากกลับไปกลับมาคนทำงานเล็กๆน้อยๆก็กลับไปทำงานและเริ่มบำรุงรักษากระบี่ของศิษย์นอก
ในห้องทำความสะอาดกระบี่ขณะที่หลินหยุนผลักเปิดประตูเขารู้สึกได้ถึงออร่าที่เยือกเย็นพัดมาในทิศทางของเขา ออร่าเย็นไทั้งหมดมาจากแหล่งเดียวกันนั่นคือสระน้ำแข็ง พื้นผิวของสระน้ำแข็งถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเย็นขณะที่ชิ้นส่วนของน้ำแข็งอยู่บนพื้นผิวของมัน ภายในสระมีกระบี่สิบเล่มวางอยู่
แม้จะรวมความทรงจำของเจ้าของร่างก่อนหน้านี้เข้ากับของเขาเอง แต่สระน้ำแข็ง ยังคงเป็นปริศนาสำหรับหลินหยุน การไหลของน้ำแข็งในสระนั้นเย็นกว่าน้ำแข็งพันปีจากทะเลสาบจันทราของ อาณาจักรนภานี่เป็นความลับที่เขาก็บรักษาไว้อย่างดีแม้กระทั่งในนิกาย
ตรงข้ามสระน้ำแข็งจากจุดที่หลินหยุนยืนอยู่มีชายชราคนหนึ่งกำลังลับกระบี่ นอกจากหินลับคมกระบี่แล้วยังมีของเหลวแห่งจิตวิญญาณอย่างน้อยสิบสีที่แตกต่างกัน ทักษะของชายชรามียอดเยี่ยมมากในบางครั้งเขาจะใช้ของเหลวจิตวิญญาณทีละยหดหรือรวมเข้าด้วยกันก่อนที่จะเทลงบนหินลับคมกระบี่
หลินหยุนไม่ได้พูดขณะที่เขาดูชายชราลับกระบี่ เมื่อเขาทำเสร็จหลินหยุนก็ประสานมือของเขาเข้าด้วยกัน“ ผู้อาวุโสหงข้ามาถึงขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้แล้วและข้าจะออกจากห้องทำความสะอาดกระบี่เร็ว ๆ นี้”
ผู้อาวุโสหงเป็นเจ้านายที่แท้จริงของห้องทำความสะอาดกระบี่ แต่เขาไม่ชอบที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการซึ่งส่งผลให้เกิดการกดขี่ข่มเหงของโจวปิง หลินหยุนได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่เขารู้จากชายชราคนนี้ เป็นเพราะหลินหยุนได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องทำความสะอาดกระบี่จึงทำให้เขาสามารถบำรุงรักษากระบี่ของศิษย์ภายในได้
ความตกใจบสั้น ๆ แสดงบนใบหน้าของชายชราก่อนที่จะฟื้นความสงบ เขากล่าวด้วยการถอนหายใจ“ ไม่น่าแปลกใจเลย ความสามารถตามธรรมชาติของเจ้าอาจขาดไปบ้าง แต่เจ้าก็ได้โอสถมากมายมาจาก ซูจือเหยา แต่ระวัง. ในการเดินทางของเส้นทางแห่งการต่อสู้การไปถึงเซียนเทียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
“ ด้วยทักษะของเจ้ามันจะเป็นการเดินทางที่ยากลำบาก ท้ายที่สุดก็ยังคงเจอทางตัน ถ้าเจ้ามีชะตากับกระบี่ เจ้าจะสามารถเชื่อมต่อกับสิ่งประดิษฐ์ผูกชะตา ถ้าเราอยู่ข้างนอกข้าสามารถแนะนำเจ้าให้รู้จักกับปรมาจารย์ผูกชะตาได้ เมื่อเจ้ามีทักษะเพียงพอเจ้าจะได้สัมผัสกับผู้แข็งแกร่งที่เจ้าอาจไม่เคยจินตนาการถึง “
