The Soul Purchasing Pirate - บทที่ 361: นายไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?
S.P.P: บทที่ 361: นายไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?
หลังจากที่โรแกนลุกขึ้นมาเจสัน,คล็อกโคไดล์,เทรนซุ และเจ้านายตัวน้อยก็ได้ลุกตามขึ้นมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เดินออกไปจากบาร์ ไม่มีใครกล่าวกับคาบูกิและก็ไม่มีใครสักคนที่ทําอะไรคาบูกิ
พวกเขาทําเพียงแค่เดินออกไปจากบาร์โดยที่ไม่เห็นคาบูกอยู่ในสายตา
เมื่อพวกเขาจากไปผู้คนที่อยู่ภายในบาร์ก็ได้สติกลับคืนมา
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
“คาบกิลกขึ้นมาได้แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่?”
“พวกนั้นเป็นใครกันแน่ฉันไม่เคยจะเห็นหน้าพวกเขามาก่อนเลย แต่ฉันสัญญาเลยว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่ไปยั่วโมโหพวกเขาอย่างเด็ดขาด!”
ผู้คนต่างก็กําลังรู้สึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคาบูกิกันแน่
ในตอนนั้นเองชายคนหนึ่งก็ได้เดินเข้าไปหาคาบุกิ แต่ในเวลานั้นเมื่อเขาเห็นสีหน้าของคาบูกิ เขาก็ถึงกับก้าวถอยหลังไปชนกับโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง
“เพร้ง!”
ทันใดแก้วไวน์ก็ได้ตกลงมาบนพื้น
“คาบูกิ!”
สิ่งที่เขาเห็นนั่นก็คือใบหน้าที่ทุกข์ทรมานด้วยความหวาดกลัวของคาบูกิ หลังจากที่เห็นใบหน้าของคาบูกิมันก็พาลให้เขารู้สึกกลัวไปด้วย
หลังจากนั้นก็มีคนที่ต้องการเข้ามาช่วยคาบูกิ แต่ไม่ว่าเขาจะทํายังไงร่างของคาบูกิก็ไม่ขยับเลยสักนิดราวกับว่าร่างกายของเขาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นไปแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้เขาได้ระดมคนมานับสิบคนเพื่อมาช่วยกันแบกร่างของคาบูกิ แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวพวกเขาไม่สามารถทําอะไรกับร่างของคาบูกได้เลย
ในตอนนั้นเองพวกเขาทุกคนก็ได้ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาในจิตใจ พวกเขาแต่ละคนต่างก็สลักใบหน้าของพวกโรแกนเอาไว้ภายในส่วนลึกของจิตใจ
“พวกนั้นจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
แค่คําพูดสองคํากลับสามารถทําให้คาบูกิตกอยู่ในสภาพที่น่าอดสูแบบนี้ได้
นี่มันพลังอํานาจบ้าบออะไรกัน?
กว่าคาบุกิจะสามารถขยับร่างได้ก็กินเวลาไปถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน และแม้จะสามารถขยับร่างได้ เขาก็ต้องมาเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดจากการคุกเข่าเป็นเวลานานจนต้องกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมานและหมดสติไป
ส่วนทางด้านโรแกนนั้นพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงอีกฟากหนึ่งของเกาะจายาแล้ว
หลังจากมาถึงยังที่แห่งนี้พวกโรแกนก็สามารถสัมผัสกับความแตกต่างของที่แห่งนี้ได้ในทันที
“ฟองสบู่พวกนี้มันคืออะไรกัน?”
ในตอนนี้พวกเขากําลังสงสัยว่าไอ้ฟองสบู่ลึกลับบนผิวทะเลพวกนี้คืออะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็ได้จางหายไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเองพวกเขาที่อยู่บนด้านฟ้าเรือก็ได้มองเห็นร่างของชายคนหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำตรงบริเวณชายฝั่งพร้อมกับชุดดําน้ำ
“เฮ้!,นายตรงนั้นหน่ะใช่ม็องบลัง คริกเกตไหม!?”
ในตอนนั้นเองชาร์โปลอสก็ได้ตะโกนถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินใครบางคนตะโกนเรียกชื่อของตนเอง คริกเกตก็ได้กวาดตามองหาที่มาในทันทีก่อนที่จะพบกับพวกโรแกนที่อยู่บนท้องทะเล
แต่เขามองเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นแล้วเขาก็ได้ถอนสายตากลับพร้อมกับหมุนตัวและเดินจากไป
แต่เมื่อเขาเดินกลับเข้าไปในบ้านของเขา เขาก็พบว่ารูทดราก้อนนั้นกําลังแล่นเข้ามาที่ชายฝั่งอย่างช้าๆ
“คนพวกนี้ตั้งใจมาหาฉันงั้นหรอ?”
คริกเกตได้พึมพําออกมาด้วยความสงสัยพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วจ้องมองไปที่โรแกนและคนอื่นๆ ที่กําลังเดินเข้ามาหาเขา
“นายคือมองบลัง คริกเกตใช่ไหม?”
คริกเกตก็ได้พยักหน้ารับพร้อมกับกล่าวถามออกมาว่า
“ใช่,ว่าแต่พวกนายมีธุระอะไรกับฉัน?”
