The Soul Purchasing Pirate - บทที่ 400: ฝูงหมาป่า
S.P.P: บทที่ 400: ฝูงหมาป่า
ณ ฐานที่มั่นของเผ่าแชนเดียร์ภายในกระท่อม
ค่าพูดของวิถีสวรรค์ทําให้ดวงตาของเหล่านักรบแห่งแชนเดียร์หดแคบและจับตามองเขาอย่างใกล้ชิด
–
โบราณสถานแชนโดร่านั้นเป็นสถานที่ที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยเติบโตมาซึ่งนั้น หมายความว่ามันเป็นสถานที่ที่ชุบเลี้ยงชาวเผ่าแชนเดียร์ขึ้นมานับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามด้วยสงครามกับชาวท้องฟ้าทําให้พวกเขาถูกขับไล่ออกมาจากที่แห่งนั้น ซึ่งที่แห่งนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยสมบัตินับไม่ถ้วนที่ผู้คนในโลกใบนี้ต่างก็หลงลืมมันไปแล้ว
“มันมีปัญหาอะไรหรือยังไง?”
วิถีสวรรค์ได้กล่าวและจ้องมองไปที่เหล่านักรบแห่งแชนเดียร์ด้วยสายตาที่เย็นชา
หัวหน้าเผ่าได้สูดหายใจและกล่าวออกมาว่า
“จริงอยู่ที่โบราณสถานแชนโดร่าคือสถานที่คุ้นเคยของเผ่าแชนเดียร์และมันก็มีสมบัติมากมายมหาศาลของเหล่าบรรพบุรุษอยู่”
“แต่..”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ใบหน้าของหัวหน้าเผ่าก็ดูจะเจ็บใจเป็นอย่างมาก
” แต่อะไร?”
วิถีสวรรค์ได้เผยสีหน้าสับสนออกมา
“ที่แห่งนั้นมันถูกครอบครองโดยจอมเทพดังนั้นพวกข้าจึงไม่สามารถไปที่นั้นได้ และด้วยเหตุนี้เองพวกข้าจึงไม่สามารถนําทางเจ้าได้”
หัวหน้าเผ่าได้กล่าวและถอนหายใจออกมา
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เหล่านักรบแห่งแชนเดียร์ที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็รู้สึกอับอาย แม้พวกเขาจะเป็นนักรบที่น่าเกรงขามแต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะสู้กับพวกกองทัพเทพได้เลยแม้ว่าอีกฝ่ายจะปล้นซึ่งทุกอย่างที่เป็นของพวกเขาไป
“ฉันจะพาไปที่นั่นเอง”
วิถีสวรรค์ได้กล่าวออกมาด้วยท่าที่เย็นชา
ไม่รอให้อีกฝ่ายกล่าวตอบวิถีสวรรค์ได้ทําการกล่าวถามออกมาอีกครั้งในทันที
“หาคนที่คุ้นเคยกับโบราณสถานแชนโดร่ามาให้ฉัน”
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง
“สิ่งที่ฉันต้องการคือสมบัติของแชนโดร่าที่เหลือฉันไม่สน”
หัวหน้าเผ่าเริ่มรู้สึกลังเลแต่เมื่อมองไปที่อีกฝ่ายความลังเลก็ได้มลายหายไปในทันที
“ราก”
“ไปเอาแผนที่ของแชนโดร่าแล้วตามเขาไป”
เมื่อได้ยินดังนั้นรากิก็ได้จากไปในทันที
“รออีกสักพักเดี่ยวรากิก็กลับมาแล้ว”
วิถีสวรรค์ทําเพียงแค่ยืนฟังอยู่เงียบๆ
สามนาทีต่อมารากิก็ได้กลับมาหาวิถีสวรรค์
“พร้อมหรือยัง?”
วิถีสวรรค์ได้กล่าวถามออกมาด้วยท่าที่เย็นชา
“พร้อมแล้ว”
รากได้สูดหายใจเข้าและกล่าวตอบออกมา
“ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว!”