คำพูดของผู้อาวุโสหงทำให้หลินหยุนสับสน ปรมาจารย์ผูกชะตาคืออะไร? เหตุใดเซียนเทียนจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของวิถีแห่งการต่อสู้? อย่างไรก็ตามเขาสามารถบอกได้ว่าผู้อาวุโสหงกังวล และเมื่อตัดสินจากประโยคแรกของผู้อาวุโสหงดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนี้บุญคุณกับซู่จื่อเหยาเป็นอย่างมาก
“ ผู้อาวุโสหงขอบคุณสำหรับความห่วงใย ข้าได้กำหนดเส้นทางของข้าแล้วและไม่ว่าจะมีความยากลำบากใดที่รอข้าอยู่ ข้าจะเดินบนเส้นทางแห่งการต่อสู้ต่อไป ข้าไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของข้าดังไปทั่ว ข้าแค่ไม่อยากเสียใจภายหลัง”
เขามีชีวิตอยู่เป็นครั้งที่สองและรอดพ้นจากความตาย เขาเคยผ่านความยากลำบากมามากมาย
ความจริงใจของ หลินหยุนทำให้ผู้อาวุโสหงประหลาดใจ เขายิ้ม“ ไม่เสียใจภายหลัง…”
คำพูดของหลินหยุนมีความหมายอยู่เต็มเปี่ยม ไม่มีอะไรที่ผู้อาวุโสหงจะต้องชี้แนะเพิ่มเติมอีกแล้ว
“ การเปลี่ยนจากทาสกระบี่ไปสู่ขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งก้าวสู่สวรรค์ ข้าต้องขอแสดงความยินดีและขอบคุณที่เจ้ายังจำคนแก่อย่างข้าได้ ข้าไม่มีอะไรจะมอบให้เจ้านอกจากภาพวาดนี้ มันอยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้า” ผู้อาวุโสหงพูดขณะที่เขายื่นม้วนกระดาษหลินหยุน
หลินหยุนพูดไม่ออก ภาพวาดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของ ผู้อาวุโสหง หลินหยุนคนเก่าเจ้องมองมันหลายครั้งเมื่อตอนที่เขาอยู่คนเดียว ผู้อาวุโสหงเคยให้เขามามากแล้วเขาจะเอาสมบัติของเขาไปได้อย่างไร? เขาทำไม่ได้
“ ตอนที่ข้ายังเด็กข้ากลายเป็นคนพิการเพราะภาพวาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่สามารถค้นหาอะไรความลับกับมันได้ ตอนนี้ขาข้างหนึ่งของข้าก้าวลงไปในหลุมศพแล้ว ทำไมข้ายังต้องการมันอีกล่ะ? เพื่อที่มันจะถูกฝังกับข้า?”
“ ถ้าข้าจำไม่ผิดเจ้าฝึกฝนหมัดพยัคฆ์ดุร้าย…ภาพวาดนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับเจ้า”
ผู้อาวุโสหงยัดภาพวาดลงในมือของหลินหยุนและโบกมือให้เขา“ เอาไปเถอะ เจ้าไม่ต้องมาที่นี่อีกต่อไป เมื่อเจ้าอยู่ที่นั่นอย่าปล่อยให้คนอื่นทำให้เจ้าหลงทาง เจ้าหลินหยุนไม่ใช่ทาสกระบี่ของนิกายฟ้าครามอีกต่อไป!”