โรแกนได้ยกยิ้มและกล่าวออกมาว่า
“ฉันมีธุระกับนายนิดหน่อย”
อีกด้านหนึ่งบนเกาะจายาที่เมืองม็อคทาวน์
ภายในเมืองม็อคทาวน์ในเวลานี้ได้ปรากฏเรือของโจรสลัดกลุ่มหนึ่ง และในตอนที่พวกเขาแล่นเรือมาถึงที่ท่าเรือของเมืองม็อคทาวน์พวกเขาก็ได้มุ่งหน้ามาที่คาสิโนสควีซในทันที
และเมื่อพวกเขามาถึงที่คาสิโนสควีซพวกเขาก็ต้องรู้สึกสงสัยเพราะในเวลานี้ประตูของคาสิโนสวีซนั้นถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้เอื้อมมือออกไปเคาะประตู
“ปึง! ปัง!”
เพียงครู่เดียวก็มีพนักงานคนหนึ่งมาเปิดประตูให้กับพวกเขา
“แล้วสควีซล่ะอยู่ไหน?”
ชายที่เป็นผู้นําได้กล่าวถามออกมาด้วยท่าทางที่ดุร้าย
“พอดีว่าหัวหน้าเขาได้รับบาดเจ็บ”
พนักงานคนนั้นได้กล่าวออกมาด้วยความระมัดระวัง
“ได้รับบาดเจ็บ?”
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้หันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย
“พาพวกเราไปหาเขาเดี๋ยวนี้!”
แม้ว่าต้องการจะปฏิเสธแต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะกล่าวคําปฏิเสธออกมา เพราะในตอนนี้อีกฝ่ายกําลังเอาปืนจ่อมาที่หัวของเขา
“เขาอยู่ที่นี่”
หลังจากพาพวกเขามาถึงที่ห้องของสควีซพนักงานคนนั้นก็ได้หมุนตัวแล้วเดินจากไปในทันที
ในตอนนั้นเองชายคนนั้นก็ได้ผลักประตูเข้าไปโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว
“สควีซ,พวกเรามารับสินค้าแล้ว!”
สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือหัวของสควีซที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล ในตอนนี้สควีซนั้นกําลังนอนรักษาอาการบาดเจ็บของเขาอยู่บนเตียง
บนพื้นที่อยู่ใกล้ๆกับเตียงของเขานั้นก็คือคราบเลือดของเขาที่หยดลงไปบนพื้น
“นั่งกันก่อนสิ!”
สควีซได้กล่าวออกมาอย่างช้าๆ
“ใครเป็นคนทํานาย!?”
ในตอนนี้เขากําลังรู้สึกประหลาดใจ เพราะเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าในครึ่งแรกของแกรนด์ไลน์ มันจะมีคนที่สามารถเล่นงานสควีซได้
“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษพวกนายด้วยที่ในตอนนี้ฉันไม่สามารถมอบสินค้าให้กับพวกนายได้เพราะว่ามันได้ถูกชิงไปแล้ว!”
สควีซนั้นไม่ได้กล่าวตอบคําถามของพวกเขา แต่คําพูดที่เขากล่าวออกมานั้นมันทําให้พวกเขาถึงกับลุกขึ้นมาในทันที
“แกพูดว่าไงนะ!? สควีซแกรู้ไหมว่าแกพูดอะไรออกมา? สิ่งนั้นมันคือของๆบอส!”
ชายที่เป็นหัวหน้าได้ตะโกนออกมาเสียงดัง
“ฉันร์! แต่นายรู้ไหมว่าพวกนั้นเป็นใคร? ฉันไม่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้!”
สควีซเองก็ได้ตะโกนสวนออกมาในทันที
“นายไม่ได้พูดถึงบอสหรือไง?”
ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าสควีซนั้นพยายามที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวถามออกมาแบบนั้น
“ฉันพูดแล้ว แต่พวกเขาไม่สน!”
สควีซได้กล่าวออกมาด้วยความโมโห
” พวกนั้นเป็นใคร?”
ชายคนนั้นได้กล่าวถามออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
เขากําลังรู้สึกกังวล บนโลกใบนี้มันมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่กลัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา
“นายดูเอาเองเถอะ!”
สควีซได้โยนใบประกาศจับที่เตรียมเอาไว้ให้กับอีกฝ่ายในทันที
เมื่อเห็นดังนั้นชายคนนั้นก็ได้หยิบประกาศจับขึ้นมาดูในทันที และในตอนนั้นเองสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่โผล่ขึ้นมาเต็มใบหน้าของเขา
“กัปตันกลุ่มโจรสลัดโซล โกล ดี. โรแกน,ค่าหัว 880 ล้านเบรี!”
ภาพที่อยู่ในใบประกาศจับนั่นคือภาพของโรแกนที่อยู่ในร่างฮอลโลว์ที่กําลังจ้องมองไปข้างหน้าด้วยดวงสีแดงที่แสนเย็นชา
เขารู้สึกราวกับกําลังถูกจ้องมองโดยสัตว์ร้าย!
“เขางั้นหรอ?”
เขาได้กลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกใหญ่ๆ
“เขากลับมาแล้วงั้นหรอ?”
“มันไม่ใช่แค่เขา!”
เมื่อได้ยินดังนั้นสควีซก็ได้หยิบใบประกาศจับที่เหลือขึ้นมาดูในทันที
อย่างที่สควีซได้กล่าวเอาไว้พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้จริงๆ ถ้าจะมีคนที่สามารถสู้กับพวกเขาได้ละก็มันคงจะมีเพียงแค่บอสของพวกเขาเท่านั้น
หลังจากลังเลอยู่สักพักในที่สุดเขาก็สามารถตัดสินใจได้
“สควีซนายร์ใช่ไหมถึงผลที่ตามมาของการทําให้บอสไม่พอใจ?”
“ฉันรู้!”
“ว่าแต่นายคิดที่จะทําอะไร?”
สควีซได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ฉันจะไปเจอกับพวกเขา”
“นายไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?”
สควีซได้กล่าวออกมาด้วยความเยาะเย้ย