เมื่อกล่าวจบวิถีสวรรค์ก็ได้พุ่งออกไปจากฐานที่มั่นของเผ่าแชนเดียร์ในทันทีพร้อมกับรากที่วิ่งตามมาติดๆ ด้วยความเร็วของพวกเขาทั้งสองเพียงพริบตาเดียวเงาร่างของพวกเขาก็ได้หายเข้าไปในป่า
“เฮ้อออ”
หัวหน้าเผ่าได้จ้องมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาทั้งสองและถอนหายใจออกมา
“หัวหน้าเผ่า,ราก็จะไม่เป็นอะไรงั้นหรอ?”
นักรบแห่งแชนเดียร์ที่อยู่ข้างหลังได้กล่าวถามออกมาด้วยความกังวล
เหตุผลที่เผ่าแชนเดียร์ไม่คิดที่จะเข้าไปในโบราณสถานแชนโดร่านั้นมันไม่ใช่แค่เพราะว่ามันถูกครอบครองโดยจอมเทพเท่านั้น แต่มันเป็นเพราะสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น
“เธอไม่เป็นอะไรหรอก!”
หัวหน้าเผ่าได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
เนื่องจากเป้าหมายของพวกเขาคือโบราณสถานแชนโดร่าทําให้พวกเขาต้องเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของป่า
ท่ามกลางป่าไม้ที่เงียบสงบ,วิถีสวรรค์และรากินั้นได้วิ่งอยู่บนกิ่งไม้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อยิ่งพวกเขาก้าวไปข้างหน้ามากขึ้นเท่าไหร่รากิก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึง
“ผู้ชายคนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่ขนาดฉันใช้ความเร็วสูงสุดของสกีก็ยังไม่สามารถตามความเร็วของเขาได้เลย”
ทั้งๆที่ชายหน้าตายคนนี้ใช้เพียงแค่ขาในการวิ่งแต่เธอก็ยังไม่สามารถตามความเร็วของเขาได้ทัน!
นี่มันร่างกายบ้าอะไรกัน!?
ในเช้าวันต่อมาทั้งสองก็ได้เดินทางมาถึงชายขอบของโบราณสถานแชนโดร่า
ในเวลานี้ดวงตาของรากนั้นดูอ่อนล้ามากในตลอดเส้นทางที่ผ่านมารากินั้นยังไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่นิดเดียวดังนั้นในตอนนี้เธอจึงใกล้ที่จะถึงขีดจํากัดแล้ว
“พักผ่อนกันสักหนึ่งชั่วโมงก็แล้วกัน”
วิถีสวรรค์ได้จ้องมองไปที่รากและกล่าวออกมาด้วยท่าที่เย็นชา
ความเหนื่อยล้าสะสมทําให้ราก็หลับไปในทันที
ส่วนวิถีสวรรค์นั้นด้วยความที่ว่าเขาตายไปแล้วทําให้เขาไม่จําเป็นต้องพักผ่อนแต่เขานั้นได้ กวาดตามองไปโดยรอบด้วยท่าที่จริงจัง
จริงอยู่ที่สัตว์ป่าที่อยู่ในบริเวณนี้จะไม่สามารถทําอะไรเขาได้แต่มันไม่ใช่กับรากิ
“อะวู้ววว!”
ในตอนนั้นเองที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของป่าก็ได้ปรากฏร่างของหมาป่าขึ้นมา
วิถีสวรรค์ได้จ้องมองไปที่มันด้วยท่าที่เฉยชา
“อะว้ววว!”
ในตอนนั้นเองเมื่อหมาป่าตนนั้นหอนออกมารอบๆตัวของวิถีสวรรค์และรากิก็ได้ปรากฏร่างของฝูงหมาป่าขึ้นมา
หมาป่าฝูงนี้มีจํานวนอยู่ประมาณ 30 ตัวด้วยจํานวนของพวกมันแล้วเชื่อเหลือเกินว่าแม้แต่เสือดาวและเสือโคร่งก็ยังต้องหลีกเลี่ยง
แม้ว่าจะถูกปิดล้อมแต่วิถีสวรรค์ก็ยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด
ฝูงหมาป่าเหล่านี้นั้นไม่ใช่ภัยคุกคามสําหรับเขาเลยแม้แต่น้อย
“อะวู้วววว!”