ผู้อาวุโสหงพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงหนักหน่ว คำพูดของเขากระทบไปถึงส่วนลึกสุดในหัวใจของเขา ถูกต้องไม่ว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไรต่อจากนี้เขาก็สามารถเชิดหน้าขึ้นสูงได้ หลินหยุนถือภาพวาดไว้ใกล้ ๆ ก่อนที่เขาจะจากไป
ขณะที่เขาเฝ้าดูการจากไปของหลินหยุนผู้อาวุโสหงก็ถอนหายใจด้วยความกังวล
เมื่อหลินหยุนออกมาจากห้องทำความสะอาดกระบี่ คนทำงานเล็กๆน้อยๆทุกคนมองเขาต่างออกไป พวกเขามองเขาด้วยความอิจฉาและห่วงใย ทุกคนรู้ว่าหลินหยุนจะไม่กลับมาที่นี่ เมื่อโจวปิงหายไปหลินหยุนก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าไม่มีใครขวางเส้นทางของเขา หลังจากมองกลับไปครั้งสุดท้ายแล้วเขาเดินจากไปและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของตัวเอง
บ้านของเขาเป็นบ้านที่ไม่เด่นซึ่งตั้งอยู่ห่างจากยอดเขาฟ้าคราม ในห้องของเขาหลินหยุนเริ่มเขียนหนังสือของเขา
โอสถบำรุงร่างกายหนึ่งร้อยเม็ด เสริมโลหิตยี่สิบเม็ด … ทั้งหมดเป็นทองคำสามร้อยเหรียญ…
เขากำลังบันทึกโอสถทั้งหมดที่ ซูจือเหยา มอบให้เขาในช่วงสองปีที่ผ่านมา
พรสวรรค์ของเขาทำให้เขามีโอกาสที่ทำให้เขาดูแลกระบี่ของ ซูจือเหยา ได้ ในช่วงสองปีที่ผ่านมางานของเขาที่ทำให้นางได้ผลรวมค่อนข้างมาก อย่างที่ทุกคนเคยพูดไว้หากไม่มีรางวัลทั้งหมดนี้ เจ้าของร่างคนก่อนหน้านี้จะไปถึงขั้นที่สามของเส้นทางแห่งการต่อสู้ไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้าวเข้าสู่ความสำเร็จ
นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างชัดเจนสำหรับเจ้าของร่างคนก่อน ความจำของเขาไม่ดีเท่าของหลินหยุน แต่เขาก็จำทุกรายละเอียดของปฏิสัมพันธ์ของเขากับซูจื่อเหยาตั้งแต่รางวัลที่เขาได้รับไปจนถึงเหตุผลที่นางมาให้เขาดูแลกระบี่ได้ เขาจำได้ว่าอากาศเป็นอย่างไรในวันที่นางแวะมา ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อยเขาจะสามารถจดจำทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ ซูจือเหยา ได้
เจ้าของคนก่อนของร่างกายนี้ไม่ได้โง่และเขามีความมุ่งมั่นอย่างไม่น่าเชื่อ หลินหยุนคิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงเป็นคนโง่เมื่อพูดถึงซูจื่อเหยา รางวัลของนางเป็นเพียงเรื่องมารยาทเท่านั้น มันไม่ได้ถือเป็นมารยาท เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจสิ่งที่นางมอบให้
ความรักเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้อย่างแท้จริง
เมื่อนึกถึงวิธีที่ซูจื่อเหยาเช็ดกระบี่ของนางในวันนี้และการแสดงออกของนางทำให้หลินหยุนส่ายหัวขณะที่เขาเขียนต่อ หลังจากเขียนเสร็จเขาค่อยๆเป่าให้แห้ง เมื่อเขานึกถึงการจ้องมองที่ไม่แยแสของ ซูจือเหยา และความหลงใหลที่เจ้าของร่างก่อนหน้านี้มีต่อนาง หลินหยุนก็ส่ายหัว แม้กระทั่งตอนนี้ความรู้สึกจากเจ้าของคนก่อนของร่างกายนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อเขา
“ ไม่ต้องกังวลไป เมื่อข้าเข้าร่วมนิกายชั้นนอกและพบกับความสำเร็จของตัวเองข้าจะตอบแทนนางสิบเท่าในนามของเจ้า”
หลินหยุนเอนหลังเอากระดาษเก็บขณะที่เขาพึมพำ ด้วยเหตุผลบางประการการพูดคำเหล่านั้นทำให้อารมณ์ของเขาสงบลง น่าแปลกที่พวกมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หากเจ้ามีชีวิตหลังจากตายอีกครั้ง อย่าหลงมัวเมาในความรัก