เมื่อพวกมันหอนออกมาดวงตาของพวกมันก็ได้เปลี่ยนไปเป็นดุร้ายและในเวลาเดียวกันนั้นเองพวกมันก็ได้ย่องเข้าไปหาวิถีสวรรค์และรากยิ่งพวกมันเข้าใกล้พวกเขามากเท่าไหร่ความเร็วของพวกมันก็ยิ่งเร็วขึ้นเมื่อได้ระยะที่ต้องการมันก็ได้พุ่งเข้าไปโจมตีวิถีสวรรค์ในทันที
ความเร็ว,ท่าทาง,และแรงกดดันของหมาป่าเหล่านี้นั้นน่ากลัวจริงๆ
เพียงพริบตาเดียวหมาป่าตัวแรกก็ได้พุ่งมาถึงตรงหน้าของวิถีสวรรค์
“บูม!”
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองวิถีสวรรค์ก็ได้หมุนตัวและเตะเข้าไปที่หัวของหมาป่าตนนั้น
“แครก!”
ตามสรีระร่างกายแล้วส่วนหัวของสิ่งมีชีวิตนั้นถือว่าเป็นส่วนที่แข็งที่สุด อย่างไรก็ตามภายใต้พลังอานาจของวิถีสวรรค์นั้นแม้แต่ส่วนที่แข็งที่สุดก็ยังแตกสลายเป็นเม็ดทราย
“อะวู้ววว!”
การพ่ายแพ้ของหมาป่าตนนั้นได้ไปกระตุ้นความโกรธของหมาป่าตัวที่เหลือ
แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นแต่วิถีสวรรค์ก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเฉยชา
เมื่อไหร่ที่มีหมาป่าวิ่งเข้ามาวิถีสวรรค์ก็จะลงมือจัดการมันในทันทีไม่ว่าจะเตะต่อย และหลังจากนั้นไม่นานฝูงหมาป่าเหล่านั้นก็ได้นอนหมดลมหายใจอยู่บนพื้น
ในเวลานี้ฝูงหมาป่าที่มีมากกว่า 30 ตัวนั้นเหลือเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้นและในเวลานี้มันก็กําลังจ้องมองมาที่วิถีสวรรค์ด้วยความหวาดกลัว
เมื่อมองไปที่ดวงตาสีม่วงคู่นั้นร่างกายของมันก็ถึงกับสั่นสะท้าน
ในตอนนั้นเองมันก็ได้หันหลังและจากไปอย่างรวดเร็ว
วิถีสวรรค์ได้จ้องมองไปที่หมาป่าตนนั้นด้วยแววตาเย็นชา
ในบรรดาอวตารทั้งหกนั้นวิถีสวรรค์นับว่าเป็นอวตารที่เย็นชาที่สุดแล้ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมาวิถีสวรรค์ก็ได้ทําการปลุกราก
“ครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว,ไปกันได้แล้ว”
เมื่อได้ยินน้ําเสียงที่เย็นชาของวิถีสวรรค์รากก็ได้ดีดตัวลุกขึ้นมาในทันที
เมื่อได้พักอาการเหนื่อยล้าที่เคยมีก็ได้หายไปพร้อมกับเรี่ยวแรงที่คืนกลับมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมารากิก็ต้องรู้สึกช็อค
“นี่มันหมาป่าไม่ใช่หรอ!?”
บนพื้นนั้นมีซากของหมาป่าประมาณ 30 ตัวนอนกองอยู่บนพื้นพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด
ในตอนนั้นเองเธอก็ได้หันไปหาวิถีสวรรค์ในทันที
“ทั้งหมดนี่คือฝีมือคุณงั้นหรอ?”
รากิได้กล่าวถามออกมาด้วยความตกตะลึง